ในอด้ต ใครที่ซื้อรถใหม่ปา้ยแดงมาใช้งาน คงจะคุ้นเคยกับคำว่า Run-in กันพอสมควร
การรันอิน เป็นเหมือน ช่วงฮันนี่มูน ของเรากับรถ ในการทำความคุ้นเคยกับรถใหม่ในเบื้องต้น โดยจะมีข้อห้ามต่างๆนานามากมาย ที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อทำให้ งานวิศวกรรมของตัวรถ ที่มีมากมายหลายระบบเข้าที่เข้าทางในการใช้งาน และทรงประสิทธิภาพในการขับขี่
คนยุคใหม่ อาจไม่ค่อยได้ยินเรื่องนี้เท่าไรนัก เราไม่แม้แต่ต้องเอารถเข้าตรวจสอบตรวจเช็ค เมื่อระยะ 1,000 กิโลเมตรแรก ด้วยซ้ำ จน เริ่มต่อคำถามว่า รถสมัยนี้ เขายังต้องทำการรันอินกันอยู่ไหม และ ยังจำเป็นหรือเปล่า ในความเป็นจริง
Run in คืออะไร ?
ไม่ว่า จะรถยนต์ หรือ รถมอเตอร์ ในความเชื่อดั้งเดิม ที่มีมายาวนาน เมื่อชิ้นส่วนต่างๆ นับพันชิ้นถูกประกอบเข้าด้วยเพื่อทำให้มันทำงานได้ การจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานสอดประสานกัน และพร้อมสำหรับการใช้งานอย่างถึงพริกถึงขิง ต้องทำให้ชิ้นส่วนต่างๆเหล่านั้น รู้จักกันเป็นอย่างดี
จึงเป็นที่มาของ คำว่า ระยะรันอิน เราเรียกกันสั้นๆ ว่า รันอิน เป็นระยะเวลาที่ ผู้ผลิต จะแนะนำให้ผู้ใช้งาน ใช้งานรถเพียง20-30% ของประสิทธิภาพ เพื่อตรวจสอบคุณภาพตัวรถ ในการใช้งานระยะแรก โดยมาก จะมีระยะทาง อยู่ที่ 1,000 กิโลเมตร แรก
หลายคน มักเข้าใจว่า การรันอิน มักใช้กับเครื่องยนต์เท่านั้น และเป็นกุศลโลบายให้ แวะเวียนไปศูนย์บริการหลังถอยรถใหม่ป้ายแดง
แต่ความจริง การรันอินนั้น หมายถึงทุกชิ้นส่วนที่สามารถขยับเขยื้อนได้ ในกรณีเครื่องยนต์ อาจหมายถึงชิ้นส่วนภายในที่จะต้องมีการทำงานเสียดสีเกิดความร้อน มีการหมุนต่อเนื่อง หลังจาก ที่มันถูกประกอบจากภายในโรงงานประกอบ
ทว่า แนวคิดนี้ยังใช้กับระบบอื่นๆด้วย เช่นระบบเบรก การขับรถโดยไม่เบรกรุนแรงในช่วงแรก ทำให้การทำงานของลูกสูบเบรกค่อยเป็นค่อยไป ส่วนผ้าเบรกก็จะถูกล้างหน้าสัมผัส อย่างถูกต้อง ไม่มีความร้อนสะสมเกินไป เช่นเดียวกับชุดจานเบรกก็จะค่อยๆ ทำความรู้จักผ้าเบรก จนสร้างแรงเสียดทานในการหยุดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพตามไปด้วย
ขณะที่ระบบกันสะเทือน ชุดโช๊คที่ส่งมาจากผู้ผลิตโช๊คก็จะทำงานยืดยุบช้าๆ เกิดการนวดคลึงของ วาล์วน้ำมัน ภายในโช๊คอัพ ทำให้ ประสิทธิภาพในการตอบสนองจำกัดกาไหลน้ำมันเป็นไปตามค่าที่ถูกต้อง ไปจนถึง สปริงที่ใช้ในการซับแรงตัวรถ โดยมากช่วงล่างสปริงในรถใหม่ รวมถึงพวกชุดแหนบ จะมีความแข็งมาก เนื่องจากมันอาจไม่เคยรับแรงมาก่อน จนเมื่อเรานำมาใช้งาน สัมผัสถนน การรับแรงซับการกระแทกเบาๆเรื่อยๆ ทำให้สปริงเริ่มนิ่มวลขึ้นกว่าตอนที่มันยังไม่เคยถูกใช้งาน
ไปจนถึงชุดยางที่ถูกเก็บไว้ในระหว่างการนำมาประกอบกับล้อ และแม้รถจะถูกส่งมอบให้ดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่าย บางกรณีรถที่จอดรอลูกค้ามาจับจองอาจกินเวลานาน จนเริ่มมีการเสื่อมสภาพ การที่เราขับไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากการเปิดหน้ายางให้ เนื้องยางที่พร้อมใช้จริงๆ ได้สัมผัสถนน
ดังนั้น ในอดีตผู้ผลิต จึงมักแนะนำว่า จะต้องรันอินรถ ก่อน ในระยะแรกๆ เพื้อทำให้ รถคันนั้นๆมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุดในระยะยาว
แล้วยุคนี้ ยังจำเป็นไหม??
นับเป็นคำถามที่น่าขบคิดมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องการรถที่สมบูรณ์ที่สุด ใช้งานได้ยาวๆ
เราต้องยอมรับกันตามความจริง ว่า เครื่องไม้เครื่องมือ โดยเฉพาะั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนต่างๆในสมัยนี้ ต่างจากยุคก่อน รุ่นพ่อรุ่นแม่เราไปพอสมควร
เครื่องยนต์สมัยใหม่ถูกประกอบให้พร้อมใช้งาน ตั้งแต่มันประกอบเสร็จบนสายพานการผลิต จะมีการทดลองเครื่องยนต์สั้นๆ ในโรงงานประกอบ และ ถ้าโชคดี รถคันใหม่ของคุณ อาจถูกหนุ่มวิศวกรโรงงานเอาไปตรวจสอบคุณภาพ โดยมากถ้าคันไหนโชคดี ก้จะมีจดหมายรักจากวิศวกรใส่ไว้ในช่องเก็บของให้ดูต่างหน้า
ฟังแบบนี้เราอาจจะสรุปได้ทันทีว่า ยุคนี้ คุณไม่จำเป็นต้องรันอิน
แต่น่าแปลกที่ผู้ผลิตบางราย จะมีคำแนะนำ สำหรับการใช้รถใหม่ในระยะแรก ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเปิดสมุดคู่มือประจำรถ Mazda CX-5 จะมีข้อควรทราบในการใช้ 1,000 ก.ม.แรก จะมีข้อห้ามบางประการ ได้แก่
- ห้ามนำ เครื่องยนต์ไปใช้ในการแข่งขัน
- ไม่ขับโดยใช้ความเร็วคงที่เป็นระยะเวลานาน
- ไม่ใช้คันเร่งเต็ม ที่เป็นเวลานาน
- ไม่ใช้ รอบเครื่องสูง เป็นเวลานาน
- ไม่ลากจูงสิ่งของ
เป็นสิ่งที่มาสด้าได้แจ้งกับลูกค้าถึงสิ่งที่ควรจะทำ แต่ทางมาสด้า ได้เคยเปิดเผย กับสื่อ Drive ออสเตรเลียว่า การที่ทางบริษัทเขียนรายละเอียดลงไปแบบนั้น ก็เป็นเพียงข้อแนะนำเท่านั้นไม่ใช่เป็นกระบวนการรันอิน แต่อย่างใดในการขับขี่ใช้าน มันเป็นสิ่งทีลูกค้าควรรับทราบในการใช้าน และควรทำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์
อย่างไรก็ดี รถยนต์บางรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มรถสมรรถนะสูง ที่เน้นในเรื่องประสิทธิภาพในการขับขี่อาจจะยังมีคำแนะนำ ให้รันอินอยู่ โดยจะพยายามบอกให้ผู้ขับขี่ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่เกินตามที่กำหนด ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาทิ Corvette จะบังคับผู้ใช้ไม่ให้เร่งรอบเกิน 4,500 รอบต่อนาที ใน 1,000 กิโลเมตรแรก
และทันที่ทีรถคุณผ่าน 1,000 กิโลเมตรแรกไป กล่องประมวลผลรถจะปรับให้ เครื่องยนต์สามารถลากรอบได้สูงถึง 6,500 รอบต่อนาที ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ
แม้ว่า จะฟังแล้วแปลก แต่นั่นก็ดูเหมือนการรันอินเครื่องยนต์ และ รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆในรถด้วย เพื่อทำให้ ประสิทธิภาพในรถทำงานได้ดีที่สุดในระยะยาว
ถึงปัจจุบัน ผู้ผลิตจะหลีกเลี่ยงการบังคบให้ผู้ใช้ ทำการรันอินรถใหม่ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว หลักการประกอบรถยนต์ก็ไม่ได้ต่าวจากเดิมมากนัก ถึงอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้อวรันอิน แต่การที่เราตระหนักว่า ชิ้นส่วนต่างๆ อาจะยังไม่พร้อมใช้งาน จนกว่าจะผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งไปแล้ว อาจมีผลต่อประสิทธิภาพเครื่องยนต์ในระยะยาว ก็เป็นไปได้ครับ