RIDDARA Thailand เผยภาพเซอร์ไพรซ์ กับการส่งกระบะ RIDDARA RD6 ลุยภารกิจกู้ภัยเหตุการณ์น้ำท่วมใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
โดยหลังการเปิดรับจองเมื่อเดือนกันยายน พร้อมประกาศราคาคาดการณ์คร่าวๆว่าจะมีการวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคาราว 9xx,000 – 1,xxx,000 บาท
สิ่งหนึ่งที่หลายคนให้ความกังวลกันก็คือ มันจะมีความทนทานในการใช้งานที่สมกับคำว่า “รถกระบะ” ในนิยามการใช้งานของคนไทยหรือไม่ ?
เพราะมันมีข้อสังเกตหลายประการที่อาจไม่เหมาะกับความต้องการของคนไทยเท่าไหร่นัก ทั้งการถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก ซึ่งโดยหลักแล้วมันอาจจะให้ความนุ่มนวลภายในห้องโดยสารที่มากกว่ารถยนต์ซึ่งถูกสร้างบนพื้นฐานแบบ Body on Frame ก็จริง แต่มันก็ไม่สามารถรับแรงกระทะในการบรรทุกได้ดีกว่าเช่นกัน
นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญคือการที่มันมาพร้อมกับระบบขุมกำลังและการจ่ายพลังงานด้วยไฟฟ้า 100% ซึ่งหลายคนมักกังวลว่ามันอาจไม่สู้น้ำ หรือเสี่ยงที่จะเกิดการช็อตในทันทีเมื่อมีน้ำเข้าไปยังแพ็คแบตเตอรี่ หรือตัวมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนอีกด้วย
ทว่าล่าสุด ทาง RIDDARA Thailand กลับตัดสินใจส่งรถกระบะไฟฟ้า RD6 เข้าร่วมภารกิจสนับสนุนและกู้ภัยเหตุการน้ำท่วม ในตัว อ.แม่สาย จ.เชียงราย กับหน่วยกู้ภัยสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติประเทศไทย (D.R.A.T), สถานีประชาชน Thai PBS, Nexus อาสา และ NAC Drone ซึ่งดูเหมือนว่าทางทีมงานจะสามารถเข้าถึงเขตน้ำท่วม และสามารถช่วยผู้ประสบเหตุได้เป็นอย่างดีสำหรับภารกิจวันแรกซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
โดยหากมองจากภาพและคลิปที่ทาง RIDDARA Thailand โพสต์เอาไว้ เป็นไปได้ว่าอย่างน้อยที่สุด ความลึกของน้ำท่วมที่รถ RD6 สามารถลุยไปได้นั้น คืออยู่ในระยะแนวขอบล่างประตูห้องโดยสารพอดิบพอดี ซึ่งแน่นอนว่าในจังหวะขับจริง ก็มีความเป็นไปได้ที่น้ำอาจจะมีการท่วมสูงกว่านั้นอีกเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็จะต้องท่วมชุดแพ็คแบตเตอรี่ และชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนด้วยแน่นอน เนื่องจากตัวรถมีความสูงจากพื้นเพียงราวๆ 220 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าเตี้ยกว่ารถกระบะยกสูงอยู่หลายคัน
โดย RIDDARA RD6 คือชื่อสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางในตลาดโลกของ RADAR RD6 ซึ่งเป็นตัวรถยนต์กระบะไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงมากเป็นอันดับต้นๆของตลาดในประเทศจีน
โดยจุดขายสำคัญของเจ้า RD6 ก็คือ การที่มัน ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Multiplex Attached Platform (M.A.P) ซึ่งเป็นเพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับกระบะพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยพื้นฐานของแพลตฟอร์ม Sustainable Experience Architecture (SEA) มาต่อยอดอีกอดหนึ่ง ซึ่งอันที่เจ้าแพลตฟอร์มอย่างหลังนี้ ก็มีรถยนต์อย่างน้อย 2 รุ่นแล้วที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการสร้างมาก่อน ได้แก่ รถแฮชท์แบ็ค ZEEKr 001 กับ รถคูเป้ครอสโอเวอร์ Polestar 4 (แบรนด์ลูกของ Volvo)
นอกจากหน้าตาที่แปลกใหม่ มันยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่น่าสนใจมากมาย ทั้งระบบจอแสดงผลข้อมูลระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ, ระบบไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light 72 สี, เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ปรับด้วยไฟฟ้า, หลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ และลูกเล่นระบบ vehicle-to-load (V2L) ที่สามารถจ่ายแรงดันไฟ 220V/10A กับ 220V/16A ซึ่งรองรับกับเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในไทยได้อีกด้วย
ด้านขุมกำลังของตัวรถ ทุกรุ่นจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบเดี่ยว สำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยกำลังสูงสุด 268 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดอีก 384 นิวตันเมตร ส่วนแบตเตอรี่ที่ให้มาก็มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 63 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร, 86 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งสูงสุด 550 กิโลเมตร, และ 100 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งสูงสุด 632 กิโลเมตร
โดยกำหนดวางขายจริงของ RIDDARA RD6 ในไทย ถูกระบุว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงเดือนตุลาคมนี้ และเราก็หวังว่าทางแบรนด์จะยังคงเก็บและจัดแสดงรถคันที่ใช้ในภารกิจกู้ภัยครั้งนี้ให้เหล่าสื่อมวลชน และผู้ที่สนใจได้ลองสัมผัส หรือเก็บข้อมูลสภาพตัวรถหลังเสร็จภารกิจด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามันสามารถลุยได้จริงไม่แพ้รถกระบะขุมกำลังสันดาปภายในที่ชาวไทยคุ้นชินกัน