Suzuki Cappuccino ชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูชาวไทยเท่าไหร่นัก เว้นเสียแต่ว่าคุณอาจจะเป็นวัยรุ่นสายซิ่ง JDM 90’s ตัวจริง หรือไม่ก็เคยอ่านการ์ตูนแข่งรถ Initial D ในสเตจท้ายๆมาก่อน

และจากข้อมูลล่าสุด กลับมีบทวิเคราะห์ใหม่จากสื่อญี่ปุ่น BestCar Web ที่ระบุว่าทาง Suzuki อาจตัดสินใจ กลับมาทำรถ Suzuki Cappuccino รถสปอร์ตคาร์ 2 ประตู น้ำหนักเบารุ่นนี้อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้ยกเลิกการทำตลาดมันไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้มัน มีแนวโน้มที่จะได้รับการปลุกชีพใหม่อีกครั้ง หลักๆแล้วก็จะเกี่ยวเนื่องกับข้อมูลที่ว่าในตอนนี้ ทาง Toyota ได้มีแผนงานที่จะสร้างรถสปอร์ตรุ่นใหม่ออกมา โดยมีเงื่อนไขคือพวกเขาจะต้องหาบริษัทคู่ค้า ให้เข้ามาช่วยกันพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ให้ได้ก่อน เพื่อช่วยกันลดต้นทุนในงานวิจัย และการผลิต

และเนื่องจากหนึ่งในโปรเจ็กท์รถสปอร์ตรุ่นใหม่ของ Toyota มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อยที่จะเป็น Toyota S-FR Concept ซึ่งเป็นรถยนต์สปอร์ตคาร์ทรงโรดสเตอร์ 2 ประตูขนาดเล็ก พอๆกับ MX-5

เมื่อประกอบกับการที่ Toyota และ Suzuki ต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีรวมกัน และเคยพัฒนารถยนต์ร่วมกันมาแล้วหลากหลายรุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเจ้า Toyota S-FR ร่างขายจริง จึงอาจถูกสร้างขึ้นโดยมี Suzuki Cappucino รุ่นใหม่ เป็นคู่แฝดก็ได้

และด้วยความที่สปอร์ตคาร์รุ่นนี้ เป็นรถสปอร์ตที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทาง Daihatsu บริษัทลูกของ Toyota ที่เชี่ยวชาญในการทำรถยนต์ขนาดเล็กอยู่แล้ว จะมาร่วมแจมในการพัฒนาตัวรถด้วย ซึ่งอันที่จริงทางแบรนด์ Daihatsu เอง ก็มีรถสปอร์ตขนาดเล็กที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Daihatsu Copen ไว้ตีตลาดอยู่แล้วเช่นกัน

โดยหากอิงตามข้อมูลของสื่อต้นทาง BestCar Web ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ หากโปรเจ็กท์นี้เกิดขึ้นจริง รถสปอร์ตทั้ง 3 คัน อาจมาพร้อมกับทางเลือกขุมกำลัง 3 รูปแบบ

นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 0.66 ลิตร ซึ่งอาจจะให้กำลังสูงสุดที่ราวๆ 60-70 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุดอีกราวๆ 90-110 นิวตันเมตร ตามด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง ขนาด 1.3 ลิตร ซึ่งอาจจะให้กำลังสูงสุดที่ราวๆ 85-90 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุดอีกราวๆ 115-125 นิวตันเมตร

ซึ่งในความเป็นจริง เครื่องยนต์เหล่านี้ ก็เป็นขุมกำลังพิกัดดั้งเดิม ที่มีอยู่ใน Daihatsu Copen และทางฝั่ง Suzuki Cappucino ก็เคยใช้เครื่องยนต์พิกัดนี้ พร้อมพ่วงระบบเทอร์โบชาร์จด้วยเช่นกัน แค่ต่างกันตรงนี้ เครื่องยนต์รหัส F6A และ K6A ของมัน เป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียงเท่านั้น

ส่วนขุมกำลังรูปแบบสุดท้าย ที่มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย ก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง ขนาด 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ซึ่งคาดว่าจะเป็นบล็อคที่ถูกต่อยอดโดยการลดความจุลงมาจาก เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง ขนาด 1.6 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ที่อยู่ใน GR Yaris และ GR Corolla อีกที

โดยพละกำลังสูงสุด ที่คาดว่าเครื่องยนต์ลูกนี้จะทำได้ ก็ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่าจะอยู่ที่ราวๆ 150 PS ซึ่งมันอาจจะดูไม่สูงมากนัก แต่เราต้องไม่ลืมว่าด้วยขนาดตัวรถที่ค่อนข้างเล็กมากๆ จึงทำให้พวกมันอาจมีน้ำหนักเพียงไม่ถึง 1 ตัน หรืออาจอยู่ที่ราวๆ 900 กิโลกรัมนิดๆเท่านั้นเอง

ด้านระบบส่งกำลัง คาดว่าจะมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ 6 สปีด โดยที่ระบบขับเคลื่อนเอง ก็อาจจะมีทั้งแบบ ขับเคลื่อนล้อหน้า (ใน Daihatsu Copen) และ ขับเคลื่อนล้อหลัง (ใน Suzuki Cappucino และ Toyota S-FR)

อย่างไรก็ดี เนื่องจากข้อมูลในครั้งนี้ ยังเป็นเพียงข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และอ้างอิงจากความเป็นไปได้โดยสื่อ BestCar Web เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นการเปรย หรือเปิดเผยข้อมูลที่แน่ชัดโดยทางค่ายเองแต่อย่างใด ดังนั้นหากใครที่สนใจ จึงอาจจะต้องรอติดตามกันต่อไป และเสพข้อมูลอย่างมีวิจารณญานกันพอสมควรเลยทีเดียว