เราต่างรู้จัก Subaru ในแบบที่เราอยากรู้จัก ทางฝุ่น แรลลี่ รถสมรรถนะดี รถที่ทนทานยอดเยี่ยม เรารู้ว่าพวกเขาเก่งในเรื่องความสปอร์ต มั่นใจในการขับขี่ และครั้งหนึ่ง Subaru เคยฝันจะไป Formula 1
พวกเราจำ Honda ไป F1 ได้ แต่มีไม่กี่คนเท่านั้น ที่จำได้ว่า Subaru ก็เคยอยากจะไปแข่ง Formula 1 เช่นกัน ความตั้งใจของพวกเขาน่ะหรือ คือการสร้างเครื่องยนต์บล็อกพิเศษ Flat 12 ลงท้าทายงานแข่งระดับแถวหน้าของโลก
ความตั้งใจบวกกับแรงมุ่งมั่นของ ซูบารและความเชี่ยวชาญในเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ อาจจะดูแล้วสูตรนี้เข้ากันเป็นอย่างดี แต่จะสร้างเครื่อง Flat 12 นั้น เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ทางค่ายดาวลูกไก่ เลยไปว่าจ้างมือพระกาฬแดนมักกะโรนี คาร์โล ชิติ มาสร้างเจ้าเครื่องยนต์ให้
หลายคนอาจจะไม่รู้จักชิตติ แต่เขาคือคนออกแบบรถสปอร์ต Alfa Romeo 3000 CM รวมถึง ยังเป็นคนสร้างเครื่องยนต์ V8 และเครื่องยนต์ Flat 12 ให้รถ Alfa Romeo Tipo 33 จนมีชื่อเสียง และทำให้เขามีโอกาสเข้าร่วมกับ Brabham ในเวลาต่อมา
การไป F1 ของ Subaru น่าจะเรียกว่า เป็นประวัติศาสตร์ปลายสายอาชีพของชิติ เมื่อ Subaru มาขอให้เขาออกแบบเครื่องยนต์ Flat 12 ให้ อนาคตของดาวลูกไก่ฟังดูก็น่าจะสดใส แต่ว่าเครื่องยนต์ของชิติกลับไม่ประสบความสำเร็จ มันทั้งหนักและไม่มีกำลังเท่าที่ควร จนรถแข่งของ Subaru ไม่เคยผ่านรอบคัดเลือก และไม่นานค่ายดาวลูกไก่ก็คิดได้ว่า formula 1 อาจไม่ใช่ทางของพวกเขา
ประวัติศาสตร์ที่หายไปของ Subaru หน้า ถูกเปิดผนึกขึ้นอีกครั้ง เมื่อ วอน โคนิกเซก เจ้าของค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์น้องใหม่สายเลือดแดนไวกิ้ง Konigsegg ออกมาเปิดเผยว่า เขาเองเคยคิดจะปลุกผีเครื่องยนต์ Flat 12 และมีแนวคิดจะนำเครื่องบล็อกดังกล่าวมาใส่ในเครื่องยนต์
วอนเล่าว่า เขาเองรู้จักชิติ ได้ก็เพราะ เป็นสายสัมพันธ์ในระหว่างเพื่อน ชิติมีบริษัทเครื่องยนต์ที่ชื่อ Motori Moderni และพวกเขาทำเครื่องยนต์ Flat 12 เรารู้ว่าเครื่องบล็อกดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่ไม่สำเร็จกับ Subaru แต่ประสบการณ์ของพวกเขาจากสนามแข่ง DTM ก็น่าสนใจดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลองไปคุยดูสักหน่อย
ตอนไปถึงพวกเขาต้อนรับเราเป็นอย่างดี พวกเขาบอกว่าสามารถปรับเครื่องยนต์ flat 12 ให้พวกเราได้ และตอนนั้นเครื่องยนต์แบบเดียวกันถูกนำไปใช้ในการแข่งเรือ มันถูกติดตั้งด้วยเทอรโบชาร์จคู่ ดังนั้นจึงหมดห่วงเรื่องความทนทาน
ดั้งเดิมเครื่องยนต์ Flat 12 มีขนาด 3.5 ลิตร แตเวอร์ชั่นของ Konigsegg ถูกปรับเป็นขนาด 3.8 ลิตร ชิติจัดการ ลดรอบเครื่องจากเดิมที่ต้องตะบันถึง 12,000 รอบ ลงมาหลือเพียง 9,000 รอบต่อนาที พวกเขาจัดการเปลี่ยนช่วงชักกระบอกสูบ และชุดเพลาลูกเบี้ยวใหม่ทั้งหมด มันทำกำลังได้ถึง 580 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที เมื่อทดสอบบนไดโน นี่เองเป็นเหตุผลทให้โครงสร้างหลักของ Konigsegg หลายรุ่นรวมถึง Agera ยังมาพร้อมจุดยึกเครื่องยนต์ดังกล่าว
วอนเล่าต่อว่า น่าเสียดาย นั่นเป็นช่วงที่ ชิติ เสียชีวิตพอดี และบริษัทเครื่องยนต์เขาก็กำลังตายไปเช่นกัน บริษัทถูกฟ้องและท้ายที่สุดยืนขอล้มละลาย มีเครื่องยนต์เพียง 2 ตัว ที่ส่งถึงมือเขาและปัจจุบันก็ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ไม่มีซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อีกแล้ว
ในปี 1997 วอนชนะการประมูลแบบและอุปกรณ์สร้างเครื่องยนต์ Flat 12 เขาบอกว่า ตอนนั้นเราคิดว่าจะสร้างเครื่องยนต์เอง แต่แล้วมันเหมือนฝันร้าย ไม่มีแบบที่วาดโดยคอมพิวเตอร์ ทั้งหมดทำด้วยมือของชิติ เครื่องส่วนใหญ่ทำจากไม้และบ้างถูกไฟไหม้เมื่อครั้นไฟไหม้โรงงานโคนิกเซก
แม้ว่านี่จะดูเหมือนเรื่องโคตรดร่ามาสุดๆ ของ Konigsegg อีกเรื่อง แต่วอนแบไต๋ว่าเขายังชอบเครื่องยนต์ Flat 12 เครื่องยนต์นิ่งมาก และสามารถวางเครื่องยนต์ไปบนเพลาหลังพอดี และได้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำๆมาก ๆ จนแทบจะสามารถพูดว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของแชสซี ทุกวันนี้เราก็ทำเครื่องยนต์ V8 แบบเดียวกัน เพียงแต่เครื่องยนต์ไม่นิ่งเท่า Flat 12
ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเครื่องยนต์ดี และน่าเสียดาย ที่มันไม่ได้กลับมาโลดแล่นบนถนน แต่วอนทิ้งท้ายว่า ต้องยอมรับว่า นั่นคือเรื่องราวตั้งแต่ 1998 และเราคงจะมาไม่ถึงจุดนี้ถ้าใช้เครื่องยนต์ดังกล่าว ผมยอมรับว่า 750 แรงม้า อาจจะเป็นไปได้ถ้าใส่เทอร์โบในเครื่องบล็อกนั้น แต่เมื่อเราตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่า รถควรจะใช้เครื่องยนต์อะไร มันกลับทำให้เราได้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ flat 12 ของชิติ เสียอีก
อย่างไรก็ดีหลายคนบอกว่าปัญหาของเครื่อง Flat 12 ของชิติ อยู่ที่เทคโนโลยีที่เก่ากว่าเพื่อน มันเหมือนเขายังไม่หลุดออกมาจาก Alfa Romeo แต่ทุกคนยอมรับว่าถ้าเครื่องยนต์ของเขาทรงพลังกว่านี้มากกว่ามีดีแค่เสียง มันจะเป็นสุดยอดเครื่องยนต์บล็อกหนึ่ง
เรื่องจาก คุณ ณัฐยศ ชูบรรจง
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….