ทิศทางการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ล่าช้าทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องปรับแผนและกลยุทธ์การตลาดของตนเองใหม่กันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่ง Volvo ค่ายรถจากสวีเดน ที่เคยประกาศกร้าวว่า จะขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลน์อัพให้ได้ ภายในปี 2030
Volvo คือหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตอันดับแรกๆ ที่มีการประกาศกำหนดการผันตัวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเต็มตัวอ ตามทีประกาศออกมาในปี 2021 ( ที่มา Volvo)
แต่ล่าสุด ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Volvo XC90 รุ่นใหม่ Volvo ได้ออกมายอมรับว่า ด้วยปัจจัยต่างๆ อาจจะทำให้ บริษัทต้องยอมยืดขายรถยนต์ประเภทไฮบริด โดยเฉพาะ รถ Plug in Hybrid ออกไปอีก
ตามข้อมูล ที่ วอลโว่ เปิดเผยใยข่าวประชาสัมพันธ์ Volvo Cars adjusts electrification ambitions, remains committed to fully electric future บนเว็บไซต์ Volvo
ระบุว่า ทางบริษัท ยังคงจะพยายามรักษา ตำแหน่งผู้นำในการขายรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป และ จะเพิ่มรถประเภท Mild Hybrid เข้ามาในอนาคต หากเหเ้นว่ามีความต้องการจากตลาด
แต่เพื่อการรักษาภาพลักษณ์ วอลโว่จะยังคงเน้นการพัฒนารถยนต์ในกลุ่มขุมกำลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึง รถยนต์ไฟฟ้า แต่การเพิ้ม ระบบ Mild Hybrid เข้ามา เพื่อสร้างสมดุลในการขาย กับกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความต้องการยานยนต์ ที่ไม่ใช่ไฟฟ้า
แม้ว่า การประกาศ ครั้งนี้ อาจจะ เหมือนกับการเสียหน้าครั้งใหญ่ของวอลโว่ หลังจากประกาศการเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าและ พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกมามากถึง 5 รุ่น ด้วยกัน ทั้ง Volvo EX , EC40 , EX30 และยังมี EM 90 และ EX90 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา
นาย จิม โรแวน Ceo Volvo เปิดเผย ว่า เรายังคงเชื่อมั่นว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงเป็นคำตอบของอนาคต ทั้งการมอบประสบการณ์การขับขี่ และยังสามารถเพิ่มเทคโนโลยีอันทันสมัย ตอบโจทย์กับลูกค้า ซึ่งช่วยมอบประสบการณ์การใช้รถโดยรวมได้
อย่างไรก็ดี เราได้เห็นแล้ว ผู้ซื้อในแต่ละตลาดมีการปรับตัวที่แตกต่างกัน เราจึงต้องปรับตัวเช่นกัน เพื่อให้อยู่ในลำดับผู้นำ ของ การเป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ละมีความยั่งยืนในอุตสากรรม
อย่างไรก็ดี , อีกส่วนสำคัญ ที่ทำให้วอล โว่ ต้องตัดสินใจเช่นนี้ สถานการณ์ทางการตลาดในภาพรวมของเหล่าผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกในช่วงเวลาปัจจุบัน ที่มีการเติบโตน้อยลงมาก จากการตั้งโครงข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ขยายตัวล่าช้าเกินไปในหลายๆประเทศ, การงดเว้นมาตราการลดหย่อนภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ แถมยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นภาษีจากรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะที่ถูกนำเข้าจากประเทศจีนอีก
จึงยิ่งเผยให้เห็นว่ายังมีอีกหลายผู้คนที่ไม่สามารถ หรือไม่พร้อม ไม่สะดวกที่จะขยับมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน จนทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆประเทศทั่วโลกไม่เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างที่คิดเหมือนในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า และมีทีท่าว่าลูกค้าหลายรายของแบรนด์เอง ก็ยังไม่พร้อมที่จะขยับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในสิ้นทศวรรษนี้เช่นกัน ทางค่ายจึงต้องตัดสินใจปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน