เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ Toyota Crown เจนที่ 16 ครั้งนี้มาครบทั้งแบบดั้งเดิมซีดานและเอสยูวีอีกสองเวอร์ชันทั้งแบบ Crossover และ Sport
คราวนี้มาถึงรถใหม่ลำดับที่สี่ของตระกูลตรามงกุฎในร่างเอสเตท 5 ประตู ซึ่งเป็นกลุ่มรถที่นิยมในหมู่พ่อบ้านสายซิ่งหรือสายลุย Toyota เลยสนองเปิดตัวเวอร์ชันเอสเตทด้วยหน้าตาพิมพ์เดียวกันด้วยติดตรามงกุฎบนฝากระโปรงหน้ารถกระจังหน้าแบบกริตเตอร์ขอบเล็กๆสีดำดำพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่แบบรังผึ้งและข้างล่างสีดำขนาดใหญ่ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตที่ดีไซน์มีส่วนเว้าตรงกลาง ด้านข้างตกแต่งด้วยแถบข้างประตูสีดำด้าน คิ้วขอบล้อสีดำเงาบริเวณล้อทั้ง 4 ไฟหน้าเรียวยาวแนวนอน แบบ Bi-LED ปรับระดับสูงต่ำได้ และไฟตัดหมอกหน้า LED ตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมด้านล่างกรอบประตูลากยาวต่อเนื่องหลังคาดำ กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ มือจับประตูไฟท้าย Combination แบบ Full LED ลากยาวจากซ้ายไปขวาพร้อมกันชนที่มีส่วนเว้าโค้งรับเข้ากับบั้นท้ายของตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง Michelin e-Primacy โดยสร้างจากแพลตฟอร์ม TNGA-L พื้นฐานเดียวกันกับ Lexus LS และ Toyota Mirai
ภายในมาตรฐานเดียวกันใน Crown ทุกรุ่นแต่รุ่นเอสเตทนี้พิเศษที่เบาะหลังพับแบบ 60/40 เพิ่มพื้นที่การขนของมากกว่าพี่น้องสามรุ่นดีไซน์ภายในยกมาทั้งหมดตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านตกแต่งโลโก้ตรามงกุฎ จอทัชสกรีนคู่ 12.3 นิ้ว ที่มีทั้งมาตรวัดดิจิตอลและจอสัมผัสควบคุมระบบบันเทิงและการเชื่อมต่อในชุดจอเดียวกัน เชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlayไร้สาย Android Auto พร้อมลำโพง 6 กับ10 จุด และมากถึง 11 จุด จาก JBL เครื่องปรับอากาศแยกส่วน 3 จุดทั้งด้านหน้าซ้ายขวาและด้านหลังหนึ่งจุด
ขุมพลังที่จำหน่ายเป็นเบนซิน Hybrid และ Plug In Hybrid เริ่มที่เบนซิน Dynamic Force Hybrid 2.5 ลิตร A25A-FXS ให้กำลังถึง 186 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตรที่ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลังแบบ 3NM และ 5NM และแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลังถึง 120 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ามากถึง 249 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD E-Four Advanced คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT เลือกได้สี่โหมดสำหรับการขับขี่ EV, Normal, Eco และ Sport
เบนซิน Dynamic Force PHEV ขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้กำลังถึง 182 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 227 นิวตันเมตร ที่ 3,200-3,700 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังมากถึง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร สำหรับล้อหน้า และล้อหลังให้กำลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร และความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 304 แรงม้า
วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 85 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยชาร์จกระแสสลับ AC แบบ Type 1 รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาเพียง 2.30 ชั่วโมง และ DC CHAdeMO คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดได้แก่ EV,EV/HEV,HEV และชาร์จแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-Four มอเตอร์ไฟฟ้าแบบติดตั้งด้านหลังด้วยกำลังขับจากมอเตอร์กำลังสูง พร้อมระบบเลี้ยวที่ล้อหลังหรือ “DRS (Dynamic Rear Steering) รวมอยู่ด้วย Toyota Crown Estate เตรียมเปิดตัวที่ญี่ปุ่นช่วงปีหน้า