หลังจากที่ไม่มีการออกรถโมเดลใหม่มานานหลายปี ล่าสุดตอนนี้ก็ได้มีคนพบเห็นว่า ทาง Tesla กำลังทดสอบว่าที่รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ของแบรนด์อีกหนึ่งรุ่นอยู่ แถมมันยังอาจจะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใครหลายๆคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมขึ้นมากอีกด้วย
นั่นก็เพราะว่า จากข้อมูลภาพ Spyshot ล่าสุด ที่เราได้รับมา จะเห็นได้ว่า แม้เจ้าว่าที่รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ที่ Tesla กำลังทดสอบอยู่นั้น จะมาพร้อมกับชุดไฟหน้า และกันชนหน้าที่คล้ายกับ Tesla Model 3 แต่ทรวดทรงของตัวรถหลังจากนั้นกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน้าตาตัวรถตั้งแต่แนวห้องโดยสารเป็นต้นไปจนถึงด้านท้าย ที่มาพร้อมกับชายล่างและซุ้มล้อพลาสติกสีดำ นั่นกลับทำให้เรานึกถึงรถยนต์ตระกูล CX-Series จาก Mazda
หรือหากเพ่งไปที่ภาพช่วงท้ายของตัวรถ แล้วดูนี่บานกระจกของประตูคู่หลังกับความลาดของเสา C ที่เอียงเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดลงมาเป็นแนวตรงถึงกันชนด้านล่าง แบบรถครอสโอเวอร์แล้ว มันก็ยิ่งเหมือนกับเอาท้ายของ Mazda CX-30 มาแปะใส่เข้าไปอีก
จะมีก็แค่เพียงไฟท้ายเท่านั้น ที่ยังคงเป็นของ Tesla Model 3 เท่านั้น ที่ทำให้เรายังคงมองว่ามันคือรถทดสอบจากผู้ผลิตสัญชาติอเมริกาที่ว่า ไม่ใช่สัญชาติญี่ปุ่นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในส่วนความเคลื่อนไหว ที่จะทำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กของ Tesla ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในความจริงแล้ว CEO หรือผู้บริหารสูงสุดของแบรนด์อย่าง Elon Musk ก็ได้เคยเกริ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ตั้งแต่ปี 2020 ว่าตนมีแผนที่จะทำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่างที่มีราคาเพียงแค่ราวๆ 9 แสนบาท (ในสหรัฐอเมริกา) ออกมา
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ในปี 2021 เจ้าตัวก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจ็กท์นี้อีกครั้งว่าทางแบรนด์ต้องขอพักมันเอาไว้ก่อน เนื่องจากมีโปรเจ็กท์ให้ต้องทำมากเกินไป อย่างเช่นโปรเจ็กท์รถกระบะไฟฟ้า Cybertruck หรือรถหัวลากไฟฟ้า Semi-Truck ที่ล่าช้าไปมากก็ด้วย
ทว่าล่าสุด ในงานแถลงผลประกอบการธุรกิจช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ที่ผ่านมา Elon Musk ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้พวกเขาได้จบขั้นตอนในเชิงวิศวกรรมของทั้ง Cybertruck และ Semi-Truck ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย (เข้าสู่ขั้นตอนการวางแผนทำตลาดและอื่นๆ)
นั่นจึงทำให้บริษัทสามารถกลับมามุ่งหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่สำหรับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ของตนเองได้อีกครั้ง แถมยังระบุอีกว่ามันจะมีต้นทุนในการผลิตแค่เพียงครึ่งเดียวของ Tesla Model 3 และ Tesla Model Y นั่นจึงหมายความว่าราคาของมันจะถูกลงอีกมาก และยังรวมถึงขนาดตัวรถเองก็จะเล็กลง
ทั้งนี้ เนื่องจากโปรเจ็กท์ดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น จึงทำให้กว่าเราจะได้เห็นตัวรถพร้อมวางจำหน่ายจริงๆ อาจต้องใช้เวลาอีกราวๆ 1-2 ปีนับจากนี้ ซึ่งเราจะคอยนำข้อมูลของมันมาอัพเดทให้ทุกท่านได้รับทราบกันอยู่เรื่อยๆ