หลังเป็นข่าวกันมานานนับปี ล่าสุดดูเหมือนว่า Nissan จะใกล้พร้อมแล้ว สำหรับการทำตลาดรถ MPV ที่หลายคนรอคอย นั่นคือ 2024 Nissan Serena Hybrid
จากแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือของทีม Ridebuster ระบุว่าในเร็วๆนี้ ทาง Nissan ประเทศไทย ได้เริ่มเตรียมแผนสำหรับการเปิดตัว Nissan Serena เพื่อทำการวางขายจริงในบ้านเรากันแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้เป็นข่าวลือบนโลโซเชียงกันพักใหญ่ และก่อนหน้านี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็ยังมีการขนทัพเหล่าผู้บริหาร ผู้จัดการดีลเลอร์รถยนต์ Nissan ทั่วประเทศบินไปทดสอบตัวรถกันถึงประเทศญี่ปุ่นกันมาแล้ว
โดยจากข้อมูลเบื้องต้น ระบุว่าตัวรถ Nissan Serena ที่ทาง Nissan ประเทศไทย ตั้งใจนำมาวางจำหน่ายในบ้านเราล็อตแรก จะเป็นตัวรถนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ซึ่งผลิตโดยโรงงาน Tan Chong Group ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกับที่ผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่นของ Subaru ที่มีการวางจำหน่ายในไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่เนื่องด้วยความพร้อมด้านการผลิตและการส่งออกของโรงงานในมาเลเซีย จึงทำให้รถที่ทางผู้บริหารเตรียมวางจำหน่ายในเฟสแรก ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีแค่เพียงรุ่นขุมกำลัง Hybrid ก่อนเท่านั้น โดยคาดว่าจะมีราคาวางจำหน่ายที่สูงกว่าราคาตัวรถที่วางจำหน่ายในประเทศมาเลเซียด้วยราคา 149,888 – 163,888 ริงกิต หรือราวๆ 1,156,000 – 1,264,000 บาท อยู่เล็กน้อย
ส่วนการวางจำหน่ายตัวรถรุ่นขุมกำลัง ePower ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดมากนัก ว่าจะนำเข้ามาจากแผล่งผลิตใด หรือจะเป็นรถที่ผลิตในไทยคู่ไปกับไลน์ผลิตของ Nissan Kicks ePower แต่อย่างน้อยที่สุดคือตัวรถจะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นขุมกำลัง Hybrid ขึ้นมาอีกพอสมควร
โดยตัวรถ Nissan Serena Hybrid ที่วางจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นแล้วจะยังคงเป็นตัวรถ เจเนอเรชันที่ 5 ยังคงมาพร้อมเอกลักษณ์ไฟหน้า 2 ชั้นสุดโดดเด่น และกระจังหน้า V-Motion ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีมิติด้านยาว (อิงตามข้อมูลตัวรถเวอร์ชันประเทศมาเลเซีย) 4,770 มิลลิเมตร ตามด้วยมิติด้านกว้าง ระหว่าง 1,740 มิลลิเมตร และความสูง 1,865 มิลลิเมตร ขณะที่ความยาวฐานล้อก็อยู่ที่ 2,860 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นไซส์ที่กำลังพอเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง
จุดขายสำคัญของ Serena คือพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทั้งในส่วนของผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง หากไม่พอ ตัวรถยังมีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Digital TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่ทำงานร่วมกับจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Apple CarPlay™ และ Android Auto™, ที่เก็บโทรศัพท์พร้อมพอร์ทชาร์จไฟแบบ USB, ที่วางแก้วน้ำ, และประตูข้างแบบบานสไลด์ไฟฟ้าทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เช่นเดียวกับฝาท้าย
ด้านขุมกำลังตัวรถ หากเจาะจงเฉพาะรุ่นขุมกำลัง Hybrid ก็จะใช้เครื่องยนต์ MR20DD เบนซิน 4 สูเรียง 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Twin CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ขนาดความจุ 1,997cc ให้กำลังสูงสุด 160 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า S-Hybrid กำลังสูงสุด 2.6 PS แรงบิดสูงสุด 48 นิวตันเมตร ซึ่งจะเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ทำงานในจังหวะออกตัว และจังหวะเร่งแซง
ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอร์ชันบีม ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ขณะที่ชุดล้อเป็นขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 195/60 R16