แม้จะมีการปรับแผนต่อายุการตลาดให้ แต่ในท้ายที่สุด Mercedes-Benz A-Class ก็จะไม่ได้รับการพัฒนาโฉมใหม่แต่อย่างใด เพื่อเป็นการเปิดทางให้กับเหล่ารถอเนกประสงค์โมเดลใหม่ๆ และหนึ่งในนั้นคือ “Baby-G”
“เราจำเป็นต้องทำรถที่ตอบโจทย์คนทั้งโลก, รวมทั้งในประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา, ผมเข้าใจว่ารถแฮทช์แบ็กท์เป็นทรงรถที่ได้รับความนิยมในยุโรป, แต่มันไม่ได้อยู่ในแผนของเรา, และเราต้องเลือก แม้ว่ามันจะเป็นทางที่ยากก็ตาม”
“การลดความซับซ้อนคือกุญแจของเรา, และด้วยเหตุผลนี้, การทำรถครอบครัวขนาดเล็ก จากเจ็ดเหลือสี่รุ่น คือทางเลือกที่จำเป็นสำหรับตลาดกลุ่มนี้” Markus Schafer หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานเทคโนโลยี Mercedes-Benz กล่าวในงานเปิดตัว Mercedes-Benz CLA รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรถซีดานขนาดเล็กที่ทางค่ายตัดสินใจให้มันไปต่อได้ แต่ในทางกลับกัน ตัวรถแฮชท์แบ็คท์เพียงหนึ่งเดียวของแบรนด์อย่าง Mercedes-Benz A-Class จะไม่ได้ไปต่อแน่นอน และอาจจะมีการขายถึงแค่ช่วงไม่เกินปี 2026 เท่านั้น โดยรวมถึงคู่แฝดร่างซีดาน หรือ Mercedes-Benz A-Class Saloon ด้วย
ส่วนการยุบไลน์อัพรถเล็ก จาก 7 รุ่น เหลือ 4 รุ่น ข้างต้น ก็หมายถึงการจะยุบไลน์อัพของ A-Class และ B-Class (รถตู้เล็ก) ทิ้งไป และในขณะเดียวกันทางฝั่ง EQA และ EQB ก็จะไม่ได้ไปต่อ ทว่าจะถูกยุบรวมไปอยู่กับ GLA กับ GLB ในแบบที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกแทน
นั่นจึงหมายความว่าหลังจากนี้ ไลน์อัพรถเล็กของ Mercedes-Benz จะประกอบไปด้วย CLA, GLA, และ GLB โดยตัวรถไลน์อัพที่ 4 ของกลุ่มนี้ ก็คือรถ “Baby-G” ที่หลายคนรอคอย และมีการยืนยันแล้วว่า “มาแน่นอน” ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในขณะที่ CLA รุ่นใหม่ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม MMA architecture แบบใหม่ล่าสุดสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการสร้างเดียวกันกับ GLA และ GLB เจเนอเรชันใหม่
ทางฝั่งรถ Baby G กลับจะถูกสร้างบนแพลตฟอร์มเฉพาะตัวของตนเอง เนื่องจากมันต้องถูกออกแบบไว้รองรับการใช้งานที่สมบุกสมบันมากกว่า โหดหินมากกว่า ตามฉบับ “G-Class”
“Baby G จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม MMA, เพราะถ้าเราสร้างมันขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่นี้, เราจะไม่สามารถการันตีได้เลยว่ามันจะมีขีดความสามารถด้านการบุกตะลุยในแบบที่รถ G-Class ควรมีหรือไม่” Schafer กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลี Quattroruote
“เราจะใช้รูปแบบ(ชิ้นส่วนและโครงสร้างอื่นๆ)ที่มีเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการแบ่งปัน, ทั้งชิ้นส่วนระบบขุมกำลังและซอฟท์แวร์ (สำหรับรถยนต์ทั่วๆไป), แต่สำหรับ Baby G เราต้องทำมันด้วยรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง, แพลตฟอร์ม MMA ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เราติดตั้งล้อขนาดใหญ่(ใส่ยางออฟโรด) แบบที่จำเป็นต้องใช้ในรถรุ่นนี้ได้, หรือแม้กระทั่งจะทำให้มันมีความสูงใต้ท้องรถที่จำเป็นก็ยังไม่ได้ด้วย”
โดยตัวรถ Baby G รุ่นใหม่ที่ว่านี้ แท้จริงแล้วทางค่ายได้เคยปล่อยภาพทีเซอร์ของมันออกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเผยให้เห็นว่า มันจะมาพร้อมกับตัวถังขนาดเล็ก ฐานล้อสั้น และมีประตู 3 บาน (ซ้าย-ขวา และบานปิดหลัง) ในแบบที่ตัวรถ G-Class ดั้งเดิม หรือรุ่นแรกเคยเป็นมา และเราจะได้เห็นร่างขายจริงของมันถูกเผยโฉมออกมา ภายในช่วงไม่เกิน 2 ปีจากนี้แน่นอน