สถานการณ์การเข้ามา ของผู้ผลิตรายใหม่ๆ จากจีน เริ่มส่งผลกระทบถึงค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นบางราย หนึ่งในนั้น คือ นิสสัน ที่ออกมา แถลงล่าสุด วานนี้(7 พ.ย.) ว่า นิสสัน จะลดตำแหน่งงานทั่วโลกลง 9,000 ตำแหน่ง และลดกำลังการผลิตลงราวๆ 20% อนาคต
อออกมาแถลงดังกล่าวของ นิสสัน สร้างความตกใจ ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น
การตัดสินใจครั้งนี้ มาจากผลการดำเนินการในช่วงครึ่งปีงบประมาณแรก Fisical Y2024 พบว่า มียอดรายได้ หรือ Net income ลดลงอย่างมากจาก 296.2 พันล้านเยน ในปีงบประมาณที่แล้ว เหลือเพียง 19.2 พันล้านเยน ในปีงบประมาณปัจจุบัน
ในขณะที่ไตรมาส 2 ของปี 2024 มียอดรายได้ -9.3 พันล้านเยน จากปีที่แล้ว มีรายได้ 190.3 พันล้านเยน
ทางนิสสันคาดการณ์ว่า ในปีนี้ ทางบริษัทจะมีกำไรจากการปฏิบัติงาน หรือ Operation Profit เพียงราวๆ 150 พันล้านเยนเท่านั้น จากปีที่แล้ว มีมากถึง 500 พันล้านเยน และยังไม่สามารถคาดการณ์กำไร ที่จะเกิดขึ้นได้
นั่นทำให้ นาย มาโกโตะ ยูชิดะ ในฐานะ CEO Nissan Motor ประกาศกร้าวในการวางแผนฟื้นนิสสัน โดยจะมีการลดกำลังการผลิตลงราวๆ 20% ทั่วโลก และลดจำนวนพนักงานนิสสัน ลง 9,000 ตำแหน่ง จาก 133,580 ตำแหน่ง ทั่วโลก หรือราวๆ 6.7% ในปัจจุบัน
แต่ยังไม่เปิดเผยว่า โรงงานไหนแห่งใด จะรับผลจากการลดตำแหน่งงานในครั้งนี้
ทางด้าน CEO นาย มาโกโตะ เอง ยังแสดงสปริตลดเงินตอบแทนของตัวเองลงครึ่งหนึ่ง รวมถึง บอร์ดบริหารอื่นๆ ก็อาสาจะรับค่าตอบแทนลดลงตามความสมัครใจ
ในแง่การประกอบธุรกิจ ทางนิสสันตัดสินใจเร่งเวลาพัฒนาสินค้าให้เร็วขึ้น จะใช้เวลาในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ โดยร่วมกับพันธมิตร ทั้ง เรโนลต์ , มิตซูบิชิ และ ฮอนด้า โดยใช้เวลาลดลง เหลือเพียง 30 เดือน หรือราวๆ 2 ปีครึ่ง เท่านั้น
รวมถึงวางแผนขายรถยนต์ในกลุ่ม รถยนต์พลังงานใหม่ (รถยนต์ไฟฟ้า) และ รถไฮบริดเสียบปลั้กในจีน และ จะเริ่มจำหน่ายรถยนต์ไฮบริด e-Power ในอเมริกาด้วย
ในขณะที่ นาย มาโกโตะ เอง ได้แต่งตั้ง Guillaume Cartier, chairperson, Management Committee for AMIEO (Africa, Middle East, India, Europe and Oceania) มาดำรงตำแหน่ง chief performance officer (CPO)
นาย คาร์เทีย จะมาดูในเรื่องประสิทธิภาพในการขายสินค้า และ บริการหลังการขายใน ญี่ปุ่น, อาเซียน ,อเมริกา และ AMEIO
นอกจากนี้ นิสสันได้ขายคืน หุ้น มิตซูบิชิ มอเตอร์จำนวน 10% จากปัจจุบันที่ถือครองอยู่ 34% แต่ยังคงร่วมงานกันต่อไปในโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ทางด้าน สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า สาเหตุหนึ่งมาจากนิสสัน พลาดท่าในการอ่านเทรนด์ ความต้องการรถไฮบริดในอเมริกา
นายมาโกโตะ ยอมรับว่า ทางนิสสันไม่คาดว่า รถไฮบริดจะได้รับความนิยม อย่างเร็ว อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทำให้ยอดขายในอเมริกา ลดลงราวๆ 3% หรือ มียอดขายหายไปราวๆ 449,000 คัน ในครึ่งแรกของปีงบประมาณนี้
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ นิสสันทั่วโลก ลดลงเหลือเพียง 1.59 ล้านคันเท่านั้น หรือมียอดลดลง 3.8%
ข้อมูล จาก Nissan