การซื้อรถสักคัน เราต่างมีโจทย์ความต้องการในการใช้งานต่างกันออกไป แต่โดยมากแล้วลูกค้าในปัจจุบันมีความต้องการใช้รถหนึ่งคันหลากหลาย สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ภาพของครอบครัว และความหรูหรา มักไปพร้อมกันในคราวเดียว นั่นตรงกับ Toyota Camry ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา
ตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Toyota Camry กลายเป็นรถที่ทำให้ลูกค้ากลับหันมามองตลาดรถยนต์นั่งหรูไม่น้อย ด้วยการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบและวิศวกรรมหลายรายการ ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน แถมราคารถรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก ครบเครื่องด้วยออพชั่นที่ลูกค้าต้องการ ทำให้หลายคนเริ่มสนใจบ้างไม่มากก็น้อยจากกระแสตอบรับ
ยอดจองที่มีเข้ามากว่า1,000 คัน โดยประมาณ ในช่วงเวลาสั้นๆ จากวันเปิดตัว จนมาถึงวันที่เรามาบุรีรัมย์เพื่อสัมผัสแรกรถยนต์ ToyotaCamry ใหม่ เป็นการยืนยันชัดเจน ถึงความสนใจของลูกค้าและตัวรถที่น่าจะถูกอกถูกใจลูกค้ามากกว่าเดิมมากมายแต่เรื่องราวทั้งหมดที่คุณเห็นนั้นเป็นเพียงผลลัพธ์จากการสร้างสรรค์อันแตกต่าง ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อการเปลี่ยนแปลงจนประสบความสำเร็จ
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า Toyota เปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานใหม่ Toyota TNGA หัวใจหลักสำคัญในการพัฒนารถสักคันต่อไปของแบรนด์ด้วยความคิดในการสร้างสรรค์ของโตโยต้าว่า Better Car หรือ สร้างรถยนต์ที่ดีกว่าเดิม
การโยนทิ้งทุกอย่างที่เคยสร้างในตลอดหลายปี แล้วปรับความคิดสู่โลกยุคใหม่ ทำให้ Toyota เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในหลายด้าน แต่การจะสร้างรถที่ดีต้องมาจากภายใน
TNGA เป็นการตอบโจทย์การวิศวกรรม ด้วยการมุ่งเน้นให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 20 มม. โครงสร้างตัวรถปรับให้ต่ำลง อาทิเส้นสายหลังคา ตลอดจน การใช้เหล็กและความเหนียวของเนื้อเหล็กดีขึ้นกว่ารถโตโยต้าในอดีตที่ผ่านมา แต่ใน Toyota Camry ไปไกลกว่านั้น ด้วยข้าวของหรือ Component ที่ทำออกมารองรับกับโครงสร้างตัวนี้โดยเฉพาะ ซึ่งแม้ว่าเราจะได้ยินโครงสร้าง TNGA มาตั้งแต่เปิดตัว Toyota C-HR แต่ในความสมบูรณ์แบบกลับต่างกันสิ้นเชิง
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็น Toyota Camry ใหม่ กันบ้างแล้วทั้งตามถนนหนทาง หรือจอดตระหง่านในโชว์รูม ถ้าเทียบกับรุ่นเดิม คุณจะเห็นได้ว่าการออกแบบคัมรี่ยุคใหม่ ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
กว่า 2-3 เจนเนอร์เรชั่นของ โตโยต้า คัมรี่ พยายามเปลี่ยนจากภาพรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัว นับตั้งแต่รับไม้ต่อจาก Toyota Corona มาสู่การเป็นรถยนต์นั่งสุดหรูราคาไม่แพงสำหรับผู้มีอันจะกินที่ต้องการรถยนต์ใช้ขับขี่มั่นใจ หรือโดยสารอย่างสะดวกสบาย
ตลาดซีดานกลาง เป็นตลาดรถยนต์นั่งหรูเริ่มต้น หรือทางโตโยต้าเรียกว่า “Entry Luxury” ในอดีตลูกค้าซื้อรถเอาไว้ใช้งานแต่อาจไม่ได้คิดว่าจะใช้ขับเอง อาจเป็นรถประจำตำแหน่ง หรือมีพลขับให้นั่งสบายจากบ้านไปที่ทำงาน หากโลกยุคใหม่ ผู้บริหารมีความคิดเปลี่ยนไป หลายคนขับรถเองมากขึ้น ดังนั้นรถกลุ่มนี้ถูกระรานโดยคู่แข่งสายหรูตัวจริง จากยุโรปมากขึ้นในตลาดปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นงานออกแบบ จึงเกิดขึ้นตรงนี้ ทาง Toyota เรียก แนวทางการออกแบบในตัวหรูของพวกเขาว่า Sensual Smart Confident หรือถ้าพูดกันเป็นภาษาชาวบ้าน คือ ปรับให้เป็นภาพของรถที่ดูภูมิฐานขับมั่นใจ
แนวทางการออกแบบโตโยต้า คัมรี่ ใหม่ จึงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก กลายเป็นรถสำหรับผู้บริหารสมัยใหม่ที่ออกมาในภาพความสปอร์ตทันสมัย ใบหน้ารถออกแบบมาให้ดูโฉบเฉี่ยวลงตัว ตั้งแต่กระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ ที่ตอบโจทย์อย่างลงตัว ไฟหน้า โคมโปรเจคเตอร์ส่องสว่างด้วยไฟ LED
เส้นสายหลังคาจะเห็นได้ว่าปรับลดศูนย์ถ่วงต่ำลง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ทำให้ภาพรถโดยรวมได้ความสปอร์ตมากขึ้น ประตูข้างทั้งสี่บานมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า ความยาวประตูเพิ่มขึ้นช่วงให้ก้าวขึ้นลงรถสะดวกมากขึ้น
ด้านท้ายยังออกแบบฝากระโปรงท้ายให้ เป็นสปอร์ยเลอร์ตูดเป็ดในตัว ลงตัวกับไฟท้ายดีไซน์สปอร์ต สำหรับผมไฟท้ายเจ้าคัมรี่ ดูประหลาดๆ ในบางมุม โดยเฉพาะหางเป็ดที่ไปจุกอยู่ตรงกลาง ในรุ่น 2.5 G ลงตัวพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง Bridge Stone Turanza
ไม่ทันจะมีเวลาชื่นชมในการออกแบบมาก เราก็ถูกเวลารวบรัดให้ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร สำหรับคันตัวใหญ่อย่างผม ก้าวขึ้นลงทำได้ง่ายมาก ด้วยประตูที่กว้างช่วยให้ง่ายในการขึ้นลงมากขึ้น
หย่อนตัวลงเบาะนั่งจัดการปรับเบาะไฟฟ้า ตั้งพวงมาลัยตามต้องการ ทำได้ทั้งปรับขึ้นลง และ ยืดเข้าออก ผมสำรวจสังเกตว่าความรู้สึกภายในห้องโดยสารให้ความสปอร์ตอย่างมาก ด้วยการตบแต่งโทนสีครีม มาพร้อมลายไม้ที่ดูวัยรุ่นไม่รู้สึกแก่เกินไป
ตรงหน้าคนขับเป็นจอเรือนไมล์ แสดงผล ด้วยหาปัด และชุดจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ โปรแกรมเป็นภาษาไทยเสร็จสรรพ ตรงกลางคอนโซลหน้าเป็นชุดเครื่องเสียงจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ให้มาครบครัน แถมงวดนี้ คอเครื่องเสียงตัวจริง น่าจะรักเจ้าซีดานคันนี้มากขึ้น ด้วยเครื่องเสียงจากชุดเครื่องเสียง JBL พร้อมลำโพง 9 จุดในห้องโดยสาร
ผมมีโอกาสฟังระหว่างที่ออกตัวเดินทางเริ่มการทดสอบ บอกเลยว่าความกระหึ่มเครื่องเสียงชุดนี้ไม่ธรรมดา แถม มิติเสียงในห้องโดยสารถือว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยมพอสมควร
ทาง JBL เล่าให้ฟัง ว่า เครื่องเสียงใน Toyota Camry ใหม่ นี้พัฒนาขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ โดยใช้เวลากว่า 3,000 ชั่วโมงในการปรับจูนเครื่องเสียงชุดนี้ จนมีคุณภาพเสียงดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า อรรถรสในการฟังถือว่าครบถ้วน
แต่ในการโดยสารตอนหลัง โดยเฉพาะสำหรับท่านผู้บริหาร เสียงแหลม กลับหายตกไปบ้าง เนื่องจากชุดทวีตเตอร์ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งเสา A หรือทางด้านหน้า เมื่อรวมการบังจากผู้โดยสารตอนหน้า และชุดเบาะนั่งคู่หน้า เสียงแหลมจึงเดินทางมาถึงด้านหลังน้อยกว่า แต่ก็ถือว่าคุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
เรื่องการโดยสารในภาพรวม ตำแหน่งคู่หน้ามาพร้อมเบาะนั่งขนาดใหญ่นั่งสบาย และพื้นที่โดยสารเหนือหัวเหลือเยอะ แม้ว่ารถจะมีการออกแบบช่วงหลังคาให้เตี้ยลงก็ตาม นการโดยสารตอนหลังสะดวกสบายมากด้วยตำแหน่งหนักพิงเบาะหลังที่เทลาดเล็กน้อย ส่วนช่วงรองนั่งออกแบบให้เป็นหลุมลงไปเล็กน้อยเพิ่มความโอบกระชับในการโดยสาร ทำให้ รถรุ่นนี้เหมาะแก่การโดยสารพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น
ในสัมผัสแรกผมตัดสินใจเลือกขับรุ่น 2.5G เป็นหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่รถรุ่นท๊อปออพชั่น แต่มีหลายอย่างที่ทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ประเด็นหนึ่งหนีไม่พ้นเรื่องราคาขายและความคุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่ได้มากับเงินที่ต้องจ่าย คุณได้รถใหม่ทั้งคัน เมื่อเทียบกับรุ่น 2.0 G
ใต้ร่างสปอร์ตหรู Toyota Camry รุ่น 2.5 G มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Dynamic Force ขนาด 2.5 ลิตร ไม่น่าเชื่อในยุคนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องยนต์ 4 สูบ บล็อกกลาง สามารถปั้นกำลังสูงสุดได้ถึง 209 แรงม้า และทำแรงบิด 250 นิวตันเมตร
ไม่เพียงเท่านี้เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังได้รับระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ Toyota Direct Shift 8 สปีด ครบครันด้วยอันตราทด Over Drive 2 เกียร์สุดท้าย น่าจะช่วยประหยัดได้พอสมควร
เส้นทางและรูปแบบการขับขี่งวดนี้ไม่ไกลมาก เป็นช่วงถนน จากตัวเมืองบุรีรัมย์ไปยังไร่เมล่อนใกล้ ระยะทางขาละ 54 ก.ม. ผมขันอาสาขับในช่วงขากลับ โดยในการขับขี่ครั้งนี้เป็นรูปแบบ Eco Run หรือขับประหยัด แต่เราก็ไม่ใช่ว่าขับช้าเป็นเต่าคลาน ระหว่างทางใช้ความเร็ว 80-90 ก.ม./ช.ม. ล็อก Cruise Control บ้างเป็นบางจังหวะ ขับไปแบบเรื่อยๆ กินลมชมวิวข้างทาง แซงรถช้าด้านหน้าบ้างถ้าจำเป็น ไม่น่าเชื่อ ตัวเลขบนหน้าปัด เมื่อถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อยู่ที่ 19.1 ก.ม./ลิตร
อันที่จริงระหว่างทางเราได้อัตราประหยัดสูงสุด 19.5 ก.ม./ลิตร แต่ระหว่างเส้นทางมีช่วงติดสัญญาณไฟจราจรมาก ซึ่งช่วงระหว่างติดไฟแดง ผมสังเกตว่าอัตราประหยัดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ทำให้มันซดแหลกถ้าติดเครื่องเดินเบาทิ้งไว้ จนแอบคิดว่าทำไม Toyota ไม่ใส่ระบบ idling Stop มาให้ในรุ่นนี้
เปรียบเทียบสมรรถนะกับไฮบริดในสนามข้าง
กลับมาถึงสนามช้างไม่นานเราก็พร้อมจะลงสู่การขับขี่ในสนาม ทางโตโยต้าจัดการทดสอบในสนามช้างเอาไว้เป็นในเชิงเปรียบเทียบระหว่างรุ่น 2.5 G และ รุ่นไฮบริด ส่วนถ้าคุณจะถามผมว่าทำไมไม่เอารุ่น 2.0 G มาเปรียบด้วยผมเชื่อว่าเป็นของเครือญาติเครื่องยนต์ใหม่ Dynamic Force
คันแรกผมเลือก 2.5G โดยในสนามก็จะมีสถานีต่างๆ ตั้งอยู่ อาทิ สลาลอม , โค้งแคบ , เสลาลอมกว้าง ,ไปจนถึงการเปลี่ยนเลนอย่างกระทันหันด้วย
ออกตัว Toyota Camry 2.5 G ในสนาม อย่าคาดหวังว่าผมจะได้ใช้ความเร็วมากนัก เพราะไม่นานสถานีแรกสลาลอม อยู่ที่ด้านหน้า เราต้องเข้าสลาลอมที่ความเร็ว 60 ก.ม./ช.ม .เมื่อเปรียบเทียบกับคัมรี่เดิม รถรุ่นใหม่นี่ถือว่าคนละเรื่อง ตัวรถ อาการโคลงตัวรถน้อยกว่าชัดเจน แถมช่วงล่างยังดูมั่นใจมากขึ้น ไม่ขับปวกเปียกเหมือนหลายรุ่นที่ผ่านมา
โค้งแคบ C3 ในสนามเราเข้าที่ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. ผมเริ่มเห็นการตอบสนองที่ดีของช่วงล่าง รวมถึงการเหวี่ยงตัวในสลาลอมกว้าง ยิ่งยืนยันว่าโตโยต้าใส่ใจเรื่องคุณภาพการขับขี่ การเข้าโค้งการให้ตัวพวงมาลัย ผมถามคนที่นั่งด้านหลังในรอบขับขี่ผมว่า “เหวี่ยงไหม” เสียงแพร้วจากพี่โอม Pantip Garage เหยื่อด้านหลัง บอก ไม่เท่าไรนะ
ช่วงลงโค้งยาว ผมใช้ต้องเร่งความเร็วให้ถึง 120 ก.ม./ช.ม. ออกจากสถานีมา ก็เพียง 80 ก.ม./ช.ม. เรามีระยะราว ๆ 400 เมตร ก่อนเข้าโค้ง ผมบี้คันเร่งขยี้เค้นกำลัง เครื่อง 2.5 รู้งาน เร่งอย่างแข็งขัน ในระยะสั้นๆไม่กี่วินาที ก็ได้ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. สบายๆ
ยิ่งไปกว่านั้นที่ผมว่าน่าชื่นชมจับจิต หนีไม่พ้นเรื่องของชุดเกียร์ Direct shift 8 สปีด ค่อนข้างฉลาดในระดับหนึ่ง มันรู้จักการลากเกียร์ ค้างตำแหน่งเกียร์ และทอนเกียร์ลงตามจังหวะที่สมควร
การขับในสนามช้าง สิ่งสำคัญคือการลดกำลังและทอนเกียร์เตรียมเข้าโค้งถูกจังหวะ ซึ่งตลอด 2 รอบสนาม ผมเห็นชัดว่าเกียร์ทำงานได้น่าประทับใจฉลาดไม่น้อย หรือถ้าจะเลือกเปลี่ยนเกียร์เอง ก็ขึ้นลงไวพอตัวเช่นกัน
ลงจาก 2.5 G ผมถูกอัญเชิญไปขับรุ่นไฮบริด ในรุ่นที่ขับวันนี้คือ 2.5 HV Premium ท๊อปออพชั่นของคัมรี่ใหม่ แต่อย่าถามว่าออพชั่นเล่นอะไรบ้างไหม เพราะขับในสนามนี่วัดสมรรนถะล้วนๆ
ตั้งแต่เปิดตัวมาผมก็แปลกใจ รุ่นท๊อปออพชั่นกว่าแต่กลับให้ล้อขนาด 17 นิ้ว และยางแก้มหนากว่า ทั้งที่น่าจะใช้ล้อขอบ 18 นิ้ว
ผมลงขับในสนามอย่างไม่รอช้า แน่นอนด้วยความเป็นไฮบริดการตอบสนองของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะรวดเร็วกว่าจนรู้สึกได้ แถมระบบเกียร์ E-CVT นั้นก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วงสลาลอม หรือเข้าโค้ง ด้วยการวางแบตเตอร์รี่ไว้ทางด้านหลัง น้ำหนักเพิ่มขึ้นทางด้านหลัง ทำให้ เรารู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น ลดความกระฉับกระเฉงตัวรถ
ระหว่างทางในสนามเทียบกับ 2.5G ผมว่า 2.5HV Premium เหมาะเป็นรถสำหรับครอบครัวขับสบายได้แรงได้ประหยัด มันดูไม่เฉียบเท่าตัว 2.5 G อินสตักเตอร์ ที่นั่งไปด้วยบอกความรู้สึกแบบนี้เป็นของคนส่วนน้อย แต่ไม่แปลกสักเท่าไร
สรุปเบื้องต้น Toyota Camry 2.5 G ได้เร้าใจ ..ไฮบริดเน้นครบเครื่อง
ผมลงมาจาก Toyota Camry ทั้ง 2 คัน พลัน ก็มีทีมงานญี่ปุ่นเข้ามาคุยด้วย ผมมาทราบภายหลัง ว่าท่านนี้คือ คุณ มาซาโตะ มัสซึมาตะ หัวหน้าวิศวกรผู้พัฒนา Toyota Camry ใหม่ หรือพูดแบบบ้านๆ คือ พ่อของคัมรี่นั่นแหละครับ ท่านถามว่า เมื่อขับทั้ง 2 รุ่นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ผมบอกท่านว่า ส่วนตัวผมเป็นคนขับรถเร็ว เลยรู้สึกชอบ Toyota Camry 2.5 G มากกว่า การขับดูมั่นใจพวงมาลัยคม และการตอบสนองในโค้งหรือการเบรกดีกว่า รวมถึงการโยนตัวด้วย
ส่วนตัวรุ่นไฮบริด ขับแล้วถือว่าดีขึ้น แต่ยังรู้สึกว่า ยังไม่ถึงขนาดโดนใจ โดยเฉพาะเวลาเข้าสลาลอมหรือโค้ง รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงท้ายค่อนข้างมาก ดูไม่รู้สึกสมดุลเท่าตัวปกติ
คุณมาซาโตะบอกผมว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากล้อ 17 นิ้วทำให้บางที่ใช้ก็จะต้องมีแก้มยางสูงตาม ทำให้ย้วยกว่า นอกจากนี้ยังมีการปรับเซทระบบช่วงล่างต่างกันระหว่าง 2 รุ่น ในรุ่นไฮบริดใช้ค่าสปริงหลังแข็งกว่าและใช้โช๊คอัพคนละชุด เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ทางด้านหลัง
ท่านหัวหน้าวิศวกรบอกว่า ที่จริงแล้วจากการทดสอบของทีมวิศวกรโตโยต้า รุ่นไฮบริดมีสามารถทำเวลาต่อรอบสนามดีกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องปกติ แต่อาจด้วยในเวอร์ชั่นไทยไม่ใช้ล้อขอบ 18 นิ้ว ในตัวไฮบริดทำให้อาจรู้สึกว่าขับได้ไม่ดีเท่าก็ได้
จากบทสนทนาดังกล่าว หากมาสรุป หลังจากลองสัมผัส Toyota Camry 2.5 G เป็นรถที่มีเครื่องยนต์แรงเร้าใจ เกียร์ฉลาด ราคาไม่แพง และขับสนุก ใช่ผมอาจยังไม่มีโอกาสหวด 0-100 หรือทำความเร็วสูงสุด แต่วันนี้ที่ขับ ผมรู้สึกได้ว่า มันเหมือนเสือที่โดนขังรอวันให้เราจะสนุกสนานกับมัน
2.5 G เป็นรถสปอร์ตดีๆ ในคราบซีดานหรู การคัดพวงมาลัยค่อนข้างแม่นยำพอตัว เกียร์ฉลาดราวกับหลับตาแล้วรู้ว่าผู้ขับขี่จะทำอะไร หรือช่วงล่างที่ตอบโจทย์ได้เรื่องความนิ่งนั่งสบายไม่ว่าความเร็วต่ำความเร็วสูง เสียดายที่ออพชั่นมันไม่ได้หวือหวาอะไรมากนักเมื่อเทียบกับตัวไฮบริด
ส่วนใครที่สนใจตัวไฮบริดยังคงจุดเด่นในเรื่องความประหยัดเอาไว้ดีเยี่ยม เรื่องสมรรถนะก็เร่งทันอกทันใจ แต่ถ้าอยากได้ออพชั่นเต็มๆ ต้องเล่นรุ่นพรีเมี่ยม แต่ผมว่าถ้าไม่เน้นมาก รุ่นกลางก็ครบเครื่องไม่น้อย
โตโยต้า คัมรี่ ใหม่เปลี่ยนไปมากในรุ่นนี้ ที่ผมกล้าพูดคงไม่พ้นเรื่องสมรรนถะในการขับขี่และความประหยัดมันกลายเป็นรถที่ขับก็เจ๋ง นั่งก็แจ๋ว … แต่จะพูดคุยมากกว่านี้คงต้องรอลองมากกว่านี้ซึ่งหวังว่าคงไม่นานเกินรอ
[ngg src=”galleries” ids=”786″ display=”basic_thumbnail”]