ในทันทีที่ Toyota FT-Se ได้ถูกเผยโฉมออกมา หลายคนต่างให้ความเห็นว่ามันคือว่าที่ Toyota MR Series รถสปอร์ตขนาดเล็กหัวใจวางกลางขับหลังในตำนาน รุ่นใหม่อย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่ามันอาจไม่เหมือนรุ่นพี่เลยเสียทีเดียว
โดยแม้จากการที่ทีมงาน Ridebuster ได้สัมผัสตัวรถ Toyota FT-Se คันจริง แล้วพบว่าตัวรถคันดังกล่าว มาพร้อมกับการใช้ยางหลัง ที่มีหน้ากว้างเยอะกว่ายางหน้า ในแบบรถยนต์ขับหลัง
แต่จากการให้ข้อมูลโดยสื่อดัง Top Gear กลับระบุว่าในตัวรถเวอร์ชันขายจริงที่จะวางขายในปี 2026 จะมาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์คู่ แยกกันติดตั้งขับเคลื่อนเพลาคู่หน้า และเพลาคู่หลัง ซึ่งหมายความว่ามันจะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ AWD ไม่ได้เป็นแบบขับหลังเหมือนกับรุ่นพี่ทั้ง MR2 และ MR-S แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้ายังคงสัมผัสถึงความสนุกสนานดั้งเดิมตามฉบับของรถยนต์ตระกูล MR ทางวิศวกร Toyota จึงจะเลือกเซ็ทอัพอัตราส่วนการเฉลี่ยแรงบิดระหว่างชุดล้อคู่หน้าและชุดล้อคู่หลังให้มีความใกล้เคียงกับรถขับเคลื่อนล้อหลังเป็นหลัก (ออกแบบให้มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อคู่หลังมีแรงบิดเยอะกว่า) และอาจจะมีการใส่ออพชันระบบเกียร์ธรรมดาแบบจำลองมาให้ได้ เพื่ออรรถรสในการขับขี่สูงสุด
นอกจากนี้ในส่วนของตัวแบตเตอรี่เอง ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาขึ้นมาอย่างดี จนเรียกว่าเป็นแบตเตอรี่เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเหตุผลไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพในการจุกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการเพิ่มอัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนัก (ทำให้แบตเตอรี่เบาลง โดยที่ยังได้ความจุไฟเท่าเดิม) และสำคัญอีกประการคือเรื่องของการจัดการความร้อนอีกด้วย
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ทาง Toyota ได้มีการตั้งเป้าไว้ว่า พวกเขาจะนำเจ้า FT-Se ร่างขายจริง ไปวิ่งทดสอบในสนามแข่งขันสุดอันตรายอย่าง Nurburgring Nordschleife ด้วย ซึ่งด้วยความยาวสนามกว่า 20.83 กิโลเมตรต่อรอบ ทำให้แบตเตอรี่ต้องรับภาระหนักพอสมควร
ซึ่งหากเป็นแบตเตอรี่ยุคปัจจุบัน อาจมีปัญหาในเรื่องความร้อนสะสม จนอาจมีการเสื่อมสมรรถนะขณะใช้งาน จนทำให้มอเตอร์ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถกดเวลาที่ Toyota คาดหวังเอาไว้ได้ (แต่ในตอนนี้ยังไม่เปิดเผยว่าทางค่ายตั้งใจจะกดเวลาไว้ที่ตัวเลขใด ?)
และแม้ตัวรถจะยังไม่มีการเผยรายละเอียดในเรื่องกำลังแรงม้าและแรงบิดสูงสุดออกมา แต่นาย Fumihiko Hazama หัวหน้าวิศวกรของทีมพัฒนารถยนต์ Toyota FT-Se ก็ระบุกับ Top Gear ว่าตัวรถรุ่นนี้ จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.0 วินาที และจะมีความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โดยแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยน้ำหนักตัวรถ แต่ Hazama ก็ระบุเพิ่มเติมว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่เจ้าตัวรับผิดชอบคันนี้ จะใช้โครงสร้างตัวถังที่ผลิตขึ้นจากวัสดุน้ำหนักเบา ทั้ง คาร์บอนไฟเบอร์ กับอลูมิเนียม และผสมกับโครงสร้างเหล็กในบางจุดเพื่อความแข็งแรง ซึ่งถือว่าน่าสนใจ และน่าจะทำให้มันมีสมรรถนะที่ดีกว่ารุ่นพี่ของมันได้มากโขเลยทีเดียว