อาจจะจริงอยู่ว่าในปัจจุบัน Toyota มีรถยนต์ให้ลูกค้าทั่วโลกได้เลือกซื้อกันหลากหลายประเภท ตั้งแต่รถใช้งานทั่วไป จนถึงรถยนต์ที่เน้นสันทนาการด้านการขับขี่ แต่จนตอนนี้ หัวเรือใหญ่ของแบรนด์ก็ยังคงหวั่นใจว่าบริษัทของเขาจะกลับไปเป็นผู้ผลิตที่น่าเบื่อในสักวันอยู่ดี
ย้อนไปในงาน Japana Mobility Show 2023 นอกจากการเปิดตัวต้นแบบรถยนต์โมเดลใหม่ๆเพื่ออนาคตแล้ว นาย Akio Toyoda หลานของผู้ก่อตั้ง และอดีตผู้บริหารสูงสุดของแบรนด์รถยนต์ Toyota ที่ตอนนี้ได้ผันตัวขึ้นไปเป็นประธานบอร์ดบริหาร ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ต่อเหล่าสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน ถึงความกังวลของเจ้าตัวที่เคยเป็น และในความจริงแล้วก็ยังเป็นอยู่จนตอนนี้
“ผมกลัวอยู่ตลอดเลยว่า Toyota จะกลับไปเป็นเพียงแค่บริษัทธรรมดาๆเจ้าหนึ่งแค่นั้น” Toyoda กล่าวต่อหน้าฝูงชนที่เข้าร่วมชมบูทของ Toyota ในงาน Japan Mobility Show 2023 “และเมื่อความกลัวนี้ถูกส่งต่อไปยังใครหลายคน, มันอาจหมายความว่า สายเกินไปแล้ว, เพราะขนาดต่อให้ผมได้เป็นประธาน(บริหาร)ของบริษัท, ผมยังต้องใช้เวลากว่า 14 ปี ถึงจะเปลี่ยน Toyota (ให้กลายมาเป็นแบรนด์ที่มีรถยนต์น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ) ได้, แต่สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนทิศได้เพียงพริบตา”
ทั้งนี้ Toyoda ยังเปิดเผยอีกว่าความคิดนี้ของเขา ได้ก่อตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ได้ยินคำปรามาสจากลูกค้าว่า “Lexus น่าเบื่อ” เมื่อตอนที่แบรนด์ลูกระดับพรีเมียมของ Toyota ได้มีการเปิดตัว Lexus GS ออกมาเมื่อ 2011 ณ หาดเพบเบิ้ล รัฐแคลิฟอร์เนียน สหรัฐอเมริกา
ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวมองว่า การใส่ระบบซุปเปอร์ชาร์จเข้าไป อาจเป็นสิ่งที่ทำให้รถดูดีมากยิ่งขึ้น, แต่กระนั้นวิศวกรของเขากลับไม่เชื่อ และมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องไปปรับปรุงอะไรใดๆของตัวรถทั้งสิ้น
“ตอนที่ผมไปพบกับทีมวิศวกรที่ตึกไอโวรีเพื่อบอกความรู้สึกของผมต่อรถคันนี้ของเรา (ว่ามันควรใส่บางสิ่งบางอย่างเข้าไป เพื่อให้รถดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น อย่างการใส่ซุปเปอร์ชาร์จให้กับเครื่องยนต์), พวกเค้ารีบปัดบทสนทนาทันที แล้วบอกผมว่า, เราไม่เห็นมีข้อมูลหรือการเรียกร้องใดๆ(จากลูกค้าถึงความน่าเบื่อของรถ)เลยสักนิด”
“และแม้ต่อให้ผมเปลี่ยนวิธีการ แล้วโน้มน้าวให้พวกเค้าไปลองขับรถยนต์ที่ผมคิดว่ามันดีกว่า (น่าสนใจกว่า ขับสนุกยิ่งกว่า) เพื่อเปรียบเทียบ พวกเค้ากลับตอบกลับมาว่า, มันก็เหมือนกันแหล่ะ ตามหน้ากระดาษ (ข้อมูลจากสเป็คชีท), มันเป็นอะไรที่ยากลำบากมากๆ(ที่จะเปลี่ยนความคิดเหล่าวิศวกร)”
โดยสาเหตุที่เหล่าวิศวกรของ Toyota ในช่วงเวลาดังกล่าวคิดเช่นนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะในช่วงปี 2009 ตอนที่ Akio Toyoda ขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดของแบรนด์ใหม่ๆ บริษัทของเจ้าตัวยังเป็นบริษัทที่มีความมุ่งเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องของส่วนแบ่งการตลาดและจำนวนยอดขายเป็นหลักเท่านั้น
ทว่า Toyoda กลับบอกเหล่าพนักงานของตนเองให้ปรับแนวคิดเสียใหม่ว่า ตนมองความสำเร็จเหล่านี้เป็นเพียงผลลัพท์ แต่มันไม่ใช่เป้าหมาย แม้ตนเองจะรู้ว่าจุดแข็งของบริษัทคือ(การทำรถที่มี)ความเกี่ยวเนื่องกับส่วนแบ่งการตลาด(และความต้องการของลูกค้าในตลาดเป็นหลัก)
ถึงกระนั้น ด้วยความเป็นคนรักรถแข่ง และหลงไหลในมอเตอร์สปอร์ตแบบเข้าเส้น ทำให้ Toyoda ได้เริ่มผลักดันการทำรถสปอร์ต และทำรถยนต์ที่ต้องไม่ได้มีความโดดเด่น แค่ในเรื่องของการตอบสนองความต้องการ หรืออรรถประโยชน์ในการใช้งานของลูกค้า แต่ยังต้องโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ และหน้ามีหน้าตาที่ดูวัยรุ่น ทันสมัย โฉบเฉี่ยว ไม่ดูแก่ หรืออนุรักษ์นิยมจนเกินไป
และก่อนที่จะสาย ในที่สุดตอนนี้รถยนต์ของ Toyota จึงไม่ได้ถูกกล่าวถึงแค่ในมุมของรถยนต์จากแบรนด์หนึ่ง ที่มีความเป็นเจ้าตลาดจากความทนทาน และความน่าเชื่อถือในเรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีการพูดถึงเหล่ารถยนต์ที่โดดเด่นในเรื่องสมรรถนะควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ในตระกูล Gazoo Racing ที่ตอนนี้มีทั้ง GR86, GR Supra, GR Yaris, GR Corolla
หรือแม้กระทั่งรถที่เคยถูกกล่าวหาว่ายังไงก็เป็นเพียงแค่รถบ้านๆอย่าง Toyota Prius เอง ตอนนี้ก็มาพร้อมกับหน้าตาที่หล่อเหลา แถมยังมีเสียงเล่าลือจากผู้ใช้งานต่างประเทศว่ามันคือรถยนต์ไฮบริดอีกหนึ่งรุ่นที่ให้ประสบการณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนานไม่แพ้รถยนต์นั่งคันอื่นๆอีกด้วย