นิสสัน ประกาศ ความสำเร็จ ในการขาย เทคโนโลยี e-power เคาะขายไปแล้วกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก โดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่น
การแนะนำ เทคโนโลยี อีพาวเวอร์ ของนิสสัน นับเป็นก้าวสำคัญ ในการส่งต่อ ความรู้สึกสัมผัส รถยนต์ แบบไร้ความกังวล นิสสัน ประกาศ ความสำเร็จเทคโนโลยีดังกล่าว ด้วยอดจัดจำหน่ายไปแล้ว 1.5 ล้านคันทั่วโลก ในรถยนตทุกประเภท
รถยนต์ ภายใต้การขับเคลื่อน อี พาวเวอร์ ขายไปแล้วกว่า ใน 68 ประเทศ รวมถึง ประเทศไทย
จุดเด่น ของ ระบบ E-Power คือ ความเรียบง่ายในการใช้งาน และใช้งานง่าย ด้วย การนำเครื่องยนต์สันดาป มาใช้ในการปั่นไฟฟ้าแทนการขับเคลื่อนโดยตรง ในส่วนการขับเคลื่อนรับหน้าที่โดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ ระบบไม่ยุ่งยากในการใช้งาน
สิ่งที่ได้ตามมา คือ รถให้ประสบการณ์การขับขี่ใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ต้องกังวลต่อเรื่องระยะทางการขับขี่ ,การชาร์ จและเติมพลังงาน รวมถึงการดูแลในระยะยาว ที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง จากแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่
สำหรับ เทคโนโลยี อีพาวเวอร์ แนะนำครั้งแรกในปี 2016 ในรถยนต์ Nissan Note e-Power เร่มจากในประเทศญี่ปุ่น ก่อนต่อยอดไปยัง ผลิตภัณฑ์รถยนต์อเนกประสงค์ได้แก่ Nissan kick , Nissan X-trail
ประเทศไทย แนะนำครั้งแรกในเดือน พฤษภาคม ปี 2020 ในรถยนต์ Nissan kick e-Power และทางนิสสัน เองมีแผนในการแนะนำในรถยนต์รุ่นอื่นของบริษะทในอนาคตด้วย
ทางด้านนิสสัน เปิดเผยว่า ยอดขาย อีพาวเวอร์ส่วนใหญ่ ในปี 2023 ที่ผ่าน กว่า 42.6% มาจากรถยนต์ Nissan Serena e-Power
เมื่อนับสัดส่วน ยอดขายรถยนต์ อีพาวเวอร์ ขายไปในญี่ปุ่นแล้วกว่า 1.17 ล้านคัน ลองลงมาคือในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึง ประเทศไทย 150,000 คัน และในยุโรป
เดิมที นิสสัน มีแผนในการเริ่มวางขายรถยนต์เทคโนโลยีอีพาเวอร์ในอเมริกา ในปี 2026 แต่ จากปัญหาล่าสุด นิสสัน มีแผนในการวางจำหน่ายเร็วขึ้น เพื่อตอบสนองตลาด หลังจากอเมริกา เริ่มนิยม รถยนต์ไฮบริดมากขึ้น
โดยปัจจุบัน เทคโนโลยี อีพาเวอร์ ถูกนับเป็น เทคโนโนลยีไฮบริดรูปแบบหนึ่ง ในเชิง Series Hybrid ระบบจะทำงานเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมีเครื่องยนต์ใช้ปั่นไฟฟ้า 2 ขนาด คือ 1.2 และ 1.4 ลิตร
ด้าน Nissan kick e-Power มีการปรับปรุงระบบ จนเข้าสู่ อีพาวเวอร์ รุ่นที่ 2 ซึ่ง นิสสัน ประเทศไทย มีแผนงานในอนาคต ในการแนะนำรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้น
ข้อมูล จาก นิสสัน