ในช่วงแรกปีนี้ ในกลุ่มกระบะดีเซล นับเป็นปีที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายต้องเดินหน้าในการปรับมาตรฐานเครื่องยนต์ จากยูโร 4 ไป เป็น มาตรฐาน ไอเสียยูโร 5 ตามข้อบังคับ ของทางภาครัฐบาล
การปรับกฏดังกล่าว หลายค่าย อาจจะขายเครื่องยนต์เดิม เพิ่มเติมอุปกรณ์กรองไอเสีย มาให้มากขึ้น แต่ฟอร์ด คิดต่างออกไป พวกเขาตั้งใจในการเดินหน้าไปสู่เกมใหม่ นำเสนอ เครื่องยนต์ V6 ดีเซล ในไทย หลังจากมันขายในต่างประเทศมายาวนาน
ขุมพลังบล็อกใหม่นี้ ทางฟอร์ด หมายมั่นปั้นมือ ในการนำเสนอในกระบะรุ่น Ford Ranger Wildtrak ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยจะมาแทนเจ้า เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่รุ่นเดิม ที่เคยเป็นหัวหอก ด้วยกำลัง 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
ขุมพลังรุ่นดังกล่า วถึงจะมีความดีความชอบ เรื่องกำลังขับ การตอบสนอง และยังค่อนข้างประหยัดน้ำมัน พอตัว หากด้วยความเป็นเครื่องยนต์บล็อกเล็กต้องเบ่งกล้ามเยอะ พอเจอเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ จากทางคู่แข่ง ลูกค้า ก็ดูจะสนใจคู่แข่งมากกว่า จนถึงเวลาที่ต้องลองปรับมาใช้เกมเดิม เครื่องยนต์ใหญ่ และ เล็กต่างกัน อาจทำให้คนสนใจมากขึ้น
เหมือนวันวาน ที่ฟอร์ด บุกตลาดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 5 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร แม้จะผ่านไปนานนับสิบปี แต่หลายคน ก็ยังมองหารถรุ่นนั้นแยู่ และราคาก้ค่อนข้างแข็งพอตัวในตลาดรถยนต์มือสอง
รู้จัก ขุมพลังใหม่
ใต้เรือนร่าง Ford Ranger Wildtrak V6 มาพร้อมเครื่องยนต์ V 6 3.0 ลิต รตัวมัน มี 2 ชื่อ คือ Ford Power Stroke รู้จักในนาม เครื่องยนต์ Ford F150 ที่ขายตอนปี 2018-2021
อีกชื่อคือ Ford Lion เนื่องจาก ตัวรถผลิตเครื่องยนต์ตัวนี้ ให้รถยุโรปหลายรุ่น ได้ Jagaur , Land Rover , รวมถึง ทาง Citroen และ Peugeot เริ่มต้นแนะนำ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.7 ลิตร ก่อนขยายเป็นขนาด 3.0 ลิตร ในเวลาต่อมา
รถที่ใช้เครื่องยนต์ตัวนี้ ที่บ้านเรารู้จักกันดี คือ Land Rover Discovery 3 และ 4 นั่นเอง
ด้านตัวเครื่องยนต์ เป็น บล็อก V6 60 องศา มีขนาดช่วงชัก X กระบอกสูง 83 มมซ X 90 มม.อัตรากำลังอัดสูงสุด 16.4:/1
ส่วนตัวเครื่องยนต์ ทำมาจาก Graphite Iron Cross Bolt block ใช้ฝาสูบอลูมิเนียม มี วาล์ว 4 วาล์ว ต่อสูบ หรือ รวม 24 วาล์ว ใช้ ระบบสายพานไทมมิ่ง 2 เส้น อยู่ด้านหน้า และหลังอย่างละเส้น
เมื่อพูดถึงพลังขับ ก้มีหลากหลายมาก ทางฟอร์ด ตัดสินใจ ปรับกำลังขับให้มีพลังขับสูงสุด 250 แรงม้า สูงสุด ที่ 3,250 ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที
เปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ จะพบว่า กำลังสูงสุด มาต่ำกว่า และ แรงบิดสูงสุดมีช่วง พาวเวอร์แบนด์ หรือ รอบกำลังกว้างกว่า อย่างชัดเจน ในการใช้งาน
ทางฟอร์ดยังคงจับคู่เกียร์ 10 ปี กับเครื่องยนต์ตัวนี้เหมือนเดิม อัตราทด เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
ในส่วนตัวรถ มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม อีกนิดหน่อย ประกอบด้วย
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่มีความกว้าง และ เต็มซุ้มมากขึ้น
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (แบบเดียวกับ Ford Ranger Raptor และ Ford Everest)
- หัวเกียร์ e Shifter
ในส่วนอื่นๆ เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกับ Wildtrak ปกติ ทั้งหมด และ ในปีนี้ ทางฟอร์ด ได้ปรับลดสี Sodena Orange ออกไป หลังจากไม่ได้รับความนิยม
ลองขับพลังเหลือล้น
วันนี้มาไกล บินมาถุง เชียงใหม่ เพื่อลองขับ Ford Ranger V6 ทริปนี้ ผมเองตั้งใจ อยากจะมาขับมัน หลังจากทราบว่ารถที่เราจะได้ขับ คือสุดยอดกระบะพลังแรง
เส้นทางวันนี้ ทางฟอร์ด เตรียม ทางสุดโหดไว้ให้เรา เป็นเส้นทางขึ้นเชียงดาว จากนั้นต่อไปเมืองคอง แล้ว เรา ลุยทางชาวบ้านไปโผล่ ห้วยน้ำดัง ก่อนกลับลงมาที่เชียงใหม่ เป็นอันจบพิธี เสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้
ขึ้นนั่งผู้ขับขี่ หลังจากน้องหนาว Car side และ น้องเก้า จากทีมงาน บอย วรพงษ์ สิงเขียวพงษ์ ให้เกียร์ติ เราได้ขับก่อน
ผมก็เริ่มเดินคันเร่ง ออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงแรก ใช้ความเร็วต่ำ ไม่ได้ดูเรื่องของพลังขับอะไรมากมายนัก สิ่งที่ทราบได้ทีนทีเลย คือรถค่อนข้างนิ่งกว่าเดิมมาก
เครื่องยนต์ 4 สูบที่เราหลายคนคุ้นเคย แม้จะค่อนข้างเรียบ สะเทือนน้อยกว่า 3 สูบ แต่เอาตามตร งเราก็รู้สึกได้อยู่นะว่า มัน ยังค่อนข้างจะสะท้านสะเทือนกว่าปกติ อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะยามจอดติดนิ่งกับไฟแดง
พอเจ้านี่พก V6 มาด้วย ความนิ่ง ของการเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่มีการออกแบบ ให้มีสมดุลสูง มันค่อนข้างนิ่งเรียบ แม้จะกำลังอัดสูง ก็รู้สึกได้ ถึงความนิ่ง จนเหมือนสัมผัสของรถเก๋งเลย
ไม่นาน ขับออกมาถึงแถว ถนนวงแวนรอบนอก ทะลุผ่านไปยังถนนเสน้ใหม่แถวแม่โจ้ ขบวน เริ่มใช้ความเร็วมากขึ้น ทุกคนกวดความเร็ว เราได้เห็นการตอบสนองเครื่องยนต์ เมื่อคุณหวดจาก 80 ไป 120 ก.ม./ช.ม.แม้ ว่าเราจะนั่งกัน 3 คนในรถ ก็สามารถผ่านไปอย่างสบายใจหายห่วง
กำลังขับ เรีบกว่าเหลือ มาแบบเต็มๆไปตามการเยียบ ค่อนข้างได้ความต่อเนื่อง ถ้าอยากแรง ไม่ต้องออกแรงเท้ามาก แค่เหยียบลึกนิดเดียว รถก็เร่งเร็วทันใจ ปรู๊ดไปสู่ความเร็วที่ต้องการ
ยามออกตัวจากหยุดนิ่ง ก็ค่อนข้างทันใจ เท่าที่ลองจับ อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.โดยวิธีบ้านๆใช้การจับเวลา ไม่ใช่เครื่องมือ ได้เวลา 9.53 วินาที เท่านั้น เทียบกับ กระบะพลังสูง ในหมู่เพื่อนพ้อง มันเร้วกว่าราวๆ 2-3 วินาที โดนประมาณ
ความเร็วสุงสุดในวันนี้ ยังไม่ได้ลอง เนื่องจากเราขับเดินทางเป็นคาราวาน
เอาเป็น เรื่องอัตราเร่ง ค่อนข้างสบายๆ เหลือเฟือ ต่อการใช้งานทั่วๆ ไป ยิ่งใครสายลากจูง สายบรรทุก คนของประจำ น่าจะชอบเลย กับเครื่องยนต์ตัวนี้
มีดี เรื่องสมดุล และ ช่วงล่าง
ถึงคนส่วนใหญ่ จะมองว่า Ford Ranger V6 มีดีที่เครื่องแรง 250 ม้าในราคา 1.5 ล้านบาท คุ้มโคตรๆ
หากตัวรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้มีดีเพียง เครื่องยนต์เท่านั้น ตามข้อมูลจากฟอร์ด เผยกับเราว่า ทางฟอร์ดมีการปรับปรุงในส่วนของ คอม้าเป็นอลูมิเนี่ยม เพื่อลดน้ำหนักใต้สปริงลง ให้ตอบสนองดีขึ้น ส่วนช่วงล่างไม่แตกต่างจากรุ่น wildtrak เดิม ยังคงเป็นโช๊ค Monotube ติดตั้งมาจากโรงงาน
ส่วนที่ปรับปรุงอีกอย่างคือ ล้อและยางขนาด 20 นิ้ว ให้ความเต็มซุ้มมากขึ้น
แต่การควักเครื่องยนต์เปลี่ยนหัวใจ ก้ตามมาด้วย การสร้างสมดุลใหม่ให้กับตัวรถดีขึ้น คุณสมบัติของเครื่องยนต์ V6 คือ ชุดสูบ ถูกวางออกแนวเฉียง ทำให้น้ำหนักกระจายออกด้านข้างมากขึ้น
สมดุล Ford Ranger V6 จะเห็นชัดขึ้น ในยามคุณขับเข้าทางโค้งต่อเนื่องใช้ความเร็ว อาการโคลนโยนของรถจะมีความค่อยเป็นค่อยไป มากกกว่า โยนซ้ายโยนขวา ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบาย ส่วนผู้ขับขี่ก็มั่นใจ
อาการนี้ผิดกับตัว 2.0 เทอร์โบคู่ ผมเคยขับขึ้นไปทางน้ำหนาว แล้วพบว่า อาการตัวรถ ค่อนข้างจะเอี้ยวตัวเยอะ จนต้องใช้การหน่วงเกียร์เข้าช่วย เป็นระยะ
แต่การขับ V6 ง่ายกว่า ตัวเครื่อง สี่สูบมาก แม้ว่า เราจะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่มากขึ้นของตัวรถ เวลาเข้าโค้ง หากก็รู้สึกว่า น้ำหนักไม่ได้เอนซ้ายหรือ ขวาเร็วเกินไป ยิ่งใครขับรถเก่งใช้พวงมาลัยตามจังหวะเรื่อยๆ แทยจะสามารถขับเข้าโค้ง ด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยไม่เบรกได้เลย
ตัวสมดุลรถที่ดีขึ้น ไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันยังมาจาก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4A ที่นกติดปลายนวมมาให้เพิ่มเติม จาก ford Ranger Raptor และ Ford Everest
ตามข้อมูลระบบนี้ สามารถทำงานได้ โดยสามารถ แบ่งการแปรผันกำลังขับ หน้า-หลัง สูงสุด 50/50 และปรับเปลี่ยนไปเรื่อย โดยดูการใช้พวงมาลัย การเบรก ,เกียรื การเดินคันเร่ง
การแปรผัน ช่วยให้ยามเราเข้าโค้งค่อนข้างมันใจอย่างมาก ยิ่งโค้งหักศอก รถจะเลี้ยวได้ราวกับรถเก่ง จากความชาญฉลาดของระบบ
ยิ่งกับ ทางโค้งต่อเนื่อง ขับใช้ความเร็ว ยิ่งทำให้รถค่อนข้างขับง่าย บวกรวมกับ สมดุลในการขับที่ดี จากเครื่องยนต์
Ford Ranger B6 กลายเป็นสุดยอดกระบะเดินทาง ที่ยากจะหาใครทัดทานในวันนี้
เบื้องต้น กับ Ford Ranger V6 ในความเห็นส่วนตัว ผมมองว่า กระบะคันนี้ ไม่ได้มีดีที่เครื่องแรงเท่านั้น ท้ายสุดมันยังได้ ความสบายในการโดยสารไม่ว่าจาก น้ำหนักที่ถูกกระจายดีมากขึ้น ทำให้ อาการช่วงล่างค่อนข้างจะนุ่มนวล สำหรับ กระบะ ล้อขอบ 20 นิ้ว
หากทริปนี้ ก้ยังมีหลายอย่างที่เรายังตอบไม่ได้ โดยเฉพาะ เรื่องของ อัตราปะรหยัดน้ำมัน ไว้ในโอกาสหน้า เราจะมาทดลอง เรื่องอัตราประหยัดดูว่า มันจะ ซดน้ำมันสักเท่าไร