“รถยนต์ขุมกำลังไฮบริด” ได้ชื่อว่ามาพร้อมกับจุดเด่นคือการลดอัตราสิ้นเปลืองจากรถยนต์ขุมกำลังสันดาปภายในทั่วไป แต่ใครจะคาดคิดว่าตอนนี้ มันมาไกลถึงขั้นทำให้รถหนึ่งคันสามารถวิ่งได้ไกลเกิน 2,000 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันถังเดียวได้แล้ว
Roewe หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน (แบรนด์ลูกของ SAIC บริษัทแม่ของ MG Cars อีกทอดหนึ่ง) ผู้ซึ่งถนัดในการทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้ง EREV และ PHEV เปิดเผยความสำเร็จสุดน่าสนใจ หลังสามารถจารึกชื่อในหนังสือ Guinness World Record ได้สำเร็จ จากการสร้างสถิติรถยนต์ขุมกำลัง PHEV ที่สามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 2,208 กิโลเมตร โดยไม่ได้มีการเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟใดๆเพิ่มเติมทั้งสิ้นตั้งแต่กิโลเมตรแรกที่มีการทดสอบเพื่อบันทึกสถิติ
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ การบันทึกสถิติในครั้งนี้ ไม่ใช่การขับรถบนทางราบแล้วยิงยาวทั่วๆไป แต่เป็นการขับรถผ่านเมือง Lanzhou, Zhangye, Jiuquan, Turpan, และ Urumqi ซึ่งเส้นทางนั้นมีทั้ง ถนนดำปกติ, ทางเปียก, ทางกรวด, ทางดิน, หิมะ, หรือแม้กระทั่งบนน้ำแข็ง ณ พื้นที่ความสูงเฉลี่ย 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ด้วยอุณหภูมิ -8 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ที่หินอย่างมาก
นอกจากนี้ หากอิงตามคลิปการทดสอบที่ทาง Roewe อัพโหลดเอาไว้บนเว็บไซต์ Weibo เราก็จะพบว่าในช่วงท้ายของการทดสอบ ตัวรถต้องวิ่งผ่านทเละทรายโกบี และข้ามเขาลูกสุดท้ายอีกครั้งก่อนเข้าสู่จุดหมายปลายทาง ซึ่งตัวฝาถังน้ำมันและฝาปิดช่องชาร์จยังคงถูกปิดด้วยสติ๊กเกอร์ป้องกันการแอบเติมเชื้อเพลิง หรือชาร์จไฟระหว่างทางดังเดิม และเพื่อความมั่นใจ ทางเจ้าหน้าที่จาก Guinness World Record ยังทำการตรวจเช็คเลขตัวถังของรถอีกด้วย ว่ารถคันที่มาถึงจุดหมายเป็นคันเดียวกันกับที่ขับออกมาจากจุดเริ่มบันทึกสถิติ
โดยตัวรถที่ใช้สำหรับการบันทึกสถิติครั้งนี้ คือ Roewe D7 DMH ซึ่งเป็นรถซีดานขนาดกลาง ที่มาพร้อมกับขุมกำลัง PHEV ด้วยขุมกำลังหลักเป็น มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 PS ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซินไร้ระบบอัดอากาศขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 112 แรงม้า PS ซึ่งถูกระบุในเอกสารโบรชัวร์ของตัวรถว่ามีประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 43%
นอกจากนี้ ข้อมูลตัวรถเบื้องต้นในเอกสารโบรชัวร์ ยังระบุอีกว่า ระยะทางที่ตัวรถสามารถวิ่งได้รวมตามเคลมจริงๆ จะอยู่ที่ราวๆ 1,400 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะดูเยอะมากแล้วสำหรับรถหนึ่งคัน แต่มันก็ยังคงน้อยกว่าระยะทางที่ได้จากการทดสอบและบันทึกสถิติครั้งนี้นั้นถึง 808 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว
และหากมองในอีกมุมหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าความชำนาญในการใช้คันเร่งและวิธีการขับของนักทดสอบที่รู้จักรถเป็นอย่างดีเอง ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญซึ่งทำให้ตัวรถทดสอบคันดังกล่าว จนทำให้เจ้าตัวสามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดการทดสอบได้ที่ราวๆ 2.49 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือราวๆ 40.16 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งคงน้อยคนนักที่จะสามารถทำได้เช่นนี้