Home » เครื่องยนต์  6  สูบ อนาคตว่าที่ขุมพลังตัวแรง
2013-nissan-GT-R-engine
ข่าวสารยานยนต์

เครื่องยนต์  6  สูบ อนาคตว่าที่ขุมพลังตัวแรง

ถ้ากล่าวถึงเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะแรงเร้าใจ เครื่องยนต์ในวันวานอย่างเครื่องยนต์   V8   หรือ  V10   ไปจนกระทั้งเครื่องยนต์แบบ   12   สูบ อาจจะทำให้เราหลายคนสนใจพวกมันไม่มากก็น้อย พวกมันเกิดมาตอบสนองสมรรถนะในการขับขี่ และท้ายที่สุด เครื่องยนต์เหล่านี้ มาพร้อมดีกรีความเร้าใจในรถยนต์สปอร์ตชั้นนำ

วันนี้โลกเปลี่ยนไป เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เลิกถูกบริษัทรถยนต์ถอนรากถอนโคนออกจากตลาดปัจจุบัน ด้วยกกที่เข้มงวดทางด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ไหนจะสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานสูงขึ้นตามลำดับ ทำให้ความสนุกสนานการขับขี่อาจจะอยู่ได้ไม่นานอย่างที่ลูกค้าต้องการ

แนวความคิดเรื่องการทำเครื่องยนต์  6   สูบ เป็นเครื่องยนต์ในรถสปอร์ตรุ่นใหม่  อาจะฟังเป็นเรื่องใหม่ หากความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อย่างที่หลายคนคิด ด้วยแนวคิดดังกล่าว มีมาตั้งแต่สมัยที่เฟอร์รารี่ผลิตรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ในช่วงยุค ปี   50-60   

ตอนที่พวกเขาผลิตรถยนต์   Ferrari  Dino ออกมาวางจำหน่าย เพื่อลำลึกการจากไปของลูกชาย Ferrari   ที่สร้างรถแข่งสมรรถนะสูงจนสร้างชื่อให้ Ferrari   และนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญในกาลเวลาช่วงนั้น ที่ช่วยยืนยันว่ารถยนต์ซุปเปอร์คารชั้นนำ ก็เคยวางใจในเครื่องยนต์แบบ  6   สูบ ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์   V6  1.5   ลิตร ในรถยนต์ที่พวกเขาวางจำหน่ายมาแล้ว

ประวัติศาสตร์นี้เรื่องนี้อาจจะทำให้หลายคนกังขาว่าเป็นไปได้จริงหรือที่  Super Car  ชั้นนำ จะหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่เรื่องนี้จะเป็นจริงมากกว่าที่คุณคิด หลังมีรายงานมาตั้งแต่ปี   2012   ว่า   Ferrari   พยายามจะพัฒนาเครื่องยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ และมันจะเป็นเครื่องยนต์แบบ  6  สูบ ตามที่มีกระแสออกมาจากหลายสื่อ

 ยิ่งล่าสุดการหันมาลดขนาดเครื่องยนต์ ด้วยการให้สมรรถนะสูงในเครื่องยนต์   V8   Turbo   คู่ ในรถยนต์   Ferrari GTB  488   ก็ยิ่งทำให้หลายคนสนใจว่าพวกเขาจะมีแนวทางอย่างไรในอนาคต

แม้ว่าในแนวคิดของรถซุปเปอร์คาร์ อาจจะเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อมองถึงรถยนต์สปอร์ตสมรรนะสูงรุ่นต่างๆ  ที่ออกมาเปิดตัวทำตลาดในระยะหลัง เราต้องยอมรับว่า เครื่องยนต์แบบ  6  สูบ กลายเป็นเครื่องยนต์ยอดนิยมอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้

ไม่ว่าจะเจ้าตำนาน  Porsche  911  ก็ใช้เครื่องยนต์บล็อก   6  สูบ มายาวนาน ตั้งแต่อดี และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน และนับวัน เครื่องยนต์บล็อก  6  สูบ ก็มีกำลังมากขึ้นตามลำดับ จนเป็นที่พอใจแก่ลูกค้าของปอร์เช่เสมอมา ยกตัวอย่าง Porsche  911 GT3 RS  มาพร้อมเครื่องยนต์  6  สูบนอนขนาด  4.0   ลิตร สามารถทำกำลังได้ถึง   500   แรงม้า ก็ถือว่าไม่น้อยเลยเช่นกัน

เรื่องทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับ   BMW M4 GTS  รถลุ่นลิมิเต็ดที่มาพร้อมความเร้าใจมากกว่า จากเครื่องยนต์   3.0   ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ ที่สามารถทำแรงม้าได้ถึง   493   แรงม้า ทั้งยังมาพร้อมระบบฉีดน้ำในห้องเผาไหม้ช่วยเพิ่มสมรรถนะหล่อเย็นในการทำงานของเครื่องยนต์ ถือเป็นเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดเครื่องยนต์หนึ่งในตลาดตอนนี้  มันสามารถให้อัตราเร่ง   0-100  ก.ม./ช.ม.   ในเวลา  3.8   วินาที

ในฝั่งญี่ปุ่นเอง เครื่องยนต์แบบ 6  สูบ ถูกพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องยนต์   Nissan  รหัส   VR38DETT   ที่เปิดตัวมาทำตลาดอย่างเป็นทางการ ในรถยนต์   Nissan GTR  จนวันนี้ในเวอร์ชั่น  Nismo  มีกำลัง   600 แรงม้า จากโรงงาน มันเร่ง   0-100   ก.ม./ช.ม. ในเวลา 2.7   วินาที  

ส่วนสำคัญข้อหนึ่งท่ำทให้เครื่องยนต์  6  สูบเหล่านี้สามารถทำกำลังได้มากขึ้นมาจกากความก้าวหน้าของระบบอัดอากาศเข้าเครื่องยนต์ อย่างระบบเทอรืโบชาร์จ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ยกตัวอย่างเช่นในรถยนต์  Ford GT   รุ่นดั้งเดิม มาพร้อมเครื่องยนต์   V8   ขนาด   5.4   ลิตร ให้กำลังสุงสุดได้ถึง   550  แรงม้า  แต่จากการเปิดตัวเมื่อช่วงปีกลายของว่าที่   Ford  GT   ใหม่ ก็มีการยืนยันแล้ววว่ารุ่นใหม่จะหันมาลดขนาดเครื่องยนต์ ด้วยเครื่องยนต์แบบ   6  สูบ  Ecoboost V6  ขนาด   3.5   ลิตร ว่ากันว่าจะให้กำลังมากถึง   600   แรงม้า  เท่ากับว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่มีขนาดเล็กลง และมีสมรรถนะในการขับขี่มากขึ้น มันแรงเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่ผ่านมา

นอกจาระบบเทอร์โบชาร์จจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับขี่แล้ว ระบบไฮบริดเองก็ยังมีเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ทำให้การลดขนาดเครื่องยนต์ต่างๆ เป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากระบบไฮบริดปัจจุบันมีลูกเล่นมากขึ้น และการตอบสนองอย่างรวดเร็วของระบบไฮบริดยิ่งทำให้หลายคนสนใจมากขึ้น และเร้าใจกว่าเทอรโบชาร์จ

บริษัทหนึ่งที่เอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้คือ   Honda  ที่แนะนำระบบดังกล่าวออกมาในรถยนต์   Honda  NSX   ใหม่ และแถมเจ้ารถยนต์คันนี้ทางฮอนด้าพยายามยกคลาสรถของมันขึ้นเป็นรถซุปเปอร์คาร์ แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้า   Honda  NSX   ก็แรงพอสมควร ด้วยเครื่องยนต์   V6   3.5  ลิต รที่มาพร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามาถึง 3  ตัว  จนมีกำลัง   573   แรงม้า

รถยนต์   Honda  NSX   ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์  V6 3.5   ลิตร

ในทำนองเดียวกัน   Toyota   ก็มีกระแสข่าวว่าจะเดินตามแนวทางนี้ ในว่าที่รถยนต์   Toyota Supra   ใหม่ ซึ่งพวกเขาจับมือกับ   BMW   ซึ่งมีแนวคิดในการใช้ระบบเครื่องยนต์  6  สูบ ของ   BMW   มาปรับใช้เข้ากับระบบไฮบริด ที่จะยกมาจากรถแข่ง   Leman   ของบริษัท

และในด้านฝั่งยุโรป อย่างรถยนต์  Audi  ก็มีแผนการในการเปิดตัว รถยนต์  Audi R8   ใหม่ที่เชื่อว่าจะยกขุมพลังมาจาก  Audi  RS4  ใหม่ที่มีกำลัง  420   แรงม้า แต่จะเปิดสมรรถนะกลายเป็น   450   แรงม้า ในเจ้าซุปเปอร์คาร์
ส่วนทางด้านรถยนต์อย่าง   Mercedes AMG   ก็หันมาเผยรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6   ที่ทั้งมีราคาถูกว่า แม้จะมีสมรรถนะน้อยกว่า แต่ก็เป็นที่ถูกใจลูกค้า อาทิ  Mercedes AMG C43 ที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย หรือ การเพิ่มรุ่น  Mercedes AMG SLC43  มาเป็นทางเลือกแกลูกค้าที่ชอบความแรกมากกว่ารุ่นมาตรฐาน

เครื่องยนต์  6  สูบ รุ่นใหม่ ล่าสุดของ   Mercedes Benz  

แต่ทีเด็ดที่เครื่องยนต์ แบบ  6  สูบ จะแรงสุดในยุคหน้า ก็มาจากการยกระดับไฟฟ้าในรถยนต์จาก   12  โวล์ตในปัจจุบันไปเป็น   48   โวล์ต เช่นในการเปิดตัวเครื่องยนต์   M256   ของ   Mercedes Benz  เมื่อช่วงปลายปีที่ผานมา นอกจากการแนะนำระบบไดสตาร์ทใหม่และระบบเทอร์โบไฟฟ้าใหม่ ยังมีการเปิดเผยว่าจะมีการยกระดับ ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ของบริษัทไปเป็น   48   โวล์ตอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่น่าจะทำให้หลายคนเห็นแล้วว่า เครื่องยนต์แบบ   6  สูบในอนาคตจะมาเป็นขุมพลังยอดรถสปอร์ตชั้นนำอย่างแน่นอน  และบทบาทใหม่ของมันจะทำให้เราหลายคนลืมความเร้าใจจากเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ทั้งหลาย

ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*