ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสรถยนต์แนวครอสโอเวอร์ และเอสยูวี ได้กลบความโดดเด่นของรถยนต์นั่งหรือซีดานไปเสียเกือบมิด โดยเฉพาะกับรถในกลุ่ม D-Segment อย่าง Toyota Camry ที่ร้ายแรงถึงขั้นต้องโบกมือลาจากประเทศบ้านเกิดของแบรนด์
ประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของ Toyota Camry ในระดับโลก ต้องบอกว่าทำได้ดีไม่แพ้รุ่นเล็กกว่าอย่าง Toyota Corolla เพราะในตลอด 43 ปีที่ผ่านมา มันสามารถทำยอดขายไปได้กว่า 21 ล้านคันทั่วโลก และกว่า 1.3 ล้านคัน คือยอดขายในประเทศญี่ปุ่น
แต่เนื่องจากทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป จากความร้อนแรงของรถยนต์แนวครอสโอเวอร์ กับรถอเนกประสงค์ (หรือแม้แต่ MPV) ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผู้คนในบ้านเกิดเริ่มสนใจในตัวรถยนต์แนวซีดานขนาดกลางค่อนใหญ่อย่าง Camry หดตัวลงมาก และส่งผลให้มันสามารถทำยอดขายได้เพียง 6,000 คัน เท่านั้น ในปี 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่น
ผลที่ตามมาในท้ายที่สุด คือการที่ทาง Toyota ตัดสินใจที่จะผลิต Camry ในบ้านเกิด ภายในช่วงสิ้นปีนี้ และในขณะเดียวกัน หลายตัวแทนจำหน่ายในประเทศเอง ก็ปิดรับจองตัวรถของปี 2023 ไปแล้วเช่นกัน แม้ตอนนี้จะพึ่งต้นปีเท่านั้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดในประเทศอื่นๆนอกเหนือจากญี่ปุ่น ดูเหมือนว่า Toyota Camry จะยังไม่ล้มหายตายจากไปง่ายๆ เพราะหากตัดส่วนแบ่งยอดขายในญี่ปุ่นที่มีอยู่ 6,000 กว่าคันไป ยอดขายของตัวรถรุ่นนี้ กลับยังคงมีตัวเลขสูงถึง 600,000 คัน
โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ที่ถือเป็นสองตลาดหลักซึ่งตัวรถรุ่นนี้ยังสามารถทำยอดขายได้น่าพอใจอยู่ จนถึงขนาดที่มีข้อมูลว่าทางค่ายได้ทำการพัฒนาโฉมถัดไปของมันเอาไว้แล้ว
โดยรูปแบบ หรือรายละเอียดทางเทคนิคของตัวรถรุ่นใหม่นั้น ยังไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลที่แน่ชัดได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่า มันจะได้ใช้งานออกแบบ หรือ Design Langauge ใหม่ แบบเดียวกับ Toyota Prius และ Toyota Crown รุ่นล่าสุด ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นงานออกแบบที่ส่งต่อมาจาก Toyota bZ-Series อีกที
ส่วนในประเทศไทย คาดว่า Toyota Camry อาจไม่ได้จะหายไปจากบ้านเราง่ายๆเช่นกัน เนื่องจากมันถือเป็นรถซีดานรุ่นใหญ่สุดของแบรนด์ในตอนนี้ หากมีการยุติการขายไป เท่ากับว่าตัวรถที่เน้นตอบโจทย์ลูกค้าระดับพรีเมียมของแบรนด์จะหายไปทันที ซึ่งแบบนั้นคงไม่ดีแน่