ท่ามกลางกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า BYD จัดเป็นผู้เล่นหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ แทบจะในทันที ที่รถยนต์ยี่ห้อนี้ เปิดปากว่า จะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในประเทศไทย
ที่ผ่านมา BYD เข้ามาแฝงตัวในบ้านเราอยู่นาน ตั้งแต่การวางจำหน่าย BYD e6 จนมา BYD e3 ที่เพิ่งออกมา ในครั้งนี้ ทาง บริษัทจับมือกลุ่มพระประภา จัดตั้ง บริษัท เรเวอร์ ออโต้โมทีฟ จำกัด ในการจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และรถรุ่นแรกที่จะเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราภายใต้ความร่วมมือนี้ ก็คือ BYD Atto 3
BYD Atto 3 เป็นรถยนต์อเนรกประสงค์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ที่เตรียมเข้ามาวางจำหน่ายในไทย ตัวรถถ้าพูดว่ากันตามขนาดตัวถังแล้ว นี่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เข้ามาดำรงในตำแหน่ง Entry Compact Crossover เป็นค่ายแรกจากประเทศจีน และเป็นรุ่นที่ 2 สืบต่อจาก Volvo XC 40 ที่ทำตลาดมาระยะใหญ่
ตัวรถรุ่นนี้ เห็นครั้งแรก รู้สึกได้ถึงความปราดเปรียว สปอร์ต ตั้งแต่แรกเห็นทาง BYD นำเสนอตัวรถ ด้วยงานออกแบบกระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ เด่นมาแต่ไกล ด้านหน้า ถูกออกแบบให้มีการปิดทึบ เพื่อประสิทธิภาพลดแรงเสียดทานอากาศในระหว่างการขับขี่มากที่สุดตามฉบับรถไฟฟ้า
ชายกันชนด้านล่าง ออกแบบให้มีชุดพลาสติกสีดำ ให้ดูพร้อมสรรพในการลุยบ้างในบางเวลา
ส่วนทางด้านข้าง นำเสนอ ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Atlas Batman A51 … ใช่ครับ ผมไม่ได้เขียนผิด ยางแบทแมนจริง แต่มันไม่ได้มาจาก เวนย์ เอนเตอร์ไพร์สนะ มันเป็นยางจากประเทศอเมริกา แต่รุ่นนี้เขาจำหน่ายในประเทศจีน เป็นยางประเภท นุ่มเงียบสมรรถนะสูง นั่นเอง
เส้นสายทางด้านข้าง ช่วงประตูเน้นความเรียบๆ ด้านบนมีราวหลังคา สีเงิน ,คิ้วกระจกสีเงิน และ เสา C เล่นชิ้นส่วนสีเงิน เพิ่มการตอบสนองในการขับขี่ให้น่าสนใจมากขึ้น
ด้านท้ายรถ ประตูท้ายออกแบบให้โค้งมน ไฟท้าย ออกแบบมาเป็นสไตล์ Cross Tailight ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม ฝาท้ายสามารถเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า จุดแตกต่างจากรุ่นอื่นสำคัญ คือการใส่ชื่อแบรนด์เต็มๆ เพื่อให้คนรู้จักว่า BYD ย่อมาจากคำว่า “Build Your Dreams”
ห้องโดยสารสุดแนวแปลกตากว่าที่คิด
เปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสาร คุณจะพบว่าความดูดีภายนอก เจอภายใน จะรู้สึกแปลก เพราะรถคันนี้ออกแบบ ทุกอย่างให้แนวกว่ารถรุ่นอื่น มากๆ
ทาง BYD ใส่งานออกแบบที่แปลกตา โดยเริ่มจากการให้ภายในสีขาว ตัดน้ำเงิน มีแซมสีดำบ้าง !! ให้ความดูดีน่าใช้งาน
อันที่จริง ตัวรถคันนี้ นำเสนออะไรแปลกใหม่หลายอย่าง อาทิ ช่องแอร์ย้ายมาไว้ทางด้านล่าง แทนที่จะอยู่ในระดับไหล่ หรือจะเป็นเรือนไมล์ ที่กลายมาเป็นจอขนาดเล็ก ชนิดที่คุณเห็นครั้งแรก อาจจะนึกว่ามันเป็นหน้าจอที่เอามาจากรถมอเตอร์ไซค์สมัยใหม่อย่างแน่นอน
ส่วนจอกลาง คือไฮไลท์ใน BYD Atto 3 จอนี้มีฟังชั่นที่รถคันอื่นไม่มีด้วย ำเพราะมันสามารถปรับแนวได้ ไม่ว่าจะให้มันทำงานแนวนอน อย่างที่เราคุ้นเคย หรือ จะปรับมาอยู่ในแนวตั้งในแบบค่ายรถจากอเมริกา ก็แล้วแต่จะเลือก เพียงกดที่พวงมาลัยเท่านั้น หรือถ้าผู้โดยสารไม่ถนัด จะกดปรับที่จอด้านล่างก็ได้ตามสะดวก
ในส่วนของเบาะนั่ง รถรุ่นนี้เกิดมาเป็นอเนกประสงค์ก็จริง แต่แตกต่างด้วยงานออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นชุดเบาะสปอร์ต Semi-Bucket Seat พร้อมพนักพิงหลังชิ้นเดียว (หมอนรองคอปรับระดับไม่ได้) ให้ความรู้สึกสปอร์ต สำหรับเบาะคู่หน้า ตัวเบาะออกแบบมาเป็นการปรับไฟฟ้าทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสาร ช่วยให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน
ส่วนตรงคอนโซลกลาง ออกแบบให้แตกต่าง จัดวางอุปกรณ์มาได้อย่างลงตัว ที่โดดเด่น คงเป็นคันเกียร์มาในทรงเดียวกับคันบังคับเครื่องบิน และบริเวณนี้ ก็มีปุ่ม สำหรับสตาร์ทระบบขับเคลื่อน และ ยังควบคุมระบบแอร์ , ตลอดจนโหมดการขับขี่ต่างๆ
ทางด้านการโดยสารตอนหลัง เบาะหลังค่อนข้างนั่งสบาย จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบให้ห้องโดยสาร เป็นพื้นเรียบหรือ Flat Floor ช่วยให้การขึ้นลงทำได้ง่าย และมีพื้นที่วางขามากพอสมควร นอกจากนี้ยังมีที่เท้าแขนมาให้ พร้อมกับช่องแอร์ และ ช่องชาร์จ USB
เช่นเคย เบาะหลัง สามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 ช่วยได้ในยามต้องการ บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่
การวิศวกรรม
จะว่าไป BYD Atto 3 แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า คันอื่น หลายรุ่นที่ขายในบ้านเรา ด้วยการพัฒนาบนแพลทฟอร์มใหม่ ที่ออกแบบ มาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
ตัวระบบขับเคลื่อน พกมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังขับ 150 KW หรือ ให้กำลังราวๆ 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า
หากเอากำลังประมาณนี้มาเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปในอดีต จะพอๆกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบชาร์จ โดยประมาณ ทาง BYD เคลม อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 7 วินาที
จุดเด่นอีกอย่างของรถรุ่นนี้ คือ การติดตั้งช่วงล่างหลังแบบ มัลติลิงค์ เป็นรุ่นแรกในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาไม่เกิน 2 ล้าน
การติดตั้งช่วงล่างหลังแบบนี้ช่วยให้การโดยสารตอนหลังมีความสบายขึ้น และลดแรงสะเทือนของตัวรถได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ BYD Atto 3 สามารถปรับตั้งค่าการขับขี่ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะปรับตั้งพวงมาลัย ได้ 2 ค่า ได้แก่ Sport และ Comfort ทั้งยังปรับค่าการตอบสนองของเบรกเป็น Sport และ Comfort
ด้านโหมดการขับขี่ มีทั้งสิ้น 3 โหมด ได้แก่ Eco ,Normal , Sport แต่ละโหมด ตอบสนองการให้พลังขับขี่มอเตอร์ และ การจ่ายพลังของแบตเตอร์รี่
ทางด้านแบตเตอร์รี่คาดว่าไทย จะได้รถในเวอร์ชั่น Extended Range แบตเตอร์รี่ จะมีขนาด 60.48 Kwh มีระยะทางเคลมต่อการชาร์จ 480 ก.ม. ในการทดสอบ NEDC และ ในการทดสอบ WLTP มีระยะทางต่อการชาร์จ 420 ก.ม. รองรับการชาร์จ DC ในความเร็วสูงสุด 80 Kw
ระบบแบตเตอร์รี่ของ BYD Atto 3 เป็นแบตเตอร์รี่แบบใหม่ BYD Blade Battery และ ด้วยการออกแบบแพลทฟอร์มรถให้เกิดมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จึงทำให้แบตเตอร์รี่เนียนเรียบกับใต้ท้องรถ และไม่ไปรบกวนพื้นที่ภายในห้องโดยสารนั่นเอง
การทดลองขับ
วันนี้ ที่มาทดลองขับ เป็นการทดสอบรถในสนามทั้งหมด เราจึงยังอาจจะไม่สามารถให้ข้อมูลในบางเรื่องได้ เช่นการชาร์จ เรียกว่าวันนี้เป็นการทดสอบสมรรถนะตัวรถเป็นหลัก โดยมี 3 ด่าน คือ อัตราเร่ง ,การควบคุมรถ และ ความปลอดภัยในการขับขี่
อัตราเร่ง
อย่างที่เราเกริ่นไว้ในข้างต้น.. รถคันนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังขับสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ถ้าเทียบกับรถยนต์ไฟฟฟ้าด้วยกัน ให้คิดว่ามัน มีกำลังมากกว่า MG ZS EV และ มีกำลังน้อยกว่า Volvo XC40 EV ครึ่งหนึ่งพอดี
ถ้าถามว่ามันตอบสนองดีไหม ? ต้องบอกก่อนว่าในการทดสอบของเรา นั่งโดยสารทั้งสิ้น 4 คน (มนุษย์ไซส์หมี 2 คน ไซส์ปกติอีก 2 คน) จากที่ออกตัวบนถนนในแทรคแบบซีเมนต์ เราสามารถ ทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 7.43 วินาที
ถือว่าตอบสนอง ดีอยู่พอสมควร ในแง่ตัวเลขสถิติ แต่ในระหว่างการทดลองเร่ง เราได้ลองในโหมด Normal และ Sport
ข้อสังเกต ทางค่ายเซ็ทให้รถไม่เบ่งพลัง แบบแว้ดพร้อมกระโดดออกตัวตั้งแต่แรก รถจะมีเหมือนอาการหน่วงๆ ในช่วงแรก ก่อนจะปล่อยพลังมาก คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันการลื่นไถล
แต่ละโหมดมีการตอบสนองในการขับขี่แตกต่างกันในแง่ของคันเร่ง และ มอเตอร์ โดยโหมดทั่วไป จะค่อนข้างหน่วงกว่า สปอร์ตที่พร้อมเบ่งพลัง
การทดสอบ ควบคุม
ในแง่การทดสอบควบคุม หรือ Handling ทางผู้จัดได้ตั้งสถานีทดสอบสำคัญอยู่ 2-3 อย่างได้แก่ การม้วนเลข 8, การเปลี่ยนเลน และการเข้าโค้งด้วยความเร็ว
จากที่ลองขับทั้ง 2 รอบ ผมพบว่า ส่วนที่ดี ในรถคันนี้ คือการสามารถปรับตั้งพวงมาลัย ให้มีการตอบสนองได้ ตามต้องการ โดยมีระหว่าง โหมดสปอร์ต ,และ คอมฟอร์ท
ครั้งแรกเราลอง โหมดคอมฟอร์ท โหมดนี้พวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบา เน้นขับง่ายสบายๆ การบังคับเลี้ยวไม่เฉียบคมมาก อาจจะต้องให้จังหวะพวงมาลัยมากหน่อย
ในรอบที่ 2, เราลอง โหมดสปอร์ต, โหมดนี้ ระบบจะเน้นการตอบสนองพวงมาลัยมากขึ้น จังหวะตึงขึ้น กระชับขึ้น และน้ำหนักมากกว่าเดิมสักหน่อย เพื่อตอบสนองในการขับขี่ดีขึ้น
อาการบังคับจะชัดขึ้น เวลาคุณต้องหมุนเปลี่ยนจังหวะเร็วๆ เช่น การเข้าเลข 8,และ การเปลี่ยนเลน ในความเร็วสูง
และดีที่คุณสามารถแยกระหว่างการ เซทติ้งพวงมาลัยและคันเร่ง ช่วยให้มีความหลากหลายในการขับขี่
โดยจากที่ลอง คอมบิเนชั่น พบว่า โหมดคอมฟอร์ททั้งหมด เหมาะกับการขับขี่ทั่วไป ส่วนโหมดสปอร์ต เหมาะในการขับขี่เน้นความเร็ว
และที่สำคัญ โหมดพวงมาลัย คันเร่งจะแยก จากโหมดการขับขี่ ที่มีอีก 3 โหมด ทำให้ รถคันนี้มีความหลากหลายในการขับขี่มากขึ้น
ระบบความปลอดภัย
ในการทดสอบครั้งนี้ เรามีโอกาสในการทดลองระบบความปลอดภัยบางอย่างที่มีในตัวรถ โดยเราได้ทดลองดังนี้
ระบบเตือน และป้องกันการหลุดเลน, ระบบจะทำงาน เมื่อใช้ความเร็วมากกว่า 60 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป เมื่อรถออกนอกเลน จะทำการ ดึงพวงมาลัยกลับมาให้ โดยการดึงจะไม่รุนแรงมากนัก เน้นตอบสนองไม่เน้นตกใจ
ระบบ Adaptive Cruise Control, ระบบนี้ จะคล้ายกับหลายค่ายที่จะแปรผันความเร็วตามคันหน้า เน้นตอบการขับขี่ความปลอดภัย และยังได้ระบบแบบ Full Speed คือ สามารถใช้งานในการจราจรติดขัด สามารถเร่งออกตัวเอง และหยุดสนิท เองได้ด้วย
ส่วนระบบสุดท้าย ระบบเตือนขณะลงจากรถ ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เมื่อพบว่า มีรถเข้ามาทางด้านหลัง แต่การเตือน ยังเป็นภาษาอังกฤษ อยู่นะ ทว่าถึงคุณจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่คุณจะรู้ตัวแน่นอน เพราะเสียงเตือนค่อนข้างดัง
BYD Atto 3 ขับดีน่าสนใจ เหลือแค่ราคา
หลังจากลองขับ BYD Atto 3 ในวันนี้ ต้องบอกว่ารถคันนี้ค่อนข้างน่าสนใจอย่างมาก ต้องยอมรับว่านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ลงตัวที่สุด รุ่นหนึ่งเท่าที่เคยลองขับมา อาจจะเรียกว่า เป็นรถจีนที่ลงตัวมากที่สุด ในกลุ่มก็ได้
ที่สำคัญ มันคือรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆ ไม่ได้ถูกแปลงจากรถน้ำมันเป็นไฟฟ้า ทำให้มีความลงตัวในการขับขี่อย่างมาก ไม่ว่าจะการเข้าโค้ง การตอบสนองตัวรถ รวมถึงการเซทช่วงล่าง
ไม่เพียงเท่านี้ รถยังมีการตอบสนองในโหมดการขับขี่มีลูกเล่นให้เลือกใช้มากกว่ารถรุ่นอื่นๆด้วย ทำให้สามารถตอบสนองแทบทุกความต้องการได้อย่างครอบคลุม
และด้วยกำลังกับขนาดตัวรถ ถือว่าค่อนข้างลงตัวในการใช้งาน ไม่ได้แรงมุทะลุ และ ม่อืดมากไป ขับนั่ง 4 คัน ยังรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของคันเร่ง ไม่มีคำว่าอืดอาด เลยทุกครั้ง
ในภาพรวม รถคันนี้ดี เหมาะสำหรับ คนที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าสักคัน โดยที่ความรู้สึกในการขับต้องไม่ได้เปลี่ยนไปจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในมากนัก จนต้องปรับตัวให้วุ่นวาย แต่ต้องบอกเลยว่า ราคาคงไม่ถูกแน่
และเนื่องจาก ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศ ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ผมเชื่อว่าราคารถรุ่นนี่จะอยู่ราวๆ 1 ล้านบาท และ สูงสุดไม่ควรเกิน 1.2 ล้านบาท ถ้ามาราคานี้กับฟังชั่นที่ได้ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะ คนอยากได้รถอเนกประสงค์ และรถครอบครัวพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะลงตัวสักคัน ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก