นับเป็นรถแซยิดอีกหนึ่งรุ่นจากค่ายทรีไดมอนด์ที่ลากยาวตั้งแต่ปี 2011 ปรับเล็กน้อยบนเรือนร่างเจนที่ 6 กับรถตู้เล็ก Mitsubishi Minicab
ที่นอกจากจะมีเวอร์ชันสันดาปเบนซิน 3 สูบ 0.66 ลิตร ยังมีเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนตอบโจทย์นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แม้จะกลับมาขายญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อช่วงปีกลายหลังหยุดขายช่วงปี 2021
หน้าตายังคงเดิมแต่ปรับเล็กๆเข้ากับยุคแบบทรงสองกล่อง ตั้งแต่ กระจกมองข้างแนวตั้ง ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์พร้อมควบคุมไฟอัตโนมัติ auto light control กระทะล้อสีเงินขนาด 12 นิ้วเด่นด้วยประตูสไลด์เปิดได้สองข้าง
ภายในมีทั้งแบบ 2 ที่นั่งบรรทุกของ เพิ่มแผงห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า พื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะผู้โดยสารลงมีความยาว 2,685 มม. บรรทุกของได้สูงสุด 350 กก. จุลังกระดาษขนาด 600 x 450 x 600 มม. ได้มากถึง 14 กล่อง มีช่องเก็บของหลายจุด
ติดตั้งนอตอเนกประสงค์ 10 ตัวจัดเรียงได้หลากหลายเสริมการใช้งานเหมือนรถเพื่อการพาณิชย์และยังมีเวอร์ชัน 4 ที่นั่งสำหรับโดยสารส่วนบุคคลและมีพื้นที่ด้านหลัง 935 มม.
พร้อมออปชันกระจกมองหลังดีไซน์ใหม่แบบยึดติดกับกระจกบังลมหน้า มาตรวัดแสดงการทำงานความเร็วการขับขี่ พวงมาลัย 3 ก้านดีไซน์พิมพ์นิยมฝัง Airbag กุญแจรีโมต ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง มือจับภายในรถ และเครื่องปรับอากาศ
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและมีความจุแบตเตอรี่ 16 kWh ให้กำลังมากสุด 41 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดการชาร์จหนึ่งครั้งอยู่ที่ 133 กม. (ตามมาตรฐาน WLTC) รองรับการชาร์จไฟแบบเร็วด้วยหัวชาร์จกระแสตรง DC CHAdeMO ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 80 % ภายใน 35 นาที
ชาร์จไฟกระแสสลับ AC จนเต็มแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 7 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบคืนพลังงานขณะเบรกที่จะช่วยแปลงพลังงานจากการเบรกเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในขณะขับขี่
กับความปลอดภัยทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เบรก ABS เพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC โดยขายที่ญี่ปุ่น เริ่มต้น 2,431,000-2,453,000 yen หรือประมาณ 629,000-635,000 บาท
จนล่าสุด Mitsubishi ตัดสินใจย้ายการประกอบ Mitsubishi Minicab MiEV ที่ อินโดนีเซีย ตอบรับความต้องการที่มากขึ้นทั้งจากญี่ปุ่นและตลาดบางประเทศที่จะเข้าไปจำหน่าย โดยโรงงานใหม่นี้มีกำลังการผลิตถึง 220,000 คัน/ปี มีพนักงานทั้ง 3.3 พันคนโดยเริ่มประกอบตั้งแต่ปี 2024