Home » Nio, Xpeng และ Li Auto อาจอยู่ไม่รอดใน 3 ปี
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Nio, Xpeng และ Li Auto อาจอยู่ไม่รอดใน 3 ปี

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเกิดใหม่มากมาย หลายแบรนด์ก็รุ่ง หลายแบรนด์ก็ร่วง และด้วยการแข่งขันที่สูงยันปัจจุบัน ทำให้แม้แต่แบรนด์ที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Nio, Li Auto, และ Xpeng เอง ก็อาจจะไม่รอดกับเขาด้วย

จากการให้ข้อมูลโดย ศาสตราจารย์ Zhu Xican ประจำภาควิชาวิศวกรรมยานยนต์ของมหาวิทยาลัย Tongji University ระบุว่า หาก 3 แบรนด์สตาร์ทอัพอย่าง Nio, Li Auto, และ Xpeng ไม่ยอมถูกศาลตัดสินให้เป็นบริษัทล้มละลาย หรือปรับผังองค์กรใหม่ โอกาศที่พวกเขาจะอยู่รอดได้ในอนาคต อาจเท่ากับศูนย์ “พวกเขาควรควบรวมบริษัท, ปรับผังโครงสร้างองค์กร และร่วมมือกันให้เร็วที่สุด” Zhu กล่าว

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ Zhu ยังระบุอีกว่า หากบริษัทใดก็ตาม ไม่สามารถขายรถได้เกิน 2 ล้านคันต่อปี บริษัทนั้นก็ไม่อาจอยู่รอดได้ เพราะมันจะเป็นยอดขายที่น้อยเกินไป เพื่อนำทุนมาหมุนเวียนต่อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งใช้งบประมาณสูงมาก “หากงบประมาณที่ใช้ในการทำวิจัยและพัฒนารถมีน้อยเกินไป, การพัฒนาเทคโนโนโลยีใหม่ๆของแบรนด์ก็จะหยุดนิ่ง, และด้วยงบการลงทุนวิจัยและพัฒนารถที่ค่อนข้างสูง แต่บริษัทกลับขายรถได้เพียงน้อยนิด, บริษัทคุณก็จะจบเห่ทันที”

โดยหากให้วิเคราะห์แยกย่อยลึกลงไปอีกนิด ศาสตราจารย์ Shu ยังระบุว่าบริษัท Li Auto อาจเป็นบริษัทที่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุด เนื่องจากพวกเขาได้เริ่มทำการปรับผังองค์กรณ์ใหม่ไปบ้างแล้ว

ส่วน Xpeng ก็อาจจะขมักเขม่นลงทุนในเรื่องซอฟท์แวร์มากไปหน่อย จนไม่สนใจในการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวรถที่ควรจะต้องทำก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งมักทำให้รถเกิดปัญหาในขณะใช้งาน แต่ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไขแล้ว เมื่อพวกเขาได้มีการเปลี่ยนผู้นำใหม่ เป็น Wang Fengying อดีต CEO ของ Great Wall Motor เข้ามาทำหน้าที่เป็นบอสใหญ่ของแบรนด์

ขณะที่ William Li ผู้บริหารของ Nio กลับให้ความสำคัญเรื่องการสร้าง “บรรยากาศ” ในการทำงานมากเกินไป และทุ่มความสนใจในการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆไม่มากพอ ซึ่งทำให้แบรนด์นี้เสี่ยงไปไม่รอดมากที่สุด

ขณะเดียวกัน ทางด้าน Li Yanwei หนึ่งในสมาชิกขององค์กรณ์ Expert Committee of the China Automobile Dealers Association ก็มองว่า Li Auto ยังคงสามารถประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้ เพราะพวกเขามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในอนาคตที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งสอง “หากรถยนต์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ของพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ขุมกำลัง EREV ได้, Li Auto ก็จะสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาด และเพิ่มส่วนแบ่งการขายและกำไรได้ด้วย”

โดยนาง Li ยังระบุอีกว่าตอนนี้มีผู้ผลิตหลายรายในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นต้องปิดตัวไป “ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ผลิตมากนักที่สามารถอยู่รอดได้, เพราะในท้ายที่สุด เรายังมีช้างอีกหนึ่งตัวอย่าง BYD (นั่งกินพื้นที่ส่วนแบ่งในตลาดนี้อยู่), ฉันไม่คิดว่าบริษัทขนาดเล็กรายอื่นๆจะมีเม็ดเงินมากพอในการทำให้ตนเองดำเนินธุรกิจต่อไปได้”

โดยในปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างประเทศจีน มีผู้เล่นรายใหญ่ร่วมชิงส่วนแบ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BYD ที่มีจุดขายในการดำเนินธุรกิจคือการคุมต้นทุนการผลิตให้สมเหตุสมผล ทำให้รถยนต์ของพวกเขาสามารถทำราคาได้ดี และถูกใจลูกค้าส่วนมาก โดยที่บริษัทก็สามารถทำกำไรจากการขายได้ดี

ส่วน Tesla เอง ก็มีกระแสตอบรับดี จากการเป็นแบรนด์ผู้ผลิตระดับโลก และลูกค้าหลายคนก็เลือกซื้อรถยนต์ของพวกเขาตามกระแสความนิยม รวมถึงฝั่งตัวแทนจำหน่ายเอง ก็นิยมขายรถของพวกเขา เพราะตัวแทนจำหน่ายสามารถขายรถได้ในราคาดีๆ จากความต้องการในตลาดที่ค่อนข้างสูง

และท้ายสุดคือ Xiaomi ที่แม้จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ แต่ด้วยความเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้การยอมรับจากผู้คนชาวจีนมานาน ทำให้รถของพวกเขาก็ได้อานิสงค์ความน่าเชื่อถือนี้ไปด้วย และทำให้ลูกค้าชาวจีนเลือกซื้อรถของพวกเขากันอย่างเนืองแน่นเช่นกัน

ข้อมูลจาก carnewschina.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.