Home » Lamborghini ลังเลการทำซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้า เหตุน้ำมันสังเคราะห์ ยังเป็นทางออกที่น่าสนใจ
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Lamborghini ลังเลการทำซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้า เหตุน้ำมันสังเคราะห์ ยังเป็นทางออกที่น่าสนใจ

แม้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Lamborghini ได้มีการเปิดตัวต้นแบบว่าที่รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายไป แต่มันก็ยังคงเป็นเพียงรถยนต์แนวครอสโอเวอร์เท่านั้น และดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่มั่นใจในการทำรถซุปเปอร์คาร์พลังไฟฟ้าเท่าไหร่นัก

ย้อนไปในช่วงขวบปีก่อนหน้านี้ ทาง Lamborghini ได้มีการสร้างความเคลื่อนไหว ที่จะขยับไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกอยู่บ่อยครั้ง แถมยังมีการประกาศอีกว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รถยนต์ที่พวกเขาขายจะมีแต่รถที่มาพร้อมกับขุมกำลังลูกผสม หรือไฮบริดเป็นอย่างน้อยเท่านั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของภาครัฐที่ต้องการจะลดการปลดปล่อยมลพิษจากยานพานะลง

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการแสดงความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวออกมาแล้วก็ตาม แต่ทางค่ายกลับยังไม่มีการแสดงความเคลื่อนไหวที่จะมุ่งไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวมากเท่าไหร่นัก เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พวกเขามีแต่การเผยคอนเซ็ปท์รถยนต์ไฟฟ้าเพียง 2-3 รุ่น และมีเพียง Lamborghini Lanzador ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อ 2 เดือนก่อนเท่านั้น ที่ถูกประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลายเป็นตัวขายจริงในอีก 5 ปีข้างหน้า (ซึ่งก็นานอยู่ดี)

แน่นอน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะทางค่าย มองว่าลูกค้าของแบรนด์ยังคงคลั่งไคล้ในมนต์สเน่ห์ของขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายในกันอยู่ และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมีเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้มันสามารถไปต่อในอนาคตได้อยู่ด้วยนั่นคือน้ำมันสังเคราะห์ หรือ e-Fuel

และจากการให้ข้อมูลกับสื่อ Autocar ของนาย Stephan Winkelmann ผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของ Lamborghini ระบุว่าในตอนนี้บริษัทของพวกเขา”ยังพอจะมีเวลาให้พิจารณา(เทคโนโลยีน้ำมันสังเคราะห์)อยู่”

“การาทำรถซุปเปอร์คาร์พลังน้ำมันสังเคราะห์อาจเป็นทางเดินที่ง่ายกว่าสำหรับเรา, แต่เราจำเป็นต้องรอและดูว่าเหล่าผู้ดูแลกฏหมายจะว่ายังไงกับมันบ้าง, และหรือไม่เราก็ต้องได้รับข้อตกลงระดับโลกในการนำมันไปใช้” Winkelmann กล่าว

“เราคือบริษัทระดับโลก, ดังนั้นมันคงไม่ดีถ้าพวกเขาจะอณุญาตให้ใช้มันได้แค่เฉพาะในที่แห่งเดียว, มันต้องใช้งานได้จริง และโลดแล่นได้ทุกที่, แผนนี้ก็เพื่อรถที่สามารถใช้งานได้ในทุกวันของเรา (ทั้ง Urus และ Lanzador) สำหรับทั้งรถไฟฟ้าเต็มตัวที่เราจะขายภายในสิ้นทศวรรษนี้ และสำหรับรถซุปเปอร์สปอร์ตที่เราจะทำเป็นรถไฮบริด, และรถเหล่านั้นจะต้องอยู่(ขาย)ต่อไปได้อีกแปดถึงเก้าปีจากนี้ (จนถึงช่วงปี 2030)”

“และ โดยปกติแล้ววัฏจักรการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่จะใช้เวลาราวๆสี่ปี เรายังมีเวลาให้จับตาดูและรอจนกว่าภาพจะชัดเจน”

“ความจริงก็คือ, เรายังไม่รู้ว่าลูกค้าที่หลงไหลในรถสปอร์ตรุ่นปัจจุบันของเรา จะพร้อมขยับไปสู่รถยนต์ไฟฟ้ามากแค่ไหน, เรายังไม่ได้ถามพวกเขาเลยด้วยซ้ำ, แรกสุด, เราต้องเตรียมพร้อมพวกเขาไปสู่หนทางที่เชื่อถือได้, คุณต้องทำในวิธีที่ถูกที่ควร, กับรถ Lanzador, ในทีแรก, เราเริ่มด้วยการเผยร่างต้นแบบ, วิสัยทัศน์, ที่มีความเป็นจริง, เพียงครั้งเดียวที่ผู้คนเห็นมัน คุณก็พอจะรู้แล้วว่าตลาดพร้อมหรือยัง ?”

“ย้อนไปสักห้าหรือหกปีที่แล้ว, ตอนที่เราตัดสินใจจะทำรถยนต์ไฮบริด, มันคือการตัดสินใจที่ยากมาก, ไม่มีใครคิดว่ามันจะได้รับการยอมรับมั้ย, ดังนั้นคุณต้องคิดถึงความคิดเห็นของทุกคนให้เหมือนภาพยนต์ ไม่ใช่แค่การถ่ายภาพชั่วครู่ (คิดยาวๆ ไม่ใช่คิดสั้นๆ)”

“ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม, ผมไม่สามารถตัดสินใจได้ว่า จะเลือกรถสปอร์ตพลังน้ำมันสังเคราะห์ หรือรถสปอร์ตพลังไฟฟ้า, สำหรับการใช้งานในทุกวัน, มันไม่ได้แตกต่างกันเลยกับรถยนต์ไฟฟ้า, สิ่งที่ผมสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันสังเคราะห์มีเพียงแค่การทำให้มันแพร่หลาย”

“ในปี 2035 มันจะยังคงมีรถยนต์อีกหลายพันล้านคันที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน, และถ้าเราอยากจะให้มันมีความแตกต่างในเรื่องการปลดปล่อยมลพิษ, ทางเลือกที่ดีที่สุด, ในทางทฤษฎี, คือการใช้น้ำมันสังเคราะห์, แต่ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะใช้การได้มั้ย ?” แต่ Lamborghini ก็ยังคงเลือกที่จะรอดูต่อไป เพราะอย่างน้อย มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.