หนึ่งในทางออกสำคัญของเหล่าผู้หลงไหลในยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ท่ามกลางยุคที่หลายคนเข้มงวดในเรื่องการปล่อยมลพิษ ก็คือการพัฒนา “น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์” และดูเหมือนว่ามันจะใกล้สำเร็จเข้าไปทุกทีๆ
จากข้อมูลล่าสุด Toyota และ Exxon บริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา (ในไทยขายน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้ชื่อ Esso และมีการตั้งโรงกลั่นน้ำมันภายในไทย ในชื่อบริษัท ExxonMobil Limited) ทั้งสองได้มีการประกาศความสำเร็จในการร่วมกันพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์แบบใหม่ ซึ่งระบุว่ามันจะช่วยลดการปลดปล่อยมลพิษได้ถึง 75% หรือ 3/4 เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
“การมีทางออกสำหรับเชื้อเพลิงเหลวที่เราสามารถใช้งานกับยานพาหนะในปัจจุบัน (อย่างน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์), การมีโครงสร้างนโยบายที่เอื้อให้ตลาด(พลังงานสำหรับยานยนต์)สามารถพัฒนาไปต่อได้, คือทางเลือกทีี่มีต้นทุนต่ำที่สุดในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากการคมนาคม”
Andrew Madden รองประธานฝ่ายกลยุทธและแผนงาน บริษัท ExxonMobil (สหรัฐอเมริกา) กล่าว กับสื่อ Autonews เพื่อบ่งบอกว่าไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่ต้องสนับสนุนเทคโนโลยีนี้เพียงฝ่ายเดียว แต่ภาครัฐเองก็ต้องเอื้อออกกฏหมายที่ช่วยให้การพัฒนาและการใช้งานสำเร็จลุล่วงได้ดีด้วย
นอกจากนี้ Toyota ยังเปิดเผยอีกว่า จากงานวิจัยน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์นี้ พวกเขาพบว่ามันสามารถใช้ได้กับทั้งยานพาหนะขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายในยุคใหม่ ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน หรือจะใช้กับเครื่องยนต์สำหรับยานพาหนะยุคเก่าก็ได้
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังพุ่งเป้าไปที่การสร้างยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งจะมีการปลดปล่อยคาร์บอนสูงกว่า และ รวมถึงการสร้างกระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานที่ไม่แน่นอน (ว่าจะเป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติ, พลังงานนิวเคลียร์ หรือ พลังงานถ่านหิน) ซึ่งล้วนหมายความว่าการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า ไม่ได้แปลว่ามันปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์แต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับการสร้างและการใช้น้้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์แล้ว สื่งนี้จึงควรเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนด้วย
การต่อสู้เรื่องกฏหมายที่ช่วยเปิดทางให้กับน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุการณ์ที่ภาครัฐของประเทศเยอรมัน ต้องโต้แย้งมาตราการแบนการใช้ยานพาหนะขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน ของสหภาพยุโรปมาแล้ว
และผลลัพท์ที่ออกมาคือ หลายๆประเทศในสหภาพยุโรป ยอมที่จะแก้ไข และผ่อนปรนข้อกฏหมายดังกล่าวลง โดยเปลี่ยนจากการแบนขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นการอนุญาตให้พวกมันยังสามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ต้องเป็นการใช้งานร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษลงมากพอเท่านั้นแทน ภายในปี 2035
อย่างไรก็ดี ยังมีบางส่วนกังวลว่า ท้ายที่สุดแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์เอง ก็อาจไม่ได้ลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มันมีสารประกอบส่วนหนึ่ง มาจาก”เอทานอล” ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มักถูกสร้างขึ้นจากผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งกระบวนการนี้ก็มีการปลดปล่อยคาร์บอนออกมาเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน แถมอาจจะปล่อยมากกว่าการขุดเอาพลังงานฟอสซิลมาใช้ทำน้ำมันเชื้อเพลิงแบบปกติเสียด้วยซ้ำ
แต่เพื่อความสบายใจ ทาง Exxon ก็ได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พวกเขาได้พบกับวิธีการสร้างน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ใหม่ๆที่ไม่ต้องใช้กรรมวิธีดั้งเดิมแบบช่วงแรกของการพัฒนาบ้างแล้ว และมันจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้แน่นอนตลอดทั้งกระบวนการผลิต ไปจนถึงการใช้งาน ซึ่งเราก็ทำได้เพียงแต่ต้องรอดูกันต่อไปเท่านั้น จนกว่าทางบบริษัทเหล่านี้ จะมีการประกาศว่าพวกเขาทำสำเร็จ และเปิดขายน้ำมัน e-Fuels ที่ว่านี้จริงๆ