Mazda MX-5 ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทางค่ายให้ความสำคัญ และพยายามจะรักษาไว้ให้มันยังคงมีอยู่คู่กับแบรนด์ต่อไปอีกนาน ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่รถทุกคันควรใช้ขุมกำลังไฟฟ้า 100%
อย่างที่เราทุกคนพอจะทราบกันดีว่าในตอนนี้ แม้หลายภาครัฐในทวีประดับผู้นำของโลกจะเริ่มผ่อนปรนความเข้มงวดในการขีดเส้นตายการขายยานพาหนะเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่หลายแบรนด์ก็ยังคงจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวเอาไว้บ้าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง Mazda
และเนื่องจาก Mazda MX-5 เอง ก็ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์โมเดลสำคัญของแบรนด์ ที่ทางค่ายอยากจะให้มันอยู่กับตนเองไปเรื่อยๆชนิดที่ว่าจนกว่าจะตายกันไปข้าง หลายฝ่ายจึงเริ่มมองว่า หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ทางค่ายก็ควรจะสร้าง MX-5 ที่มาพร้อมกับขุมกำลังไฟฟ้า 100% ด้วยหรือไม่ ? เพื่อให้มันรองรับกับข้อบังคับจากภาครัฐ และความต้องการของลูกค้าในอนาคต
โดยจากการให้ข้อมูลของนาย Kato Matsue หัวหน้าฝ่ายงานพัฒนาระบบขุมกำลังของรถยนต์ Mazda เปิดเผยกับสื่อ TopGear ว่าการทำรถยนต์ MX-5 EV นั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยเสียทีเดียว
“เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นไปได้, ตลาดหลักของ MX-5 คือประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น, ญี่ปุ่นอาจจะอยู่ท้าย(ในกลุ่มที่ไล่มา)หน่อย, แต่ความต้องการของตลาดกำลังให้ความสนใจในเทคโนโลยีไฟฟ้า, ดังนั้นเราเลยต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วย” Matsue กล่าวในการให้สัมภาษณ์
แต่เพื่อไม่เป็นการให้ความหวังจนเกินไป Matsue จึงได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า “ในปี 2030, ทุกผลิตภัณฑ์ของเราจะมีการเสริมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าบ้างแล้ว, นั่นหมายความว่ารถสปอร์ต(อย่าง MX-5)เอง ก็ไม่ได้หนีไปจากกรอบนี้ด้วย, แต่ในตอนนี้ ผมยังไม่สามารถบอกชัดๆได้ว่าเมื่อไหร่กันที่เราจะพร้อมนำเสนอ MX-5 พลังถ่าน”
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ด้วยคอนเซปท์การสร้าง Mazda MX-5 ที่มีประโยคว่า Jinba Ittai ซึ่งหมายถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของตัวรถกับผู้ขับ โดยมีอาวุธสำคัญ คือเรื่องสมดุลตัวรถและความเบา จึงทำให้หากมองจากเทคโนโลยีในปัจจุบัน การจะทำให้มันเกิดขึ้นนั้น ยังเป็นไปได้ยาก
โดยเฉพาะหากเจาะจงไปที่เรื่องของเทคโนโลยีระบบแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นเชิงพลังงานต่ำเกินไป จนทำให้หากผู้ผลิตอยากได้รถที่สามารถวิ่งได้ไกล หรือวิ่งได้แรงพอใช้งาน มันก็จะต้องพ่วงมาด้วยน้ำหนักตัวที่มากเอาเรื่อง
“ลองนึกถึงระยะเวลาในการพัฒนาตัวรถ (ช่วงปี 2030), 7 ปีจากนี้ถือเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น, ผมไม่ได้หวังว่าความหนาแน่นเชิงพลังงาน (ต่อน้ำหนักของแบตเตอรี่)จะดีขึ้นอีกสองถึงสามเท่าจากตอนนี้, แน่นอน คือผมก็หวังให้มันดีขึ้นแหล่ะ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น, เราไม่อยากให้มีรถ MX-5 ที่หนักบรมออกมา, มีน้ำหนักตัวมากถึง 1.5 ตัน, ผมว่านั่นก็ไม่ใช่ MX-5 แล้วล่ะ”
“สิ่งที่ผมจะบอกได้คือ MX-5 เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเรา, ถ้า จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า, ขุมกำลังไฟฟ้าของมันจะต้องมีบุคลิคที่เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก, ต้องมีความเป็น Jinba Ittai, มนุษย์คือศูนย์กลาง เป็นนิยามพื้นฐานที่สุดที่เราใช้ในการสร้างมัน, นั่นคือความหวังของเรา”