สองปีทีผ่านมา แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ Neta กลายเป็นขวัญใจ สำหรับคนที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสักคันมาทดลองใช้งานในชีวิต
รถยนต์ Neta V แม้ว่าจะดูยอดขายไม่ปังมาก หากก็ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะจากคนที่มองหารถยนต์ไฟฟ้า มาลองศึกษาลองใช้งานดูก่อนจะตัดสินใจว่าจะก้าวไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นหรือไม่ จนภาพลักษณ์แบรนด์กลายเป็นติดอยู่กับ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้น ทั้งที่แบรนด์ มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น เตรียมพร้อมทำตลาด รวมถึงรถสปอร์ตไฟฟ้าในนาม Neta GT ที่เพิ่งเผยในงานแสดงยานยนต์ในไทย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
Neta GT นับเป็นการเดินเกมครั้งสำคัญ จากเนต้า ในการขยายพอร์ทสินค้า มาสู่กลุ่มรถสมรรถนะ ตอบลูกค้ากลุ่มสายขับ มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีสไตล์ และความเร้าใจในการขับขี่
ทางเนต้า ประเทศไทย กล่าวกับเราว่า ตอนนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา ความเป้นไปได้ในการทำตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ โดยเปรียบเทียบ กับรถยนต์ Neta S ที่เอามาแสดงเมื่อปีที่แล้ว ถ้าเข้าทำตลาด อาจจจะเป็นในปี 2025
ตัวเรือนร่าง Neta GT แนะนำ ด้วยขนาดความยาว 4,715 มม.กว้าง 1,979 มม.และ สูง 1,415 มม. ระยะฐานล้อ 2,770 มม.
ออกแบบมาในทรงรถคูเป้ แบบ 2+2 เส้นสายงานออกแบบ มีความเร้าใจเต็มอารมณ์ ในแบบซุปเปอร์คาร์ มองรถเพลิน อาจเห็นการจับเล็กผสมน้อยจากเส้นสาายค่ายอิตาลี ค่ายเยอรมัน รวมกันยำใหญ่มาอยู่ในรถคันนี้คันเดียว
จุดเด่นจริงๆ อยู่ที่ การให้สไตล์รถคูเป้ 2 ที่นั่ง ตอบความต้องการคนมองหารถสปอร์ต ปัจจุบันรถสปอร์ตคูเป้ ไฟฟ้าจากจีน เท่าที่มองไปในตลาดยังไม่มีอย่างชัดเจน โดยเฉพาะที่เข้ามาโชว์โฉมในไทย จะมีโรดสเตอร์ และรถบ้านทำแรงสไตล์ Sleeper เป็นกลุ่มหลัก ที่เข้ามาทำตลาดในเวลานี้
ความเป็นคูเป้ และเมื่อมองขนาดตัวรถที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง จัดอยุ่ในระดับ Mid Size Car ทำให้ เปรียบมวยกับ สปอร์ตญี่ปุ่น ดูมีความสะดวกสบายมากวก่า โดยเฉพาะในเรื่องของพื้นที่โดยสาร ภายในที่น่าจะตอบโจทย์มากกว่า
เมื่อเปิดประตู เข้ามา จะพบว่า ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่มาก พอให้ผุ้ใหญ่โดยสารตอนหลังได้สบาย แม้จะยังน่าเสียดาย ที่มันยังเป็น Dog seat หรือ ที่นั่งไม่มีหัวหมอน เอาไว้นั่งโดยสารระยะสั้น รวมถึง เหนือที่นั่ง ยังมีคานรับกระจกหลังคาขนาดใหญ่ ทำให้ คนตัวสูง นั่งไม่ค่อยสบายนัก
มาทางด้านหน้า ทาง เนต้า จัดเต็มด้วยชุดจอขนาดใหญ่ 17.6 นิ้ว วางไว้ตรงกลางให้การใช้งานสะดวกสบาย ตรงหน้าคนขับ มาพร้อมจอขนาด 10.25 นิ้ว เอาไว้บอกข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต่อการใช้งาน
สิ่งที่ชอบเป็นการส่วนตัว คือ ภายในตัดเย็บโทนดำส้ม ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี สีภายในห้องโดยสารไม่ดูฉูดฉาดเกินไป เหมาะต่อการใช้งานได้อย่างไม่เคอะเขิน แม้ว่าคุณอาจจะเป็นผู้ใหญ่วัย 40 แค่ต้องการรถสปอร์ต ไว้ขับออกงานเท่านั้น
ลอง Neta GT ในสนาม สมรรถนะเร้าใจ !!
เวลามีน้อยใช้สอบอย่างประหยัด วันนี้ทาง เนต้า ก้ใจดี รู้ว่าอยากลองขับ ก็จัดไป อย่าได้เสีย
ใต้เรือนร่างของ Neta GT นั้น มี 2 ทางเลือก สำหรับลูกค้า รุ่นเริ่มต้น เป็นตัวขับเคลื่อนล้อหลัง พลังขับไม่มาก ให้กำลังขับสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร
แต่ตัวที่เรากำลังจะได้ลอง เป็นรุ่นพลังขับแรงสุด Neta GT580 โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดียวกัน 2 ตัว ทั้งทางด้านหน้าและหลัง ทำให้ ตัวรถมีกำลังขับสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร สามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 3.7 วินาทีเท่านั้น เทียบกับขนาดรถแล้ว ถือว่าเร็วเอาเรื่อง
ผมเองก็อยากรู้ว่ามันจะเร่งได้ตามที่มันเคลมหรือไม่ พอธงโบกสะบัด กดคันเร่ง 100% ออกไปทั้งที กำลังแรงม้า และแรงบิดมหาศาล ที่ส่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาเราหน้ายกสั้นๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงหนักหน่วง ไม่ต่างจากความรู้สึกรถสันดาปสมรรถนะสูง และเพียง 4 วินาที เศษๆ เราก็ถึงความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. โดยรถไม่มีอาการเป๋ หรือ รู้สึกว่าควบคุมยากในระหว่างการเร่ง จนทำให้กังวลใจ
อัตราเร่งไม่ใช่อย่างเดียวที่ควรซูฮกในรถแบบนี้ เมื่อรถแรงเร่งดี สำคัญก็ไม่พ้นเรื่องการควบคุมตัวรถ ให้มั่นใจ อยู่หมัดได้ตามต้องการ
การบังคับรถขนาดกลางให้ไปตามใจนั้นไม่ง่าย ยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีพิกัดตัวหนักกว่ารถทั่วไป ยิ่งยากกว่า
ผมมาถึงสถานีแรก สลาลอม ขับเข้าลองบังคับพวงมาลัย ซ้าย ขวา อย่างเร็วต่อเนื่องในความเร็ว 60 ก.ม./ช.ม.ไม่มีปัญหาใดๆ รถเชื่องขับง่าย แม้ความรู้สึกถึงน้ำหนักจะมากกว่ารถสปอร์ตเครื่องสันดาปทั่วไป ก้ตามที
พอมาเจอสถานการณ์ ต้องเปลี่ยนเลนในความเร็วสูง เจ้า Neta GT อวด ศักยภาพว่า มันสามารถควบคุมได้ดั่งใจตามต้องการมากขึ้น
เราเข้ามาด้วยความเร็ว 65 ก.ม./ช.ม.ก่อน จะหักด้วยความเร็ว เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง แล้วหักกลับ มาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน
รถค่อนข้างนิ่ง มั่นคง ไม่มีคำว่าเสียอาการ แม้อาจจะมีอาการหน้าแฉลบ ตอนบังคับกลับ อันมาจากน้ำหนักตัว แต่ถ้าเทียบแล้ว ก็จัดว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทำเรื่องการควบคุมมาอย่างดี
และยิ่งชัดขึ้นในการขับขี่ในสนามแข่ง โดยเฉพาะช่วงการเข้าโค้ง เมื่อหักพวงมาลัย รถจะตอบสนองทันที แม้ว่าจะมีที่น่ากังวลใจบ้าง คือยางที่ถูกบดกับพื้น จนร้องขอชีวิตถึงความปราณี จากผู้ขับขี่ โดยเฉพาะทางโค้งแคบ มันเป็นปกติของรถที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักตัวเยอะ แบบรถคันนี้
แล้วถ้าคุณจะถามว่า เรื่องการเบรก เป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า วันนี้ที่ลอง เป็นสถานีเบรกบนถนนลื่นๆ การปราบพลัง ของเบรกจากสปอร์ตคันนี้เอาอยู่ แต่ต้องบอกคุณก่อนว่าเราขับที่ความเร็ว 70-80 ก.ม./ชม เท่านั้น ไม่ได้หวดใช้ความเร็วสูง
ส่วนเรื่อง การขับขี่บนถนนจริง ก็ยังตอบไม่ได้ ว่าอาการช่วงล่างมันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะวันนี้ลองขับเพียงในสนามสั้นๆ เท่านั้น
ภาพรวม เนต้า จีที พูดจริง ก็น่าสนใจ ถ้าราคาเป็นไปตามกระแสข่าวลือว่าจะจบที่ราวๆ 1.5 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามที่สื่อดังอ้าง ก็ถือว่าเป็นสปอร์ตคุ้มค่าอย่างมากคันหนึ่ง ด้วยขนาดรถใหญ่ พลังขับน้องๆซุปเปอร์คาร์
สิ่งเดียวที่ จะขวางคุณไม่ให้เป็นเจ้าของมัน คือ เนต้า ไทย จะเอามาขายหรือเปล่า แต่พวกเขาบอกเราว่า ถ้ามา มาแน่ปีหน้า ใครสนใจเก็บเงินรอได้เลย