——————————————-
Honda CR-V 1.6 Diesel
เชื่อเลยว่า ตั้งแต่รู้ว่า Honda CR-V กำลังจะมาหลายคนน่าจะตื่นเต้น ด้วยข่าวคราวของเครื่องยนต์ดีเซล ที่จะถูกจับปรับมาลงในรถยนต์รุ่นนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่บ้านเราจะได้มีเครื่องยนต์ดีเซลเข้าประจำการ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในรอบ 33 ปี ของฮอนด้า ประเทศไทย จนผมอยากบอกกับคนที่ใช้ Honda CR-V ระวัง!! เด็กปั้มเติมผิด นะครับท่าน !!
การแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเข้าสู่ตลาด ค่อนข้างสร้างความแปลกใจให้หลายคน เนื่องจากบ้านใกล้เรือนเคียงเรา ไม่มีใครได้สัมผัส หรือมีเครื่องยนต์ดีเซลวางจำหน่าย ไม่ว่าจะในมาเลเซีย และออสเตรเลีย ต่างใช้เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบของ ฮอนด้าซีวิคใหม่ทั้งนั้น นั่นทำให้เราเป็นประเทศเดียวทางแถบนี้ที่มี CR-V Diesel เอ๊ะ!!! หรือคนไทยจะเป็นหนูลองยาของฮอนด้า .. นะ
แล้ว Honda CR-V Diesel เป็นอย่างไร ??
ขอย้อนความไปก่อนว่า นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ขับเจ้า Honda CR-V Diesel ครั้งแรกนั้นทางฮอนด้าเชิญไปร่วมทดสอบในสนาม ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ตอนนั้น ยอมรับว่า เราค่อนข้างสบประมาทเจ้าเครื่องยนต์ดีเซลของฮอนด้า เนื่องจากเครื่องยนต์มีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งและกำลังของมันไม่ได้มากมายนัก จนกระแทกคันเร่งมาหลังติดเบาะ
ใต้เรือนร่างเจ้ายักษ์คันโต ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบแถว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์จ่ายน้ำมันด้วยระบบคอมมอนเรล พร้อมระบบทวินเทอร์โบชาร์จ 2 จังหวะ ต่อพ่วงแบบอนุกรม ขนาดเครื่องยนต์ปริมาตรจริง 1,597 ซีซี ออกแบบกระบอกสูบและช่วงชัก 76.0X88.0 มม. ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์บล็อกนี้ไม่ใช่บล็อกใหม่ล่าสุดจากโรงงานฮอนด้า แต่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทางฝั่งยุโรป นอกจากเครื่องยนต์จะน่าสนใจแล้ว เจ้าขุมพลังดีเซลยังควงแขนมากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด จากผู้ผลิตชิ้นส่วน ZF Transmission มันเป็นชุดเกียร์เดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ยุโรปหลายรุ่น
จนไม่อาจจะหักห้ามใจไม่ให้มองรุ่นดีเซลเป็นตัวเลือกถ้ามอง Honda CR-V รุ่นใหม่ และคิดแบบคนธรรมดาทั่วไป เครื่องดีเซล น่าจะประหยัดมากกว่าเบนซินแน่นอน
ขึ้นขับ Honda CR-V Diesel กล่าวทักทายอีกครั้ง ด้วยเสียงเครื่องยนต์ดีเซล ที่ถือว่ายังค่อนข้างดัง เมื่อคุณอยู่นอกรถ แต่เมื่อขึ้นห้องโดยสารปิดประตูเสร็จสรรพ เสียงเครื่องยนต์จะเล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก ยามเครื่องเดินเบา 700 รอบต่อนาที
เมื่อขึ้นมาในเจ้าดีเซลหลายคนอาจจะงงสักนิดว่าเอ๊ะ คันเกียร์มันหายไปไหน..??? ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะ Honda CR-V Diesel เป็นรถรุ่นแรกของฮอนด้า ที่แนะนำระบบ “เกียร์ปุ่ม” มาให้ใช้ จนทำเอาผมนึกถึงครั้นวันวานสมัยเป็นนักศึกษา นั่งรถเมล์ยูโรทูไปเข้าเรียน เห็นคนขับ กดปุ่มไปมา ชีวิตมันจะสบายอะไรขนาดนั้น
การไร้คันเกียร์ทำให้ คอนโซลหน้าดูโล่งขึ้น รู้สึกถึงความกว้างสบายมากขึ้น รายละเอียดอื่นๆในห้องโดยสารส่วนใหญ่ ยังคล้ายกับ รุ่นเบนซิน ไม่ว่าจะลายไม้ และการตบแต่งเปียโนแบล็ค โดยเฉพาะระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส แอร์ออโต้ และ เบาะนั่ง ที่ทำออกมาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เว้นเพียงรุ่นดีเซลมี Paddle Shift มาให้ และมาตรวัดบนหน้าจอ TFT ที่เปลี่ยนไป ลดรอบเครื่องยนต์ลงมาจาก 6,500 รอบ ก่อนเข้าเส้นแดง ในรุ่น เบนซิน เหลือเพียง 4,500 รอบต่อนาที
แน่นอนว่า ชีวิตคนกว่าร้อยละ 99 ขับรถบนถนนมากกว่าในสนามแข่งรถ ผมกวาดพวงมาลัยออกจากฮอนด้า พร้อมน้ำมันเต็มถัง พร้อมตอบคำถามที่ทุกคนอยากรู้ เพื่อให้อัตราประหยัดถูกต้อง การทดสอบในเรื่องอัตราประหยัดทั้งหมด จึงใช้เงื่อนไขเดียวกับ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
***คือ ไม่ใช้ Econ Mode รวมถึงระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือ Idling Stop ที่มีมาให้ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
ผมออกเดินทางจากฮอนด้าผ่านถนนสุขุมวิท เพื่อไปออกยังแถวปิ่นเกล้ากลับบ้านที่บางใหญ่ การวิ่งผ่าเมืองด้วย Honda CR-V ให้ความสุนทรีย์ประเสริฐยิ่งด้วยการเก็บเสียงจากภายนอกที่ดีกว่าในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน อาจจะเพราะเครื่องยนต์ดีเซลมีเสียงในการทำงานค่อนข้างดังกว่า จึงต้องมีการบุผนังระหว่างห้องโดยสารและห้องเครื่องดีกว่ารุ่นเบนซิน แถมระบบเกียร์ 9 สปีด ของเครื่องยนต์ดีเซล เป็นชุดเกียร์ที่นิ่มนวลมาก การเปลี่ยนอัตราทดแต่ละเกียร์เป็นไปอย่างราบลื่นไร้รอยต่อในการทำงาน จนไม่รู้สึกในระหว่างการขับขี่เว้นจะฟังเสียงจากเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงเกียร์
ระหว่างขับในเมือง ก็คงเป็นปกติที่เราหลายคนจะมุดจะแทรกกันบ้างตามนิสัยคนไทย ผมแปลกใจใบางครั้งเมื่อเร่งเครื่องจะแทรก แล้วปรากฏว่า เหมือนเครื่องยนต์ไม่มีกำลังให้คุณพุ่งพรวดเข้าแทรกการจราจร ผมเจออาการนี้บ่อยมาก อาการที่คันเร่งเหยียบไปแล้วเครื่องไม่พุ่งรถเหมือนยังไม่ตื่นนอนจากการจอดนิ่ง
อาการนี้ไม่ได้มาจากเครื่องยนต์แต่มาจากชุดเกียร์ ที่ชอบคงอัตราทดที่เราใช้ล่าสุดไว้ และอัตราทดเกียร์ก็ช่างห่างมากในช่วง เกียร์ 1 – 2 – 3 เมื่อประกอบกับเครื่องยนต์ดีเซลจะตอบสนองได้ดี ต้องรอจังหวะเทอร์โบทำงาน เครื่องยนต์จึงไม่ตอบสนองต่อจังหวะการเร่ง เมื่อคุณจอดรถหยุดนิ่ง แต่สามารถแก้อาการนี้ได้เมื่อขับไหล แล้วกระแทกคันเร่งเข้าไปแทรก จะชิงจังหวะดีกว่า
ตารางแสดงอัตราทดเกียร์ Honda CR-V Diesel – ZF Transmission 9 spd
อัตราทดเกียร์ | |
เกียร์ 1 | 4.713 |
เกียร์ 2 | 2.842 |
เกียร์ 3 | 1.909 |
เกียร์ 4 | 1.382 |
เกียร์ 5 | 1.000 |
เกียร์ 6 | 0.808 |
เกียร์ 7 | 0.699 |
เกียร์ 8 | 0.580 |
เกียร์ 9 | 0.480 |
อัตราทดที่ห่างในช่วง 1-2-3 ชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสที่เครื่องยนต์ดีเซลจะซดน้ำมันเช่นกันในช่วงรถติด เนื่องจากเป็นช่วงอัตราทดเกียร์สูง หากขับเดี๋ยวออกตัวเดี่ยวเบรกบ่อย ก็คงน่าจะค่อนข้างซดน้ำมันพอสมควร
ผมจอดที่ปั้มเจ้าประจำเติมน้ำมันคืนถังดูอัตราประหยัดในเมืองหลังจากฝ่ารถติดมา ได้อัตราประหยัดอยู่ที่ 9.58 ก.ม./ลิตรในวันแรกที่รับรถมา
วันต่อมาจึงลองเอาเจ้าเครื่องยนต์ดีเซล ไปขับทดสอบในเมืองอีกครั้ง ลองดูอัตราประหยัดอีกที โดยครั้งนี้แตกต่างด้วยการใช้ระบบ Idling Stop แต่ยังคงไม่ใช้โหมด Econ ขับไปขับมาฝ่ารถติดจนได้ระยะทางที่ใกล้เคียงกัน วัดอัตราประหยัด ผมทำได้ 12.06 ก.ม./ลิตร หรือประหยัดขึ้นถึงร้อยละ 20.56 แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความทนร้อนแอร์ชืดๆในบางจังหวะ และความน่ารำคาญของการดับเครื่อง-สตาร์ทเครื่อง ถ้าทนได้ก็เปิดๆ ไปเถอะครับ
เท่าที่ผมลองจับระยะเวลาในการดับเครื่องดูที่อุณหภูมิภายนอก 31 องศาเซลเซียส ตั้งระบบปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จะดับอยู่ประมาณ 1 นาที แล้วจะสตาร์ทเครื่องยนต์กลับมาทำงานใหม่ นอกจากนี้เงื่อนไขการทำงานของระบบ Idling Stop คือ คุณต้องเหยียบเบรกแน่น อาจจะใช้ระบบ Brake Hold ช่วยในการทำงานก็ได้ แต่เมื่อทำงานแล้วถ้าคุณเผลอทำให้เครื่องติด ระบบจะไม่ดับอีกต่อเนื่องทันที
ถ้าไม่นับว่าระบบ Idling Stop มาช่วยในความประหยัด เครื่องดีเซลแลดูจะไม่ได้ประหยัดมากมายอย่างที่หลายคนคิดเอาไว้มากมายนัก
งานนี้เลยต้องลองพิสูจน์ด้วยการขับใน Bonn Test Mode ด้วยเงื่อนไขไม่ใช้ Idling Stop อีกครั้งในเส้นทางเดิม ช่วงเวลาเดิม ขับคนเดียวเหงาๆ เหมือนเคย จบกลับปั้มเดิมหัวจ่ายเดิม Honda CR-V
ระยะทางวันนี้วิ่งไปทั้งสิ้น 63.8 กิโลเมตร เติมน้ำมันคืนถังจนหัวจ่ายตัด ไม่ทำการเขย่ารถไป 3.822 ลิตร หรือเพียง 90 บาทเท่านั้น จนเด็กปั้มหันมาถามนี่พี่ไปไหนมา …..
ผมดีดเครื่องคิดเลขที่มือถืออย่างไว อยากรู้มันประหยัดเท่าไรกัน สรุปเจ้า Honda CR-V ดีเซล ทำอัตราประหยัด 16.69 ก.ม./ลิตร ได้ตัวเลขขนาดนี้ต้องบอกเลยครับว่า โคตรประหยัด!!!
การขับตามโหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดสอบความประหยัด แต่การใช้งานจริงนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหววันต่อมาผมชวนเดือนไปเที่ยวเขาใหญ่ เราออกเดินทางจากบ้านที่บางใหญ่ผ่านวงแหวนตะวันตก ก่อนไปตัดออกพหลโยธิน แล้วต่อเข้าเส้นมิตรภาพ ระหว่างทางผมใช้ความเร็วตามปกติ 120-130 ก.ม./ช.ม. อาจจะมากกว่าที่ตำรวจท่านอนุญาตในบางจังหวะ แต่ก็มั่นใจแล้วว่า ไม่มีกล้องเก็บภาพไปให้ฮอนด้าดูต่างหน้า
เมื่อขับนอกเมืองผมสังเกตว่าช่วงล่างของ Honda CR-V Diesel แข็งกว่ารุ่นเบนซินอีกหน่อย โดยเฉพาะช่วงล่างทางด้านหน้า จะสะท้านมากกว่า แต่ช่วงขึ้นลงคอสะพาน และใช้ความเร็วมันดูหนักแน่นได้อารมณ์รถยุโรป
ไม่น่าแปลกใจนักหรอก ถ้าคุณรู้ว่า Honda CR-V Diesel มีน้ำหนักตัวมากกว่ารุ่นเบนซินถึง 72 กิโลกรัม ( Honda CR-V 2.4 EL น้ำหนักตัวเปล่า 1,670 กก. , Honda CR-V Diesel 1.6 EL น้ำหนักตัวเปล่า 1,742 กก.) ทำให้รถดูมั่นใจมากขึ้น นิ่งขึ้นกว่ารุ่นเบนซิน
แต่เมื่อขับๆ ไป ผมอดสงสัยไม่ได้เราใช้เกียร์ตำแหน่งใดแล้ว ผมวิ่งอยู่ 120 ก.ม./ช.ม. กระดิกดูอัตราทดเกียร์ตอนนี้ใช้อยู่ที่ เกียร์ 8 ผมลองกระดิก Paddle Shift เพื่อต่อเกียร์ไปยังเกียร์ 9 แต่ชุดเกียร์ไม่ตอบสนอง ผมทำแบบนี้อยู่หลายรอบ จนมั่นใจว่าชุดเกียร์ ไม่ยอมให้ผมไป หมายความว่าเราขับได้เพียงเกียร์ 8 เท่านั้น ที่ความเร็วระดับนี้
จากข้อมูลที่แสดงบนหน้าปัด ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ผมใช้รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบต่อนาที โดยประมาณ ผมลองหาคำตอบว่า ต้องขับเร็วเท่าไร ถึงจะมีโอกาสใช้เกียร์ 9 ก็พบว่า คุณต้องใช้ความเร็ว 133 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป ชุดเกียร์ จึงจะเปลี่ยนเกียร์ 9 ให้ตามต้องการ แต่ก็ยังจะเปลี่ยนลงมาเกียร์ 8 อยู่ดีเมื่อความเร็วตก
อาการเกียร์แบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงการปั่นจักรยานเสือหมอบ ที่มีชุดเกียร์ทดเฟืองไว้มาก ให้ใช้ตามต้องการ โดยดูกำลังจากรอบขาเป็นหลัก ถ้าคุณเป็นพวกปั่นโหด คุณก็มีสิทธิได้ใช้เกียร์สูง อัตราทดต่ำได้ มาก เพื่อผ่อนแรงการปั่นของคุณ แต่ไปได้เร็วขึ้น ทว่ามันไม่ได้หมายความว่ามีเกียร์เยอะ แล้วต้องใช้ครบทุกเกียร์เสมอไป
การใช้เกียร์ไม่เต็มประสิทธิภาพของชุดเกียร์ทำให้ Honda CR-V Diesel ทำอัตราประหยัดได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก เนื่องจากความเร็วเดินทางมันใช้เกียร์ 8 แทนที่จะเป็นเกียร์ 9 ผมไปกลับ กรุงเทพฯ- นครราชสีมา ในระยะทาง 500 กิโลเมตร ทำอัตราประหยัดได้เพียง 13.72 ก.ม./ลิตร แม้ว่าบนหน้าปัด จะเหลือน้ำมันอีกกว่า 1 ใน 4 ของถัง แน่นอนเทียบกับเบนซินมันประหยัดกว่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิดนัก
สรุปอัตราประหยัด Honda CR-V ดีเซล
อัตราประหยัดในเมือง | 9.58 ก.ม./ลิตร (12.64 ก.ม./ลิตร ถ้าเปิด Idling Stop) |
อัตราประหยัด นอกเมือง | 13.72 ก.ม./ลิตร |
Bonn Test mode | 16.69 ก.ม./ลิตร |
เมื่อมันไม่ประหยัดกว่ากันมากนัก เห็นทีคงจะต้องมาดูเรื่องสมรรถนะอัตราเร่งของเครื่องยนต์เป็นสำคัญ และจากการทดสอบมันก็เร่งดีกว่าเครื่องเบนซิน เนื่องจากมีกำลังแรงบิดมากกว่า
หากตอนออกตัวคันเร่งตอบสนองช้ามีช่วงคิดในเสี้ยววินาที ก่อนออกตัว มันไม่ปรุ๊ดปร๊าด ทันใจเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น แถมอาการตอนออกตัวไปแล้วไม่ได้ความรู้สึกดึงกระชากหลังติดเบาะเหมือนรถสปอร์ต คุณจะไม่รู้สึกว่ามันเร็วจนกว่าจะเห็นตัวเลขจากสถิติอัตราเร่ง และคุณจะแปลกใจที่มันเร็วกว่า เครื่องเบนซิน 2.4 ในอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. 1 วินาที ส่วน 80-120 ก.ม./ช.ม. กลับช้ากว่าเล็กน้อย 0.2-0.3 วินาที
ตารางทดสอบอัตราเร่ง Honda CR-V ดีเซล
ครั้งที่ 1 | ครั้งที่ 2 | ครั้งที่ 3 | เฉลี่ย | |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ช.ม. | 11.355 | 11.103 | 11.141 | 11.2 |
อัตราเร่ง 80- 120 ก.ม./ช.ม. | 8.2 | 8.2 | 8.4 | 8.267 |
อัตราเร่ง 0- 160 ก.ม./ช.ม. | 33.0 | 33.0 | 34.0 | 33.13 |
ความเร็วสูงสุด ก.ม./ช.ม. | 196 |
หมายเหตุ :ทดสอบบนถนนลาดยาง นั่ง 1 คัน อุณหภูมิขณะทดสอบ 26 องศาเซลเซียส ขับด้วยโหมด D ระยะทางทดสอบความเร็วสูงสุด 3.5 กิโลเมตร
อ่านรีวิวต่อ >>>>>
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com