หลายปีที่ผ่านมา Tesla ได้ถูกยอมรับว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่คนตัดสินใจซื้อมากที่สุดในโลก ยอดขายของพวกเขาพุ่งขึ้น ในขณะที่มีกระแส เรื่องตัวรถที่มีประเด็นเดรื่องระบบ Auto Pilot อย่างต่อเนื่อง แต่โครงสร้างของรถยนต์ กลับมีการพัฒนาก้าวล้ำไปมากว่าที่คิด
เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่า ทาง Toyota มอเตอร์ ตัดสินใจ ทำเรื่องสำคัญในการซื้อรถยนต์ Tesla Model Y มาพิสูจน์ทราบทางวิศวกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการพัฒนาและวิจัยของทางบริษัท เพื่อจะได้เข้าใจคู่แข่งรายสำคัญ ทางด้านรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากการเปลี่ยนมือของผู้บริหารสูงสาย อย่าง นาย อากิโอะ โทโยดะ มาเป็น นาย โคจิ ซาโตะ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
โดยตามรายงานจาก ทาง Automotive News ระบุว่า หลังจากที่ทางทีมงาน ได้ทำการผ่าโครงสร้างพิสูจน์ Tesla Model Y ก็ถึงกับอึ้ง แม้ว่าภายนอกตัวรถ อาจจะดูเหมือนกัน แต่ในแง่ของการพัฒนาทางวิศวกรรม มีการพัฒนาไปไกลกว่าที่ โตโยต้าคิด
หนึ่งในทีมวิศวกร เปิดเผย กับ ผู้บริหารของ Toyota ว่า หลังจากผ่าโครงสร้างดู นี่คือผลงานชิ้นเอกทางด้านวิศวกรรม และ พวกเขาแทบไม่เชื่อว่า มันเป็นไปได้
จุดสำคัญ คือการที่ Tesla สามารถ ก้าวไปถึง กระบวนการสร้างตัวถังแบบ Giga Press หรือก็คือ กระบวนการที่สามารถ ขึ้นรูป ตัวถังขนาดใหญ่ชิ้นเดียวได้ จึงช่วยลด การเชื่อมต่อโครงสร้างและสร้างจุดยึดต่างๆใน โครงสร้างตัวถัง โดยมีรายงานว่า สามารถลดน้ำหนักโครงสร้าง ได้ถึง 100 กก.
ในขณะที่ บริษัทเองก็มีการเพิ่มความสามารถของชุดแบตเตอร์รี่อย่างต่อเนื่อง และ ยังลดค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิต ไปได้พร้อมกัน
เมื่อสรุปข้อมูลจากการผ่าพิสูจน์ในครั้งนี้ ทางวิศวกรของ Toyota ได้ชี้ว่า Tesla เหนือกว่า Toyota ใน 4 เรื่องด้วยกัน คือ แพลทฟอร์ม ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า, แบตเตอร์รี่ ที่มีความก้าวล้ำมากกว่า, การพัฒนา ที่มุ่งเฉพาะทางด้านรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง และ ท้ายสุดการพัฒนาซอฟท์แวร์ เฉพาะเพื่อตอบโจทย์ ต่อรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองโดยตรง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า Toyota BZ4X มีการพัฒนา โดยใช้โครงสร้าง ที่มีการพัฒนาขึ้นมาจากองค์ความรฝู้ของโครงสร้าง TNGA ในขณะ การซัพพลายแบตเตอร์รี่ เริ่มมีการใช้ผู้ผลิตชั้นนำ ซึ่งเป็นแหล่งเดียวกับ ที่ Tesla ใช้ในปัจจุบัน
ขณะที่จุดอ่อน Toyota อยู่ที่ การพัฒนารถที่ต้องคำนึงถึง รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรงนั้น ยังเป็นไปได้ยากในความจริง เนื่องจาก บริษัท ยังขายรถหลายรุ่น ทั้งรถสันดาป และไฮบริด ทำให้บริษัท ต้องคิดในหลายๆแบบมากกว่า เมื่อต้องลงทุนพัฒนา
ข้อมูลจาก Automotive News