Kia AD

Home » Peugeot 408 คูเป้เอสยูวี เตรียม “ขายไทยอย่างเป็นทางการ” สิ้นเดือนนี้

Kia AD

ข่าวสารยานยนต์ ข่าวในประเทศ

Peugeot 408 คูเป้เอสยูวี เตรียม “ขายไทยอย่างเป็นทางการ” สิ้นเดือนนี้

แม้ยอดขายจะไม่หวือหวา แต่ Peugeot ก็ยังคงตั้งหน้าที่จะรุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งล่าสุดเราก็ได้ข้อมูลมาว่า Peugeot 408 รถครอสโอเวอร์แบบ คูเป้เอสยูวี ใหม่ของแบรนด์ที่เผยโฉมในต่างประเทศเมื่อปีก่อน ได้ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วที่จะถูกนำมาจำหน่ายให้ชาวไทยได้สัมผัสกันในเร็วๆนี้

Peugeot 408 มาพร้อมกับงานออกแบบที่โดดเด่นทั้งในส่วนของหน้าตา และรูปทรงตามที่เราได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่ามันคือ รถครอสโอเวอร์ แบบ คูเป้เอสยูวี ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความโฉบเฉี่ยวไว้กับความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัวตามสมัยนิยม

ดังนั้นแม้มันจะมาพร้อมกับหลังคาที่ถูกดัดแนวให้ลาดลงไปจรดด้านท้ายอย่างรวดเร็วแบบรถฟาสท์แบค 5 ประตู และมีเส้นสายต่างๆรอบคัน ที่ดูล้ำสมัยคล้ายกับพี่ๆน้องๆร่วมค่ายในยุคปัจจุบัน แต่ถูกปรับใหม่ให้ดูเฉียบคม และปราดเปรียวยิ่งขึ้น ราวกับเป็นรถสปอร์ต ไม่เว้นแม้กระทั้งเส้นขอบกระจกด้านข้าง กับสปอยเลอร์ไล่ลมแบบแยกส่วนซ้าย-ขวา แบบ “หูแมว” (ตามคำเรียกของทางค่ายเอง) ทางด้านหลัง

ทว่าชิ้นด้วยชิ้นแก้มข้างที่ดูบึกบึน ประกอบด้วยชายล่างกันชนหน้าชิ้นงานพลาสติกสีดำด้าน ที่จะพาดแนวผ่านขอบซุ้มล้อ ต่อไปยังชายล่างบานประตู และกลายเป็นชิ้นส่วนบั้นท้ายขนาดใหญ่ที่ยื่นจากแนวกันชนหลังอีกที ไหนจะความสูงใต้ท้องรถที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้มันควรถูกเรียกเป็นรถอเนกประสงค์มากกว่าจะเป็นรถเก๋ง หรือรถยนต์นั่งทั่วๆไป

ในด้านรายละเอียดทางเทคนิค เจ้า 408 ที่ว่านี้ ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม EMP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับเพื่อนๆร่วมค่ายยุคปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งแบรนด์ร่วมชาติเครือเดียวกันอย่าง Citreon โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่น C5 X ที่มีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก

เริ่มจากขนาดตัวที่ไม่หนีกัน เพราะเจ้า 408 นั้น มีสัดส่วนด้านยาว 4,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออีก 2,787 มิลลิเมตร กับความสูงอีก 1,500 มิลลิเมตร ซึ่งนั่นแทบจะเท่ากับรถ Citreon C5 X ในทุกๆด้าน

ฝั่งขุมกำลังเอง ก็ยังเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง 1.2 ลิตร PureTech ที่ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์และชุดเกียร์เดียวกันกับที่อยู่ในฝาแฝดรุ่นดังกล่าว

ส่วนอีก 2 รุ่นถัดมา ล้วนเป็นรุ่นใช้ขุมกำลังแบบ Plug In Hybrid ที่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 110 แรงม้า PS และเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.6 ลิตร PureTech ซึ่งจะถูกแบ่งการจูนออกเป็น 2 ระดับด้วยกัน ได้แก่ 150 แรงม้า PS กับ 180 แรงม้า PS ซึ่งเมื่อทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันแล้ว มันก็จะสามารถเค้นกำลังสูงสุดรวมกันได้ที่ 180 PS กับ 225 PS โดยที่แรงบิดสูงสุดจะเท่ากันที่ 360 นิวตันเมตร

โดยแบตเตอรี่ของรถรุ่นที่ใช้ขุมกำลัง Plug In Hybrid นั้น จะเป็นแบตเตอรี่ขนาด 12.4 kWh ที่รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 55-61 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ในโหมด EV และรองรับความแรงไฟในการชาร์จกลับสูงสุดที่ 3.7 kW ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง กับอีก 50 นาที ถึงจะชาร์จไฟจนเต็ม แต่ลูกค้าสามารถเลือกออพชันรองรับการชาร์จไฟด้วยความแรงระดับ 7.4 kW ได้ และมันจะร่นเวลาในการชาร์จลงเหลือ 1 ชั่วโมง 55 นาที

ด้านลูกเล่นอื่นๆเพิ่มเติมภายในห้องโดยสารของตัวรถ Peugeot 408 ก็จะเริ่มจากแผงคอนโซลแบบ i-Cockpit อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย พวงมาลัยขนาดเล็ก ที่มีหน้าจอฟูลดิจิตอลแสดงผลอยู่ถัดไปทางด้านหลัง ส่วนจออินโฟเทนเมนท์ตรงกลางมีขนาด 10 นิ้ว ที่จะหันเข้าหัวตัวผู้ขับเล็กน้อย

ตัวเบาะนั่งมีการหุ้มด้วยหนังแนปป้า, หลังคาพาโนรามิค, ลำโพงขนาด 690 วัตต์ จาก Focal และเสริมความอุ่นใจในการใช้งานด้วยระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกของผู้ใช้อย่าง Adap Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go, ระบบช่วยจอด 360 องศา ด้วยกล้องรอบทิศทาง และระบบ Night Vision, ระบบ Drive Assist 2.0 ซึ่งไม่ได้มีแค่ระบบช่วยเบรกกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน กับ ระบบแจ้งเตือนและป้องกันการหลุดออกนอกเลน เท่านั้น แต่ยังมีระบบช่วยเลี้ยวเปลี่ยนเลนกึ่งอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวอีกด้วย

โดยหลังจากที่ ทาง บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้มีการนำรถ Peogeot 408 มาโชว์ตัวที่งาน Motor Show 2023 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดดูเหมือนว่าพวกเขาใกล้พร้อมแล้วที่จะประกาศราคาและเปิดวางจำหน่ายตัวรถอย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2023 ที่จะเกิดขึ้นภายในช่วงสิ้นเดือนนี้

และทางบริษัท ยังมีการเปิดเผยว่า พวกเขาจะทำตลาดเพียงเฉพาะรุ่น PHEV เท่านั้น และจะเป็นรุ่นกำลังสูง 225 แรงม้า PS แต่ตัวเลขราคาที่แน่ชัดจะเป็นอย่างไร ? จะแตกต่างจากตัวเลขที่เคยเปรยไว้เมื่อต้นปี ที่ระบุว่าจะเริ่มต้นที่ราวๆ 2.79 ล้านบาทหรือไม่ ? ต้องรอติดตามกันต่อไปในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.