ติดตามผู้เขียน นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ทางสื่อสังคมออนไลน์ Facebook
การจะซื้อรถยนต์คันหนึ่ง ผมเชื่อว่าคนจำนวนมาก คิดไม่ตกว่า จะซื้อรถรุ่นไหนที่ทำให้เราคุ้มค่าในการใช้งานมากที่สุด ปัจจัยต่างๆในชีวิต ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้รถยนต์ในปัจจุบันต้องตอบสนองได้ทุกความต้องการ แล้วถ้ารถที่เราใช้เป็นได้มากกว่าแค่รถยนต์หนึ่งคัน มันจะดีแค่ไหน
การเข้ามาของเทคโนโลยีมากมายในรถยนต์ปัจจุบัน ทำให้เราเห็นแล้วว่ารถยนต์กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราคุ้นเคยเคย ว่ารถยนต์เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทำให้เราไม่ต้องตากแดดตากลม ฝุ่นควันกลายมาเพื่อคู่คิดมิตรร่วมทาง มากกว่าแค่รถ เรื่องนี้เดิมทีเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงฝันเท่านั้น แต่ MG กลับเป็นบริษัทแรกที่ทำให้รถยนต์แห่งยุคการเชื่อมต่อเกิดขึ้นในไทย Connected Car ที่สามารถจับต้องได้จริงในราคาสมเหตุสมผล สนองการใช้งานเกิดขึ้นแล้ว
ตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์ MG ZS หลายคนคงเห็นหน้าค่าตารถยนต์รุ่นนี้กันไปแล้ว มันดูมีความแตกต่างจากบรรดา MG ที่เปิดทำตลาดมาตลอดช่วง 2-3 ปี
การออกแบบที่ได้ทิศทางใหม่ ทาง MG จับเอาเส้นสายการออกแบบที่ดูดี เรียบง่าย สะอาดตามาใช้ แนวทางการออกแบบใหม่นี้ มีแรงบันดาลใจมาจาก MG E Motion รถต้นแบบที่เพิ่งเผยโฉมออกมาเมื่อไม่นานมานี้
แนวทางการออกแบบใหม่ล่าสุด ถูกประยุกต์ผ่านเจ้าอเนกประสงค์น้องเล็กเป็นรถรุ่นแรก มันได้กระจังหน้าใหม่ขนาดใหญ่ ดูแปลกตาจากพี่น้องของมันก่อนหน้านี้ ลงตัวต่อเนื่องด้วยโคมไฟหน้าที่แลดูมีความโฉบเฉี่ยวปราดเปรียวมากขึ้น ภายในโคมให้ไฟหน้า DRL (Day Time Running Light) ที่เรียกอย่างเท่ห์ว่า London Eyes รับเข้ากับการออกแบบกันชนหน้าให้ดูลงตัวมากขึ้น อย่าแปลกใจถ้าคิดว่าบางมุมมอง มันดูเหมือนมาสด้าอยู่บ้าง
ซุ้มล้อด้านหน้า ทำให้งามสง่ามากขึ้นด้วยเส้นสายที่ดูมีความทรงพลังในตัว ต่อเนื่องไปยังด้านข้างผ่านแนวประตูข้างที่มาพร้อมการออกแบบเส้นสายช่วงไหล่ เพิ่มความสปอร์ตปราดเปรียว ดูดีมากขึ้นผ่านล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่มีเฉพาะในรุ่นท๊อปออพชั่น จัดมาพร้อมยางนุ่มเงียบ Yokohama Advan Db decibel ขนาด 215/50 R 17
ส่วนด้านท้าให้ลงตัวด้วยความเรียบง่าย เน้นความดูดีเมื่อขับตามมองทางด้านหลัง งามสง่าด้วยไฟท้าย LED แบบ Tube Type แอบแลคล้ายรถอเนกประสงค์จากเกาะอังกฤษราคาแพงอยู่บ้างไม่น้อย ความเรียบง่ายในการให้รายละเอียด ทำเอาบางครั้งเรานึกถึงรถมินิ รุ Country Man โดยเฉพาะวิธีการเปิดประตูท้าย ใช้แนวทางการเอามือกด แล้วสอดยกเพื่อดันประตูเปิดขึ้น และขาดไม่ได้ ไฮไลท์เด็ดชุดหลังคาซันรูฟไฟฟ้าขนาดใหญ่ สามารถเปิดกว้างจนถือผู้โดยสารตอนหลัง มาปาร์ตี้แสงอาทิตย์ด้วยกันถ้าต้องการ
เปิดประตูขึ้นรถ หย่อนตัวลงนั่ง MG ZS ใหม่ ต้อนรับด้วยการออกแบบภายในเป็นสีทูโทน หนังสีกาแฟตัดกับสีดำ ช่วยให้รายละเอียดในห้องโดยสารของรถแลดูมีความภูมิฐานมากขึ้น ในภาพรวมผมให้ความพยายามยอดเยี่ยมของนักออกแบบเอ็มจี ที่ทำชุดเบาะนั่งและคอนโซลหน้าออกมา จนเราไม่สามารถพูดติเตียนว่ามันดูแก่
ผมว่า ภายใน MG ZS ดูแล้วลงตัว การจัดเย็บชุดเบาะด้วยสีทูโทนเพิ่มเสน่ห์ในแบบสไตล์อังกฤษอยู่ไม่น้อย แต่การปูหนังสีกาแฟนบนคอนโซลหน้า ก็เป็นดาบ 2 คมเช่นกัน โดยเฉพาะยามแดดส่องเข้ากระจกหน้า ทำให้คุณจะเห็นสีหนังบนคอนโซลหน้ารบกวนสายตาเวลาขับขี่ โดยเฉพาะช่วงแบ่งรอยต่อ ระหว่างชิ้นส่วนพลาสติก กับหนัง จะชัดเจนมาก จน อาจจะรู้สึกจิตหงุดหงิดกับเส้นบนกระจกบังลมหน้าที่เกิดขึ้นจากการออกแบบให้สวยงาม
ด้านตัวเบาะฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ทั้งพนักผิงหลัง เลื่อนหน้า-หลัง และปรับสูงต่ำได้ตามต้องการ ตัวเบาะตัดเย็บให้โอบกระชับแผ่นหลังตลอดการเดินทาง แต่ผมรู้สึกว่าช่วงพนักผิงหลังเล็กไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่อย่างผู้เขียน ทำเอานั่งยังไม่สบายเท่าที่ควร แถมช่วงเบาะรองนั่งก็ค่อนข้างสั้นเมื่อนับว่ามันเป็นรถที่เน้นการเดินทาง ส่วนฝั่งคนนั่งกลับนั่งสบายเหมือนเบาะคนละแบบ ทั้งที่ทรวดทรงก็เหมือนกัน
เบาะตอนหลังเทียบกับเพื่อนร่วมคลาส อเนกประสงค์ 1.5 ลิตร ถือว่า มีพื้นที่ช่วงเข่า นั่งสบายพอสมควร ไม่แคบเหมือนอเนกประสงค์บางรุ่น แล้วก็ไม่ได้นั่งชันหลังจนนึกว่านั่งเก้าอี้งานวัดรับประทานข้าวต้มปลาริมทางหรือเปล่า
การตัดเย็บเบาะหลังคล้ายเบาะหน้า มีการเว้าช่วงหลังและที่รองนั่งสำหรับผู้โดยสารจะได้นั่งสบายในการเดินทาง ทางเอ็มจีไม่ได้ให้ที่เท้าแขนตรงกลางมาด้วย รวมถึงปรับระดับพนักผิงหลังไม่ได้ อาจจะด้วยการพยายามทำราคาขายให้ถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ยังดีเบาะสามารถปรับพับแยกได้ 60/40 เผื่อใครต้องเปลี่ยนโหมดสู่การขนของตอบชีวิตวันว่าง และท้ายสุด ตอนหลังไม่มีช่องแอร์ตอนหลังมาให้ แต่ผมก็อยากบอกว่า ระบบปรับอากาศ MG ZS เย็นฉ่ำจับใจ จนนึกว่าอยู่อาร์ติกในบางเวลา
ใต้ร่างอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ทางเอ็มจี แนะนำเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 114 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 4,500 รอบต่อนาที
หลายคนเห็นเครื่องยนต์คงพอจะเดาได้ เครื่องยนต์ตัวนี้น่าจะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับรถยนต์ MG3 และ MG5 ที่เปิดตัวออกมาวางจำหน่ายก่อนหน้านี้ ทางเอ็มจี ก็ยอดรับแต่โดยดีว่า “ใช่” มันเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน … แต่มีการปรับปรุงขนานใหญ่ จนเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำงานระบบ Atkinson Cycle
หลายคนที่ติดตามรถยนต์รุ่นใหม่ๆ คงคุ้นเคยคำว่า Atkinson Cycle อยู่บ้างไม่น้อย สำหรับใครที่ไม่เคยทราบมาก่อน วิธีการสันดาปภายในของ Atkinson Cycle มีความแตกต่างจากวีธีการของเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปเล็กน้อย ด้วยการเปิดวาล์วไอดีนานกว่าปกติ จนกระทั่งถึงช่วงจังหวะบีบอัดเมื่อลูกสูบขึ้นมาจากจุดศูนย์ตายล่าง 20-30 % วาล์วไอดีจึงจะปิดตาย เพื่อพร้อมสำหรับการจุดระเบิด
การเปิดวาล์วนานกว่าของระบบ Atkinson Cycle ทำให้อากาศในห้องเผาไหม้บางส่วนถูกดันกลับออกไปยังท่อร่วมไอดี และช่วยลดการใช้แรงในการบีบอัดอากาศของลูกสูบ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีกำลังอัดสูงขึ้นเมื่อเกิดการจุดระเบิด
แต่ปัญหาของเครื่องยนต์ระบบ Atkinson ก็คือ มันจะทำงานได้ไม่ดีนัก ในช่วงรอบเครื่องต่ำ มีกำลังน้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ทำงานแบบ Otto Cycle
ตอนแรกที่ผมได้ยินทาง MG ยอมรับเรื่องนี้ นึกว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค อาจจะเข้าใจสับสนของผู้ตอบคำถามจากฝ่าย Product Planning จนต้องตบเท้าเข้าไปถาม เป็นการส่วนตัวว่า ได้พูดบรรยายสรรพคุณเครื่องยนต์ผิดหรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน Atkinson Cycle ส่วนใหญ่มีอยู่ในรถยนต์ไฮบริด ด้วยสามารถเอามอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ช่วยทำกำลังรอบต้น แต่ปรากฎว่า ผมได้รับการยืนยันในเรื่องนี้
ทางทีมงาน MG ยังบรรยายต่อว่า ถึงจะพูดว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้ เป็นตัวเดียวกับเครื่องใน MG3 – MG 5 ที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ หากก็มีการปรับปรุงชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ใหม่หลายรายการ แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยว่ามีชิ้นส่วนใดบ้าง นอกจากเพียงบอกว่ามีการลดน้ำหนักของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์บางส่วน รวมถึงติดตั้งหน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุดจาก Bosch จนมีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 : 1 จาก 10.5 : 1 และหากเทียบกับ MG 5 รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่มีพื้นฐานเดียวกัน เจ้า MG ZS ที่มีการปรับปรุงใหม่ มีกำลังเพิ่มขึ้นถึง 8 แรงม้า และทำแรงบิดมากกว่าเดิม 14 นิวตันเมตร
ตั้งแต่เปิดตัวออกมา หลายคนอาจจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกียร์ออโต้ 4 สปีด ออกวางจำหน่ายใน MG ZS ทั้งที่โลกไปไกลถึงไหนแล้ว ทางเอ็มจี กล่าวกับผมว่า พวกเขาต้องการให้เกียร์ดูแลรักษาง่าย ค่าใช้จ่ายไม่แพง ให้สมรรถนะพอสมควรเพียงพอความต้องการของลูกค้า
จากที่ขับช่วงแรกในการเดินทางในเมือง MG ZS ตอบเรื่องการใช้งานครบองค์การขับขี่ในเมืองอย่างลงตัว เกียร์ 4 สปีด เอาอยู่ในการเดินทางที่ต้องฝ่ารถติดมหาโหดคนกรุง และยังตอบสนองดีพอที่จะบี้ไฟแดงยามต้องเร่งรีบ ชุดเกียร์ 4 สปีด หลายคนอาจจะนึกถึงเกียร์ที่กระชากไปมาสมัยก่อน
นั่นไม่ใช่ในเจ้าอเนกประสงค์น้องเล็กคันนี้ ชุดเกียร์ 4 สปีดของมัน ทำงานอย่างราบลื่นจนผมต้องออกปากชม ไม่คิดเหมือนกันว่าเกียร์ 4 สปีด จะตอบเรื่องความนุ่มนวลได้ไม่แพ้เกียร์ยุคใหม่ในวันนี้ ระบบเกียร์มีให้ใช้งานทั้งโหมด D และ S ถ้าอยากขับสนุกขึ้น เลือกเปลี่ยนเกียร์เองตามใจฉันถ้าต้องการ
พอพ้นกทม. การจราจรโล่ง ก็ได้เวลาลองสมรรถนะเต็มที่ ผมกดดูความเร็วสูงสุดมี 165 ก.ม./ช.ม. โดยประมาณ และถ้ามีพื้นที่มากพอ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 170 ก.ม./ช.ม. ถ้าคุณเป็นพวกบ้าความเร็วตัวพ่อ ทว่าช่วงที่ผมว่า MG ZS ขับสบายที่สุด เป็นช่วง 110-140 ก.ม./ชม. คุณได้การตอบสนองจากเครื่องและเกียร์มีกำลังกระฉับกระเฉงทันใจในระดับที่น่าพอใจ แต่ด้วยการเป็นเกียร์ 4 สปีด พร้อมเครื่องยนต์ 114 แรงม้า ทำให้เวลาเร่งแซงช่วงความเร็ว 110 -140 ก.ม/ช.ม. สมควรจะต้องดูว่ามีช่องปลอดภัย หรือจังหวะกำลังดี อย่าไปแซงสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าให้ จะหาว่าไม่เตือน
ด้านช่วงล่าง MG ZS ใหม่ เน้นความสบายในการโดยสารสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ช่วงแรกที่รับรถมาคุณอาจจะรู้สึกว่าทำไมรถคันนี้ช่วงล่างมันกระโดดกระเด้งแปลกๆ อาการช่วงล่างแบบนี้ทำเอาผมนึกถึงอาการของ Nissan Juke ผู้ริเริ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กในไทย พวกเขาวิศวกรรมช่วงล่างให้ตอบสนองในการลุยได้ ทำช่วงล่างออกมาในสไตล์คล้ายรถบักกี้
อาการช่วงล่างของ MG ZS มีความคล้ายคลึงกันมาก แตกต่างตรงที่ผมว่า ของ MG ZS นั่งสบายกว่าพอสมควร
ยามขับต่างจังหวัด คุณคงจะเคยเจอหลุมบ่อ ถนนปะอยู่ไม่น้อย เจ้า MG ZS ผ่านเส้นทางเหล่านี้ได้สบายมาก โดยผู้โดยสารจะไม่บ่นคุณว่า “ขับรถให้มันดีๆ หน่อย” ด้วยช่วงล่างที่เซทออกมาเน้นความนุ่มนวลมากกว่าคู่แข่ง ผมอนุมาณว่าพวกเขาใช้สปริงที่มีค่าความแข็งอ่อนกว่าคู่แข่งเล็กน้อย มันเป็นช่วงล่างที่เก็บอาการจากถนนได้ดีในระดับหนึ่งและยังนั่งสบายไปพร้อมกัน
ด้านความทันสมัยจะไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับระบบ I Smart ที่มีติดตั้งมาให้ใช้งาน ในเจ้าอเนกประสงค์เล็กคันนี้
ระบบนี้เป็นมาตรฐานมาให้ตั้งแต่รุ่นกลางของรถ โดยระบบจะทำงานจากการสั่งการ 3 แบบ ได้แก่ 1. แอพพลิเคชั่นในมือถือ 2.การสั่งการณ์เครื่องเสียงหน้าจอ 8 นิ้ว และ 3.สั่งการณ์ด้วยเสียงภาษาไทย
จากที่ลองเล่น ระบบ I Smart ค่อนข้างตอบโจทย์ในการใช้งานได้คลอบคุลมความต้องการ และมีฟังชั่นใหม่ๆ มากกว่าระบบ Inkanet เดิมที่
การใช้งานผ่านมือถือค่อนข้างสะดวกสบายมากๆ และมีหน้าตาโปรแกรมที่เข้าใจง่าย หลักๆ แล้ว สามารถตรวจสอบสถานะของรถ ที่อยู่ของรถ ณ ปัจจุบัน ,ล๊อคประตู ,เปิดแอร์สตาร์ทเครื่องรอ ทำได้ง่ายๆ แต่อาจจะยังมีการประมวลผลล่าช้า จากที่ทดลองเล่นผ่านโทรศัพท์ทดลองที่มีมาให้ ใช้วลา 5-6 วินาที ในการสตาร์ทการทำงานเครื่องยนต์หรือปลดล๊อครถ ทางเอ็มจี บอกว่าปัจจัยสำคัญของ แอพพลิเคชั่นอยู่ที่ความเร็วอินเตอร์เน็ตและตัวมือถือ
ในส่วนการสั่งการด้วยเสียง ที่หลายคนค่อนข้างสนใจมาก ถึงระบบสั่งการด้วยเสียงจะมีมานาน แต่ MG ท้าทายตลาดด้วยครั้งแรกของระบบสั่งการณ์ด้วยเสียงภาษาไทย .. จัดเป็นนวัตกรรมใหม่ทีเดียวเชียว
การใช้งานสั่งการณ์ด้วยเสียงทำได้ 2 วิธี ได้แก่ 1 กดปุ่มบนพวงมาลัย และ 2 พูดว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” เพียงเท่านี้ทางระบบก็จะพร้อมรับคำสั่งจากคุณทันที
แนวทางระบบจากที่ลองเล่น มันค่อนข้างคล้าย Siri ของ Iphone แต่อาจไม่เก่งเท่า วีธีการระบบ คือจดจำวิธีการพูดของผู้ใช้เป็นสำคัญ การออกเสียงก็ไม่ต้องกระแดะอะไรมากมายครับ พูดไปตามธรรมดา เช่น เปิดซันรูฟ ระบบก็จะทำการเปิดซันรูฟให้ทันที
เพียงแต่จากที่ทดลองระหว่างขับทดสอบ พบว่าการตอบสนองยังไม่ดีเท่าที่ควรในบางจังหวะ เช่นการใช้คำพูดเดิม แต่เปลี่ยนโทนเสียงยังจับไม่ได้ หรือ กรณีคุณแย่งกันพูดกับเพื่อนระบบอาจจะมีงงไม่ทำตาม ไม่ต้องแปลกใจครับ หากรถจะดื้อแพ่ง หรือเอ๋อใส่
ทางเอ็มจี บอกระบบนี้ใช้การจดจำเสียงของผู้ใช้เป็นสำคัญ ทำงานผสานกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และมีการเก็บฐานข้อมูลจดจำวิธีการพูดไว้ด้วย ถ้าสั่งแล้วไม่ทำ ให้พยายามสั่งไปเรื่อยๆ ด้วยโทนเสียง น้ำเสียงเดิม ระบบจะทำการจดจำวิธีพูดจนสามารถใช้งานได้สะดวก …
สรุป MG ZS 1.5 ล้ำสมัย ครบครัน สมราคา อย่าหวังมากเรื่องสมรรถนะ
หลายคนที่มอง MG ZS ในเวลานี้เชื่อเลยว่า มีจำนวนไม่น้อยที่พงะกับเกียร์ 4 สปีด และชะลอดูอยากรู้ว่ารีวิวมาแล้วจะเป็นอย่างไร
ตลอดการขับขี่ ผมยอมรับว่า MG ZS เป็นรถที่อาจจะเป็นรถที่ขายดีของ MG ในอนาคต ด้วยการออกแบบใหม่ที่ดูดีมากขึ้นมีความพรีเมี่ยมมากกว่าหลายรุ่นที่ผ่านมาภายในห้องโดยสารการออกแบบก็ทำได้ดีฟังชั่นใช้งานครบครันเท่าที่ต้องการ เรื่องความกว้างห้องโดยสาร ถือว่าดีกว่ารถอเนกประสงค์ขนาดเล็กบางรุ่นที่ทำตลาดมาก่อนหน้านี้
ในแง่สมรรถนะการขับขี่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บล็อกนี้อาจจะให้ความรู้สึกแปลกสักนิดช่วงรอบเครื่องต่ำกว่า 2000 รอบต่อนาที ดูเหมือนจะไม่มีกำลังไม่กระฉับกระเฉง เนื่องจากการพัฒนาเครื่องยนต์ไปสู่ระบบ Atkinson Cycle
ข้อดีคือมันได้ประสิทธิภาพการขับขี่ในเมืองที่ไม่ได้เน้นใช้กำลังมากมาย และมีกำลังมากพอตอบสนองดีในระดับที่น่าพอใจเมื่อเร่งแซง ด้วยความเร็วเดินทางช่วง 100-120 ก.ม./ช.ม. แต่ปัญหาเรื่องเกียร์ 4 สปีด ก็ยังมีให้เห็นบ้างอาทิ ชุดเกียร์ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจอันดีกับเครื่องยนต์แบบแอทคินสันบางจังหวะ ในช่วงความเร็วสูงกดแล้วเหมือนไม่มีกำลัง ถ้ารู้สึกแบบนั้น แสดงว่ารอบตกไปต่ำกว่าช่วง 2,200 รอบต่อนาที ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะประเดี๋ยวก็เร่งดีเอง
จากลองจับระหว่างการเดินทาง อาการนี้ไม่เกินบ่อยนัก ถ้าเดินทางด้วยความเร็ว 110-120 ก.ม./ช.ม. คุณสามารถเร่งแซงที่ความเร็ว 130-140 ก.ม./ช.ม.ได้สบาย และที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานที่เกียร์ 4 ที่ 2750 รอบต่อนาที ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ทำงานที่ 3000 รอบต่อนาที ถือว่าค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร
เรื่องความประหยัดจากที่ลองขับ ในการทดสอบนี้เติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล 95 พบว่าอยู่ที่ 15.6 ก.ม./ลิตร ถ้าเดินทางที่ความเร็ว 80-100 ก.ม./ช.ม. ในช่วงขับประหยัดทดสอบระยะทาง 80 กิโลเมตร ส่วนใครที่อยากทราบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม จากที่มีโอกาสลองช่วงสั้น จับด้วย GPS พบว่า อยู่ที่ 14.998 วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม. อยู่ที่ 13.0 วินาที เรียกว่าเร็วกว่าอีโค่คาร์ แต่ช่วงเร่งแซงอาจอืดอาดสักหน่อยครับ
มาถึงตรงนี้ผมคงพูดเต็มปากได้ว่า จุดเด่นของรถ MG ZS ไม่ใช่ในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ หากเป็นเรื่องของฟังชั่นการใช้งานตัวรถที่มีครบครัน ทั้งความกว้างในการโดยสาร ความล้ำสมัยของระบบสั่งการด้วยเสียง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คนซื้อรถมองหา มากกว่าตัวเลข 0-100 ก.ม./ช.ม. หรือความเร็วสูงที่ต้องการความใจถึง…จึงจะไปถึง
สิ่งที่ MG นำเสนอในรถคันนี้ คือการเน้นนวัตกรรมแปลกใหม่ ตั้งแต่เครื่องยนต์แอทคินสันไซเคิล มายันความล้ำสมัยในตัวรถด้วยระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย คุณได้รถที่ขับดี ประหยัด และรู้ใจ ผมแปลกใจที่ตัวเองกลับชอบสิ่งที่เอ็มจี คิดกับรถยนต์หนึ่งคัน
รถที่ดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องเร่งออกตัวดี แซงมั่นใจ ทำความเร็วสูงสุดเหนือใคร เสมอไป แต่หากฟังชั่นมาครบความต้องการในราคาที่ใช่ และไม่ไกลจนเกินเอื้อม … ผมถามตามตรงว่า เป็นคุณจะไม่สนใจ MG ZS เลยหรือครับ ???
อ่านรีวิวฉบับ เต็ม MG ZS ได้ที่นี่
ติดตามผู้เขียน นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ทางสื่อสังคมออนไลน์ Facebook
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”407″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]