ถ้าจะเอ่ย ถึงรถยนต์ มาตรฐานของคนมีอันจะกิน เชื่อว่าในแต่ละบ้าน น่าจะมีรถอย่าง Toyota Alphard หรือไม่ Toyota Vellfire ประดับอยู่ในโรงรถกันบ้าง รถทั้งสองรุ่นเรียกว่าได้รับความนิยมอย่างมาก จนโตโยต้า ไม่พลาด จะส่งรถโฉมใหม่ออกมาตอบลูกค้า ให้ใช้กัน
All New Toyota Alphard และ Toyota Vellfire 2023 เปิดตัวในวันนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ สิ้นสุดการรอคอยรถรุ่นใหม่ หลังจากที่เผยทีเซอร์ และมีภาพหลุดต่อเนื่องในตลอดช่วงสัปดาห์ทีผ่านมา
โครบการพัมนารถยนต์ Toyota Alphard ใหม่ มุ่งเน้นในการนำเสนอรถยนต์ที่มองคุณค่าตัวรถที่ลูกค้ามองหา โดยตลอดใน 4 เจนเนอร์เรชั่นที่ผ่านมา ทางโตดยต้า นำเสอน ตัวรถที่มีความกว้างขวาง สะดวกสบาย และมีความหรูหรา นั่น เป็นสิ่งที่รุ่นใหม่ก็ยังตั้งใจจะนำเสอนต่อไป
คอนเซปต์หลัก “the joy of comfortable mobility” ถูกนำมาใช้ เพื่อตั้งต้นทิศทางการออกแบบที่จะต้องมอบความสบายในการโดยสารสูงสุด ทางโตโยต้า ยังตั้งใจยกระดับ ให้รถรุ่นนี้เป็นแนวรถ “Luxury Saloon” เคลื่อนที่ เหนือกว่ารุ่นเดิมที่เคยนำเสนอในเจนเนอร์เรชั่นสาม โดยทำการยกระดับสิ่งพื้นฐานต่างๆที่นำเสนอมาก่อนน่านี้
อาทิ กาลดระดับ เสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ,ความกว้างขวางและเข้าออกในห้องโดยสารที่มีความสะดวก ตลอดจน ความสามารถในการขับขี่มอบความสะดวกสบาย และนิ่มนวลมากขึ้นตามไปด้วย
งานออกแบบภายนอก
อย่างแรกที่ลูกค้าที่มองหารถยนต์ Toyota Alphard / vellfire มอง ก็ไม่พ้นงานออกแบบตัวรถที่ต้องโดดเด่นสะดุดตา กว่าที่เคยเป็น
ทีมออกแบบ วางแนวคิดว่ า Forceful x Impacr Luxury หรือ ต้องทรงพลังและดึงดูดใจทุกครั้งที่เห็น เพื่อให้ได้โจทย์ดังกล่าวงานออกแบบเส้นสายตัวรถ โดยเฉพาะด้านข้าง จึงออกแบบให้มีความทรงพลัง รู้สึกพุ่งทะยาน มีการใช้แนวเส้นเข้ามา ไม่ราบเรียบแบบที่ผ่านมา มุ่งเน้นให้รถดูพุ่งทะยาน ทรงพลัง มีความสปอร์ต ไม่ใช่รถตู้ที่จำเจ น่าเบื่ออีกต่อไป
ด้านหน้า มาพร้อมไฟหน้า LED และ มีไฟ LED อยู่ทางด้านล่างไฟหน้า โดยจะทำหน้าที่เป็นทั้ง Day Time Running Light และ Cornering Light ช่วย อำนวยความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางมากขึ้น
ชุดไฟหน้าออกแบบ เป็น สามเลน เพื่อให้แสงกระจายส่องสว่าง และทรงพลัง สะกดสายตาในยามค่ำคืน
ในส่วนไฟท้ายเป็น LED แบบมีลวดลาย ให้ความรู้สึกปราณีตในงานออกแบบ ให้ความน่าใช้งานมากกว่ารุ่นที่ผ่านมา
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว นำเสนอ พร้อมลวดลายที่ดูมีความโดดเด่นทันสมัยมากขึ้น มาพร้อมยางขนาด225/60/R18
ภายในห้องโดยสาร
ทางทีมออกแบบ ต้องการนำเสนอความทันสมัย และความกว้างขวางในการโดยสาร ไปจนถึงความหรูหราทันสมัย จึงจัดการปรับงานออกแบบหลายจุดด้วยกัน
ภายในตอนหน้า มีการออกแบเปลี่ยนมาใช้จอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว และ มี Head up Display มาให้ ผู้ขับขี่ ส่วนตรงกลางระบบความบันเทิง อัพเดทมาเป็นจอภาพขนาด 14 นิ้ว มาพร้อมการออกแบบให้สะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น มาพร้อมหัวเกียร์ไฟฟ้า
เบาะนั่งคนขับตอนหน้าสามารถบันทึกได้ 3 ตำแหน่ง โดยจะบันทึก ท่านั่ง การปรับพวงมาลัย รวมถึง กระจกมองข้าง ทั้งยังนำเสอน กระจกมองหลัง ดิจิตอล เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวกับ เจ้านายตอนหลัง
แน่นอนว่า ตัวรถรุ่นนี้ความสำคัญ อยู่ที่การโดยสารตอนหลัง มาพร้อมบันไดข้างไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกสบายเพิ่มเติม เพื่อลดการก้าวลงจากรถ อำนวยความสะดวก สำหรับผู้สูงอายุ และ เด็กเล็ก ประตูสไลด์ไฟฟ้า ทั้ง 2 ด้าน มีความกว้างในการเปิดถึง 820 มม. ช่วยให้ขึ้นลงได้อย่างสะดวก
ทางด้านการโดยสารตอนหลัง ทางทีมออกแบบได้จัดการในการเพิ่มพื้นที่ห่างจาก เบาะหน้า อีก 5 มม. สำหรับแถว 2 และ แถม 3 เว้นจากแถวสอง อีก 10 มม. ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้ที่สำคัญ คือ ทางทีมออกแบบ จัดทำคอนโซลควบคุมเหนือหัว วางไว้บนหลังคา วางยาวเพื่ออำนวยความสะดวก ในการปรับแต่งระบบปรับอากาศ รวมถึงเป็นช่องแอร์ ในตัวไปด้วย รวมถึงยังใช้ในการควบคุมประตูสไลด์ไฟฟ้า ทั้งสองด้าน
รวมถึงควบคุมม่านบังแดด ไฟฟ้า ที่สามารถสั่งการได้จากคอนโซลนี้ ช่วยเพิ่มความส่วนตัวในการโดยสารมากขึ้น และยังเป็นช่องแอร์ ,ไฟกลาง รวมถึง ตำแหน่งไฟ Ambient และยังใช้ในการควบคุมม่านบังแสงช่องมูนรูฟด้วย
สิ่งสำคัญจริงๆใน Toyota Alphard นั่นคือตัวเบาะนั่ง โดยเฉพาะเบาะตอนสอง ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ ในการโดยสาร
ตัวเบาะ ออกแบบมาให้สบายสูง ใช้งานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งตัว ในการเลือกปรับตำแหน่ง สามารถเลื่อนเข้า-ออก ได้ถึง 480 มม.และมีกลไก ที่ช่วยลด เวลาในการเข้า-ออกแถวสาม ได้สะดวกมากขึ้น
ในส่วนตัวที่นั่ง ติดตั้งด้วยลูกยางลดการสะเทือนจากตัวรถ เรื่องการตัดเย็บให้มีความสบายในการโดยสารสูงสุด ด้วยหนังพิเศษ และ Cushion ทั้งหมด ทำมาจาก memory Foam สามารถปรับท่านั่งได้ในทุกตำแหน่ง และยัง ออกแบบที่รองขา ช่วงน่อง สามารถ ขยายได้ยาวถึง 150 มม. เบาะยังครบเครื่องด้วยฟังชั่น เป่าลมเย็นและทำให้ร้อน สำหรับการใช้งานในหน้าหนาว
ฟังชั่นตัวเบาะ ทั้งหมด ถูกควบคุมในชุดจอ ที่สามารถสั่งการเป็นส่วนตัวได้ในแต่ละที่นั่ง รวมถึงควบคุม วิทยุ ,แอร์ , ม่านบังแดดด ทั้งกมด ทำงานผ่านจอ ขนาด 5.5 นิ้ว ที่เก้าอี้ ทั้งยังมีความสาะดวกสบาย อย่างโต๊ะนั่งที่สามารถพับเก็บได้
ไม่เพียงเท่านี้ ผุ้ขับขี่เอง ยังสามารถทำการควบคุม เบาะนั่ง ตอนสองได้ รวมถึง ระบบประตูสไลด์ เืพ่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานสูงสุด
สมรรถนะที่เหนือชั้น
ทางด้าน สมรรถนะในการขับขี่ Toyota Alphard 2023 / Toyota Velfire พัฒนาบนโครงสร้างตัวถังใหม่ล่าสุด TNGA-K พัฒนาความแข็งแรง Rigidity มากถึง 50% จากรุ่นเดิม
หัวใจหลักอย่างหนึ่ง คือการปรับการประกอบโครงสร้างด้วยความยึดตัวถังคุณภาพสูง ในแต่ละจุดที่รองรับแรงต่างกัน
ในส่วนโครงสร้างใหม่ยังทำให้ ช่วงล่างมีการปรับให้เหมาะสม ด้วยช่วงล่างด้านแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ทางด้านหลังใช้ระบบปีกนกอิสระ 2 ชั้นช่วยลดการสะเทือนจากถนนสู่ห้องโดยสาร รวมถึงยังปรับปรุงในส่วนของ ลูกยางต่างๆให้เหมาะสมกับการขับขี่และความสบายในห้องโดยสาร ซึ่งทำงานรวมกับการวัสดุ เมมโมรี่ โฟม ในโครงสร้างเบาะแถว 2 ทำให้มีความสบายกว่าเดิม 30%
ช๊อคอัพใหม่ ถูกปรับให้มีความเหมาะสมมากขึ้น โดยสามารถปรับค่าการตอบสนอง โดยดูจากการขึ้น-ลงบ่อยครั้งของชุดแกนโช๊คในระหว่างการขับขี ่ทำให้ สามารถซับแรงดี ขึ้น และเพิ่มความสบายในการโดยสาร
ในส่วนของการลดเสียงรบกวนในระหว่างการขับขี่ ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ ทางโตโยต้า ได้ พัฒนาชุดยางให้มีความเงียบเป็นพิเศษ ทั้งยังทำการเพิ่มวัสดุในโครงสร้า งเพื่อลดเสียงรวบกวนจากลม ทั้งปรับการออกแบบในหลายจุดที่มีรอยต่อ อาทิ ฝากระโปรงหน้า , ประตูข้างเพื่อ ทำให้ลดเสียรบกวนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านเครื่องยนต์ Toyota Alphard มาพร้อม เครื่องยนต์ 2 รุ่น แต่ทั้งคู่มีขนาด 2.5 ลิตร เหมือนกัน
- รุ่นแรก เป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ไฮบริด รหัส A25RFXS อักแน่นเทคโนโลยีสำคัญอย่างระบบจ่ายน้ำมัน D4S ที่มีหัวฉีดน้ำมันแบบ Port injection และ Direct injection แยกการทำงาน พร้อมระบบควบคุมอากาศ ทั้งในฝั่งไอดี และไอเสีย
แถมยังปรับปรุงระบบหล่อเย็นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานแบบแผรผัน และใช้ปั้มน้ำไฟฟ้า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ให้กำลังขับสูงสุด 250 แรงม้า และ ประหยัดสูงสุด 17.5 ก.ม./ลิตร - ในส่วน รุ่นต่อ มา เป็นเครื่องยนต์สันดาป 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE เน้นกลุ่มผู้ใช้งานสำหรับการเดินทาง ขับทางไกล ใช้ระบบเกียร์ Super CVT-i ทำอัตราประหยัดอยู่ราวๆ 12.X ก.ม./ลิตร
ส่วนใน Toyota Vellfire รุ่นเริ่มต้น แนะนำเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบ รหัส T24a-FTS ใช้ระบบจ่ายน้ำมัน Direct injection และ Turbo สองช่อง หรือ Twin- Scroll ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ จนทางโตโยต้า กล่าวว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่น V6 3.5 เดิม
มันทำกำลังขับสูงสุด 279 PS ที่ 6,000 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,700-3,600 รอยต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ Direct shift 8 สปีด อัตราประหยัดไม่หนีจากเครื่องยนต์ 2.5 ใน Alphard แต่พลังขับเหลือล้นกว่าเยอะ
เคียงข้างกับสมรรถนะในการขับขี่ ทางโตโยต้า ยังสร้างระบบสนับสนุนการขับขี่ เพื่อความสะดวกสบายเพิ่มเติม
- Intra-Lane Steering Assist ระบบช่วยเปลี่ยนเลน โดยดูจากแอคชั่นของผู้ขับขี่ว่าหากกำลังมีการเปลี่ยนระบบจะเพอ่มน้ำหนักพวงมาลัย เพื่อให้การบังคับเปลี่ยนเลนเป็นไปอย่างนุ่มนวล
- Deceleration Assist when Turning at Intersections ระบบนี้จะทำงานเมื่อ พบว่า รถมาถึงทางแยก ในขั้นระหว่างที่ผู้ขับขี่ถอนคันเร่งและยกไฟเลี้ยว ระบบจะทำการประเมิน และช่วยชะลอรถ เพื่อให้การเลี้ยวซ้าย หรือขวา เป็นไปอย่างราบลื่น โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกไปด้วย
- advanced Drive (support during traffic congestion) ระบบช่วยขับในระหว่างรถติด โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ในระหว่างความเร็ว 0-40 ก.ม./ช.ม.ระบบจะใช้ฟังชั่นของ Radar Cruise Control และ Lane Tracing Assist ในการพารถเคลื่อนตัวไปตามการจราจร เพิ่มความสบายให้กับผู้ขับขี่ ไม่เครียดกับการต้องคอยขับตามการจราจรข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังมีระบบ Remote Parking ช่วยให้ นำรถเข้าจอด และออกจากที่จอดรถคับแคบ โดยทำงานผ่าน แอพพลิเคชั่นมือถือ
ทั้งนี้ Toyota Alphard และ Toyota Vellfire ใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเร็วๆนี้ โดยรถทั้งคู่ จะผลิต จากประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน Alphard 70% ,Vell Fire 30% ส่วนประเทศไทย เราน่าจะได้เห็นกันในเร็วๆ นี้แน่นอน