หนึ่งในปัญหาการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างกวนใจใครหลายคน คือการต้องเสียเวลารอชาร์จไฟ ซึ่งอาจกินเวลานาน 10 นาที – 1 ชั่วโมง ต่อครั้ง

แต่อีกไม่นานหลังจากนี้ เราอาจเสียเวลาในการเติมประจุไฟน้อยลงมาก หลัง MG ประกาศจับมือ UNEX EV เปิดสถานี “สลับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า” ในไทย โดยจะเปิดทำการที่แรกในบริเวณจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย

และเนื่องจากเป็นโครงการนำร่อง ดังนั้นในช่วงแรกของโปรเจ็กท์นี้ จึงจะเป็นการเปิดให้ใช้บริการเฉพาะผู้ที่ใช้รถประกอบอาชีพขนส่งสาธารณะก่อนเท่านั้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และศึกษาขีดความสามารถในการใช้งานตัวสถานีโดยละเอียดก่อนเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ใช้งานกัน

ส่วนตัวรถที่รองรับการใช้งานกับสถานีสลับแบตเตอรี่แบบใหม่นี้ จะต้องเป็นตัวรถที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เนื่องจากจำเป็นจำต้องมีกลไกและชุดโปรเกรมที่รองรับสำหรับการสลับสับเปลี่ยนแบตเตอรี่

ซึ่งเบื้องต้นทาง MG ระบุว่าในช่วงแรก จะมีรถยนต์เพียง 2 รุ่นเท่านั้น จำนวนรวมราวๆ 40 คัน เท่านั้นในตอนนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานกับสถานีสลับแบตฯนี้ ให้ผู้ที่สนใจได้ลองใช้กัน นั่นคือ MG EP PLUS ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรงสเตชันวากอนยอดนิยมสำหรับทำเป็นรถขนส่งสาธารณะ และ MG MAXUS 7 รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมกับตัวถังกว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่มากันเป็นครอบครัว

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับตัวรถ แต่ทาง MG ระบุว่า ขนาดความจุของแบตเตอรี่ของรถที่ถูกออกแบบมาให้สามารถถอดสลับแบตเตอรี่ได้ จะยังคงมีตัวเลขเท่าเดิม กับตัวรถรุ่นปกติ และทำให้มันยังคงรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จเท่าเดิม

แต่แทนที่เมื่อแบตเตอรี่มีปริมาณกระแสไฟเหลือน้อย แล้วผู้ใช้ต้องนำรถไปชาร์จซึ่งอาจเสียเวลาได้ตั้งแต่ไม่กี่สิบนาที ไปจนถึงเกือบ 1 ชั่วโมง คราวนี้ผู้ใช้ก็จะเสียเวลาในการดำเนินการสลับแบตฯเพียงราวๆ 3-10 นาทีเท่านั้น แล้วแต่ขนาดตัวรถ ก็สามารถนำรถไปวิ่งใช้งานต่อได้แล้ว (ไม่นับรวมการรอคิว)

โดยในระหว่างนี้ จนถึงในอีก 3 ปีข้างหน้า ทาง UNEX และ MG ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะทำการเพิ่มจำนวนสถานีสลับแบตเตอรี่ให้มากขึ้นเป็น 1,000 สถานีฯ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนราวๆ 12,000 ล้านบาท (ต่อสถานีใช้งบ 15-20 ล้านบาท และสามารถรองรับการสลับแบตเตอรี่ได้สูงสุด 100 คัน/วัน)

ขณะที่ค่าบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่นี้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 550 บาท/วัน และจะเริ่มเปิดให้ผู้สนใจได้ลงทะเบียนช่วงปลายเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป