Porsche Macan เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวด้วยรุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จากสถานการณ์ยอดขายของรถทุกโมเดล ที่พวกเขาสามารถทำได้ในปี 2024 ที่ผ่านมา กลับทำให้ค่ายเยอรมัน เริ่มไม่มั่นใจในการเดินเกม รุ่นนี้
จากการรายงานโดยสื่อ AutoCar ระบุว่าแม้ทางผู้บริหารจะมีการประกาศว่าพวกเขาตั้งใจทำตลาดรถ Porsche Macan เจเนอเรชันที่ 2 ด้วยขุมกำลังไฟฟ้าล้วนเท่านั้น แต่ใช่ว่าผู้บริหารทุกคนจะเห็นด้วย และมั่นใจกับแผนงานนี้ ว่ามันจะสามารถแทนที่รถ Macan ที่ยังคงใช้ขุมกำลังสันดาปภายใน(โฉมแรก)ได้ดี
“การรับรู้(ความน่าสนใจ)ของ Macan รุ่นใหม่ (ที่เป็นรุ่นขุมกำลังไฟฟ้า 100%) เป็นไปในทิศทางบวก, แต่เรายังไม่เห็นประสิทธิภาพ(ด้านการขาย)ในระยะยาว, จากสภาวะทางการตลาดที่ไม่แน่นอนในตอนนี้” แหล่งข้อมูลวงในของ Porsche กล่าวกับ AutoCar
“สภาวะขาลงของ Taycan คือหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตลาด, เราไม่สามารถคาดคะเนทิศทางการตลาดจากความต้องการของลูกค้าในอดีตเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป”
จากประโยคข้างต้น โดยหลักแล้ว ก็เป็นการอิงจากกรณีที่ในปี 2024 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายรถยนต์ของทาง Porsche ได้หดตัวลงไป 7% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ายอดนิยมของทางค่ายอย่าง Taycan ที่จู่ๆก็ไม่ได้รับความนิยมเหมือนเดิมอีกต่อไป และมียอดขายร่วงลงจากปีก่อนมากถึงเกือบ 50%
ขณะเดียวกัน ทางฝั่ง Macan เอง ก็มียอดขายในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของตัวรถรุ่นนี้ หดหายลงไปกว่า 30% โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะตัวรถรุ่นใหม่ที่พึ่งวางขายในช่วงครึ่งปีหลัง มีแรงดึงดูดไม่มากพออีกด้วย แม้ว่ามันจะเป็นความหวังใหม่ของค่ายที่ถูดคาดหวังเอาไว้สูงก็ตาม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในข้างต้น ก็อาจจะทำให้ทาง Porsche ต้องผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น Macan สามารถทำยอดขายรวมไปได้มากกว่า 500,000 คัน จนกลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ในอันดับ 2 เป็นรองแค่พี่ใหญ่อย่าง Cayenne เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด และสอดรับกับสถานการณ์ทางตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่แน่นอน จึงตัดสินใจทำ Porsche Macan รุ่นเครื่องยนต์สันดาปอีกครั้ง เป็นทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในวงกว้างได้ดีกว่าการมุ่งจะลุยแต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ที่ลดลง ยังส่งผลให้พวกเขาต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิตรถ Taycan จากฐานการผลิตหลักในประเทศเยอรมันออกไปยังแลห่งอื่น เพื่อลดกำลังการผลิตลงให้เหมาะสมกับความต้องการในตลาด
นอกจากนี้ ยังดูเหมือนว่าทางค่าย จะมีการปรับแผนงาน ที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้เกิน 80% ของทั้งหมดภายในปี 2030 ใหม่ด้วย ซึ่งตัวเลขที่พวกเขาประเมินไว้จะมีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ก็ยังไม่ใครสามารถทราบได้ในตอนนี้ทั้งสิ้น