BMW X4 อาจไม่ใช่รถที่หลายคนชื่นชอบมากนัก มันเป็นรถทรงประหลาดผลผลิตของ BMW X6 พี่ใหญ่ที่ได้รับความนิยม และก่อนหน้านี้ค่ายตราพัดฟ้าคิดว่า คงดีถ้าจะย่อมันให้มีขนาดเหมาะขึ้น ราคาถูกลง พวกเขาคิดถูกแต่ก็เหมือนรถเจนแรกๆ หลายรุ่น พวกเขายังปาลูกดอกไม่ตรงเป้า
การเปิดตัว BMW X4 ใหม่ เมื่อ 3-4 ปี ก่อน สร้างกระแสฮือฮาให้ลูกค้าที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์ไม่น้อย ทางค่ายเมืองเบียร์คิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสดีที่เขาจะวางจำหน่ายรถที่มีความแตกต่างสร้างตลาดใหม่ให้โดนใจ ทันทีที่รถรุ่นนี้ลงหลายตลาดทั่วโลก รวมถึงเข้ามาขายในไทย พวกเขาคิดถูก คนชื่นชอบพวกมัน จนกลายเป็นว่ามันขายได้มากกว่าที่พวกเขาวางแผนเอาไว้
เมื่อปีกลาย (2018) BMW ประเทศไทย กลับมาอีกครั้ง ด้วยการเร่งแนะนำ BMW X4 ใหม่ออกสู่ประเทศไทย โดยวางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียว คือ Xdrive20d รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เท่านั้น เกมการตลาดยังคงเหมือนเดิม ด้วยการวางแผนให้รถมีความพิเศษ นำเข้าจากยุโรป 100% ไม่ได้ประกอบในไทยเหมือนหลายรุ่นในปัจจุบัน
อันที่จริงการเอาเจ้า BMW X4 กลายเป็นเรื่องขำขันในกองบรรณาธิการ Ridebuster.com สักหน่อย หลังจากงานการอันวุ่นวาย เทสคันนั้นขึ้นคันนี้ บินขึ้นเหนือ ลงใต้เป็นระวิง ไปงานทดสอบรถจนลืมไปว่า ถึงเวลาที่จะต้องขับเจ้าเยอรมันแล้ว
แม้ว่าตาราง Google Calendar จะลงไว้ทนโท่ ก็ยังลืมไปสนิทว่ามีนัดกับม้าศึกเยอรมันพาลเอาต้องรีบโทรไปเคลียร์กับทาง BMW ประเทศไทย เดี๋ยวจะงอนกันก่อนว่า ยืมไว้แล้วทำไมไม่ไปเอามาขับตามนัดหมาย
ในที่สุด วันต่อมา ผมเร่งตื่นเช้าเข้าเมืองไปรับ BMW X4 หลังจากปล่อยนอนเฝ้าลานจอดรถ 1 คืนเต็มๆ การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรถรุ่นนี้ตัวเป็นๆ หลังจากตอนเปิดตัวให้ทีมงานเข้าร่วมงานเผยโฉมในช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนจะเห็นในงานสดงรถยนต์ส่งท้ายปี แบบพอผ่านๆ ตา แต่พอมองในเส้นสายรายละเอียดอย่างใกล้ชิด ผมกลับเริ่มชอบมันมากกว่ารุ่นเดิมที่เคยขับในช่วงปลายปี 2016
การพัฒนา BMW X4 ใหม่ ทางค่ายตราพัดฟ้าให้น้ำหนักสำคัญใน 2-3 เรื่องใหญ่ และสร้างความแปลกใจกับตลาดทั่วโลกว่า รถรุ่นเก่าขายมาเพียง 4 ปีเท่านั้นก็เปลี่ยนรุ่นใหม่เสียแล้ว ทั้งที่ยังไม่น่าจะถึงเวลาอันควร เพิ่งออกมาขายได้ไม่นาน ยังไม่ได้เก่ามากถึงขนาดต้องเปลี่ยนรุ่นในความเป็นจริง
การตัดสินใจของค่ายตราพัดฟ้าในมุมหนึ่ง เป็นเหตุมาจากการพัฒนาโครงสร้างแพลทฟอร์มใหม่ CLAR Modular เสร็จสิ้นเมื่อปี 2015 และทางบริษัทต้องการแนะนำในรถยนต์ทุกรุ่นของบริษัท ตามแนวโน้มว่าตลาดทั่วโลกว่า รถยนต์ไฟฟ้า หรือระบบไฮบริดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำตลาดในอนาคต ดังนั้นถ้าเร่งแนะนำออกสู่ตลาดเร็วเท่าไรยิ่งดี
นั่นทำให้ ใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา นับตั้งแต่คลอด BMW Series 7 ใหม่ รถจากค่าย BMW มีการเปิดตัวใหม่แทบทุกซีรี่ย์ เพื่อหันมาใช้แพลทฟอร์มใหม่ โครงสร้างใหม่นี้มีการผสานการใช้องค์ประกอบของวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าเหล็ก, อลูมิเนียม , หรือ คาร์บอนไฟเบอร์ และยังพร้อมสำหรับการออกแบบเผื่อรถไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตด้วยมีพื้นที่สำหรับแบตเตอร์รี่ที่พื้นรถ
การเปลี่ยนแพลทฟอร์มใหม่ ไม่ใช่อย่างเดียวที่ค่ายตราพัดฟ้าตั้งใจจะพัฒนา BMW X4 ใหม่ แน่นอนขนาดมิติตัวรถที่ดูมีขนาดกำลังพอเหมาะพอดีในรุ่นที่แล้ว กลับถูกค่อนขอด และดูไม่สมความเป็นรถรหัส 4 ที่ควรจะมีความภูมิฐานสมราคาระดับ 4 ล้าน
ด้วยเหตุนี้รถรุ่นใหม่จึงมีการปรับขนาดตัวรถให้มีขนาดยาวขึ้นเป็น 4,752 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,621 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,864 มม. หรือเทียบกับรุ่นเดิมมันมีความยาวเพิ่มขึ้น +81 มม. กว้าง +37 มม. และเตี้ยลง 3 มม. มีระยะฐานล้อูยาวขึ้น 54 มม. จนอาจกล่าวได้ว่ารุ่นใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในทุกมิติ (ยกเว้นหลังคาที่เตี้ยลง)
ส่วนรูปลักษณ์กายภายนอกก็ปรับเปลี่ยนเช่นกัน จากเดิมที่ออกแบบให้ดูไม่แตกต่างจากความเป็นเก๋งมาก ใส่เสน่ห์ความเป็น Series 3 ให้ลุคสปอร์ตน่าใช้งาน ไม่ดูแข็งแกร่งมากเกินไปในแบบรถอเนกประสงค์ ที่มีมากมายเกลื่อนตลาดในวันนี้
การกลับมาในรุ่นใหม่ทางค่ายบาเรี่ยน เน้นการตอบโจทย์แบบเดิม เหยาะความหรูหราเข้าไปเพิ่มสักหน่อย เราจะเห็นได้ตั้งแต่การออกแบบกระจังหน้าใหม่ที่มีความกลมกลืนลงตัวขึ้น ด้วยกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ คล้ายๆ X5 มาพร้อมไฟหน้า LED ปรับเลี้ยวตามพวงมาลัย พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ,
ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้มีความยาว ดูสปอร์ตมากขึ้น ขนาดมิติตัวรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้มันดูสมส่วนมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการวาดแนวเส้นหลังคาทรงกึ่งคูเป้ที่ออกมาได้ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมพอสมควร จรดกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิว้ ให้ยาง Runflat ขนาด 245/50/R19 ทั้ง 4 ล้อ ติดตั้งชุดแต่ง M Sport เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตดูดี
ประตูท้ายให้ความสะดวกสบายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมความสามารถในการเปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ หรือระบบ Hand Free แต่ต้องพกกุญแจไว้กับตัว จึงจะใช้งานได้สะดวกโยธินเพียงเตะเข้าไปใต้กัน ลงตัวกับการออกแบบช่วงท้ายรถใหม่ งวดนี้มีความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยไฟท้าย LED ที่ออกแบบมาแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน จนเห็นท้ายรถก็จำได้ว่า นี่คือ X4 ไม่ต้องมานั่งขยิกหัวว่า BMW อะไรหว่า
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร BMW X4 แนะนำตัวเองด้วยระบบ Comfort Access ส่วนตัวกุญแจเอง ก็เป็น Display key มีหน้าจอบอกสถานะรถ รวมถึงใช้ในการเตรียมพร้อมก่อนการเดินทางได้บ้างเล็กน้อย เช่นเลือกเปิดแอร์เป็นต้น
เหลียวตามองภายใน เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบให้มีทรงสปอร์ต ปรับท่านั่งด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคู่ ฝั่งคนขับยังมีสามารถบันทึกท่านั่ง เผื่อสลับสับเปลี่ยนกับภรรยาหรือโชเฟอร์ ก็ทำได้ง่ายสะดวกขึ้น
ตัวเบาะนั่งทั้งหมด หุ้มด้วยหนัง Vernasca ความรู้สึกตัวหนังจะไม่เกาะติดเสื้อผ้าแบบ Nappa มันยังดูเป็นหนังมีราคาแต่ไม่ได้ทำให้ ตัวเบาะดูสปอร์ตเท่า ถ้าสังเกตไปยังรายละเอียดตัวหนัง จะพบว่ายังมีความหยาบอยู่บ้างสักหน่อย หรือ ถ้าพูดง่ายๆ คุณอยู่ตรงกลางระหว่างความหรูและสปอร์ต เมื่อสัมผัส
เบาะนั่งคู่หน้าที่จัดมาลงตัวองค์ประกอบ เมื่อลองไปสัมผัสเบาะหลัง ต้องยอมรับว่า ท่านั่งดีขึ้น จากเดิมที่นั่งแล้วเตี้ยลง จมลงไปกับพื้นในรุ่นเดิม จนหลายคนอาจจะไม่ชอบ รุ่นนี้ปรับมาเป็นท่านั่งปกติ เอนลงเล็กน้อย และมีพื้นที่วางขามากกว่าเดิม สบายขึ้น จากอานิสงค์ของการขยายมิติตัวถังและฐานล้อใหม่
ตัวเบาะยังคงทำให้สามารถปรับพับได้ 3 ส่วน ในอัตรา 40/20/40 เมื่อพับแล้ว พื้นที่กว้างมากพอคุณจะโยนจักรยานเสือหมอบไซส์ 50 /54 2 คัน เข้ามาได้ สบายมาก
ตรงหน้าคนขับให้มาตรวัดดิจิตอล ขนาด 12.3 นิ้ว การแสดงผลไม่ได้เน้นลูกเล่นอะไรมากมาย เป็นพิเศษ แต่หน้าจอจะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ที่คุณเลือกใช้ เช่น Comfort ,Sport หรือ Eco pro
หลังพวงมาลัยมีชุดแป้นเกียร์ ช่วยขยันเวลาต้องการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว บนพวงมาลัยมีชุดปุ่มควบคุมต่างๆ มาให้ ทางซ้ายเป็นระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control ฝั่งขวาควบคุมเครื่องเสียง ช้งานง่ายสะดวกดี
ส่วนตรงกลางคอนโซลหน้ามาพร้อมชุดจอขนาด 10.25 นิ้วใช้แสดงข้อมูล ต่างๆ รวมถึงระบบนำทาง และข้อมูลปัจจุบันในการใช้งานรถ สามารถเลือกผ่าน Controller ที่อยู่ตรงกลางข้างคันเกียร์ ส่วนตัวเครื่องเสียงสามารถเชื่อมต่อง่าย เล่น CD ก็ได้ ไปจนถึงมีออพชั่นเชื่อมต่อกับมือถือ ผ่าน BMW App
แถมคุณยังอาจจะมีความสุขกับการสั่งการด้วยท่าทาง BMW Gesture ลูกเล่นที่สามารถลากนิ้วทำท่าทาง ราวกับคุรเสกมนต์ แปลงตนเป็นแฮร์รี่พอตเตอร์ชั่วคราว จนถ้ารถคันข้างหันมาเห็น อาจจะคิดว่า คุณบ้าหรือเปล่าทำอะไรอยู่… 55
ความสามารถของระบบเครื่องเสียงมากมาย รวมถึงมีระบบนำทางในตัว ทั้งหมด ขับกล่อมผ่านชุดลำโพงแสนวิเศษจาก Harman Kardon เพิ่มความสุนทรีย์ในการเดินทาง
ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศ ที่สามารถปรับแยกอิสระอุณหภูมิได้ 3 โซน ตามต้องการ ซ้ายขวา และผู้โดยสารตอนหลัง แน่นอนมันยังมีฟังชั่นยิบย่อยน่าใช้ อย่างระบบชาร์จมือถือไร้สายในรถ เพียงวางมือถือไว้ระหว่างขับรถ คุณก็จะไม่มีคำว่าแบตฯหมด อีกต่อไป
ใต้ร่างเจ้าบึกพันธุ์สปอร์ต รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย BMW แนะนำ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า ทำแรงบิด 400 นิวตันเมตร ระนาบต่อเนื่อง 1,750-2,500 รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Step Tronic รวมถึงยังติดตั้งมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ X Drive ใช้ได้ทั้งลุย และยังเพิ่มความมั่นใจ ปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย
เทียบกับรถรุ่นเดิมที่เคยขับเมื่อ 3 ปี ก่อนหน้านี้ ผมกลับรู้สึกว่าเครื่องยนต์บล็อกใหม่ ดูมีการตอบสนองดีขึ้นเล็กน้อย เวลาเราเดินคันเร่ง แต่ในเวลานี้การขับขี่ในเมือง ขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทำให้มันมีความรู้สึกเทอะทะบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของความกว้างและยาว เทียบเท่ากับรถประเภท PPV 1 คัน
ความรู้สึกช่วงแรก โดยเฉพาะการพยายามออกจากลานจอดรถตึก All Season ดูเหมือนจะยากเย็นอยู่พอสมควร จากขนาดตัวรถ ยังดีเจ้ายักษ์คันโตเห็นแบบนี้ก็พริ้วเหมือนกัน ด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้า Variable Sport Steering ช่วยให้ง่ายในการหันเลี้ยวที่แคบ นั่นรวมถึงในถนนตรอกซอกซอย ขนาดของรถไม่ได้เป็นปัญหา จะมีต้องระวังบ้างก็มุมบอกฝั่งซ้าย ที่คุณอาจจะต้องใช้เวลาคุ้นชิน
น้ำหนักพวงมาลัยเซทมากำลังดีในโหมดคอมฟอร์ท อัตราทดก็ถือว่ากระชับ เมื่อรวมกับกำลังแรงบิด 400 นิวตันเมตร มันก็กลายเป็นรถขับง่ายเหมาะทั้งคุณผู้ชายผู้หญิง การซอกแซกในเมืองง่ายดายมาก ถึงจะใหญ่ แต่มีความคล่องตัวสูง และไม่ต้องกังวลว่ารถคันใหญ่ขับในเมืองจะซดแหลก เพราะเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้พกระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวมาด้วยแถมยังมีระบบเบรกชาร์จไฟ นำไปใช้ยามจำเป็นหรือ Brake Regenerative ทำให้คุณมีไฟฟ้าใชยามรถติด โดยไม่ต้องพึ่งการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้เจ้ายักษ์คันนี้ดับเครื่องยนต์ได้นานขึ้น ประหยัดขึ้น
แต่อาจด้วยการทดสอบเราเกิดขึ้นท่ามกลางอากาศร้อน ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์จึงทำงานไม่บ่อยนัก ทำให้ ขับในเมืองท่ามกลางสภาวะรถติดในการทดสอบจริงของเรา ในระยะทาง 92.7 ก.ม. เติมน้ำมันคืนถังไป 9.312 ลิตร อัตราประหยัดในเมืองจะอยู่ที่ 9.95 ก.ม./ลิตร เทียบกับขนาดรถ และสภาวะการจราจรผมว่าสมน้ำสมเนื้อ
การขับเจ้ายักษ์คันนี้ในเมือง เริ่มต้นด้วยความประทับใจ ผมไม่รอช้าที่จะจัดการพามันเดินทางไกลออกไปยังปลายทางเศรษฐีหลบร้อนจากวันทำงาน ที่หมายปลายทางวันนี้ เมืองพัทยา เราใช้เส้นทางปกติ ถนนมอเตอร์เวย์ตัดออกยังตรงด่านโป่ง เพื่ออกไปยังไปปลายทางสนามปั่นจักรยานตรงแถวเขาชีจันทร์
การเดินทางในเช้าวันนี้การจราจรไม่ติดขัดเราใช้ความเร็ว 80-90 ตัดเมืองหลวงที่หลับใหลในช่วงเช้าก่อนมาเลี้ยวซ้ายตรงถนนพระราม 9 แล้วขึ้นมอเตอร์เวยย์ยาวๆ ออกนอกเมือง
เมื่อขับทางไกล BMW X4 แสดงถึงความดีงามในการขับเดินทาง เทียบกับรุ่นเดิมแล้ว ช่วงล่างรุ่นใหม่เฟิร์มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการได้ล้ออัลลอยใหญ่ขึ้น แถมยังติดตั้งช่วงล่าง M Sport มาให้ครบเครื่องในระบบช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ Double Joint Spring Strut Axle ด้านหลังใช้แบบ Five Link บุคลิกช่วงล่างเจ้า X4 ออกแนวนุ่มหนึบเมื่อขับด้วยโหมดปกติ จังหวะผ่านคอสะพานหลังด่านช่วงลาดกระบัง ช่วงล่างซับแรงกระแทกถือว่าดีมาก อาการออกคล้ายรถอเนกประสงค์ทั่วๆไป แต่หนึบมั่นใจ และมั่นคงกว่ามาก โดยเฉพาะในจังหวะโดดคอสะพาน มันไม่รู้สึกว่าคุณกระดอนไปตามคอสะพานที่สูงชัน
เมื่อช่วงคอสะพานมากมายผ่านไป เราเริ่มใช้ความเร็วเป็น 120 ก.ม./ช.ม. และบางครั้งเผอเรอก็ยอมรับว่า ขับเร็วถึง 140 ก.ม./ช.ม. บ้างจังหวะ ส่วนหนึ่งช่วงล่างรถรุ่นนี้วางใจได้กอปกับอัตราทดเกียร์ต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานนุ่มเงียบ จนคุณลืมคิดไป ว่าอาจจะกำลังขับด้วยความเร็ว
ตลอดทางช่วงหลังจาก โอเอซิส (จุดพักรถ) เรื่อยมาผมใช้ความเร็วคงที่ล็อค Cruise Control ไปยาวๆ ตามการจราจรข้างหน้า ต้องยอมรับว่า ช่วงล่าง X 4 ออกแบบมานุ่มสบายขับมั่นใจ แม้คุณจะขับในโหมด Comfort รถก็จะไม่ถึงขนาดนิ่มจนย้วยไปเสียทีเดียว มันยังมั่นใจได้ในยามเข้าโค้งหรือใช้ความเร็ว เป็นที่พอใจสำหรับนักขับทั้งหลาย
และเมื่อพูดถึงการเดินทางไกล คุณคงจะน่าพอใจ เมื่อพบว่า เจ้าร่างใหญ่พิกัด 1.8 ตันคันนี้ สามารถให้ความประหยัด ได้ 13.5 ก.ม./ลิตร ผมถือว่ามันค่อนข้างประหยัดเอาเรื่องเช่นกัน
งัดข้อความสปอร์ต ลองดูสักหน่อย
พูดถึง BMW X4 ผมมั่นใจว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อมัน เพราะว่าชอบการออกแบบตัวรถ แต่คุณคงจะมองหาสมรรถนะในการขับขี่จากรถคันนี้ โดยเฉพาะการสวมบท M Sport ติดปลายนวมมาราคา 4 ล้านบาท
การให้คำว่า M Sport มีอะไรหลายอย่างที่ตามมาพร้อมกัน นอกจากชุดแต่งรอบคัน การตบแต่งภายใน คุณยังได้สมรรถนะจากช่วงล่าง M sport และ ล้อขอบ 19 นิ้ว ทั้งหมดครบมือซิ่งนักขับชอบ
อย่างเดียวที่ M Sport ไม่ได้ยุ่งยามในรถคันนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ แต่ผมมาเรียนรู้ว่านั่นพอเพียงต่อการใช้งาน หลังจากขับโหมด Comfort มายาวนาน ขากลับจากพัทยาเลยว่าจะลองความสามารถเข้ายักษ์คันนี้
คงไม่บ่อยนักที่คุณคิดจะถามว่า รถราคา 4 ล้าน มีสมรรถนะมากแค่ไหน
เราจะได้รู้ไม่กี่อึดใจ หลังจากเข้าสู่โหมด Sport โหมดนี้หน้าตาหน้าปัดจะเปลี่ยนไป ตัวเลขความเร็วจะไม่ถี่เหมือนเดิม มันเปลี่ยนเป็นบอกทุก 50 ก.ม./ช.ม. และด้านขวา เลขรอบเครื่องยนต์ รวมถึงตัวบอกตำแหน่งเกียร์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
เสียงท่อดูดุดันขึ้นเล็กน้อย การเหยียบแป้นตอบสนองคันเร่งดีขึ้นอีกนิดหน่อยจนมากพอจะรู้สึกได้ ชุดเกียร์ลากรอบมากขึ้นไม่รีบขึ้นเกียร์ถัดไป และหลายครั้งจะแช่เกียร์ที่เราใช้ เพื่อรอรีดรอบต่อเนื่องยาวๆ รวมถึงใช้แรงดึงเครื่องยนต์ช่วยในการชะลอความเร็ว
สำหรับใครที่ไม่เคยขับรถสปอร์ตมาก่อน จะพบว่า พวงมาลัยเจ้าบึก 4 ล้านคันนี้ คมมาก จนอาจขับแล้วรู้สึกเกร็ง เมื่อเข้าโหมดสปอร์ต กระดิกมือนิดเดียวทิศก็เปลี่ยนไปง่ายโดยพลัน ส่วนหนึ่งมาจากการเซทระบบ Variable Sport Steering ทำให้ชุดพวงมาลัยไฟฟ้าคมขึ้นมากเมื่อเข้าสู่โหมดสปอร์ต
มันคมมากจนถึงขนาดคุณสามารถมุดเจ้ายัก ขนาด 4.7 เมตร ไปท่ามกลางการจราจร โดยไม่รู้สึกว่ารถคันนี้ดูใหญ่เทอะทะ อุ้ยอ้ายและไม่คล่องตัว แต่ก็ต้องระวังบางจังหวะ เช่นการเบรกกะทันหันอย่างรุนแรง รถพร้อมจะออกอาการ Over Steer บ่อยครั้ง รวมถึงพวงมาลัยที่ประเสริฐของมันบ้างอาจจะเป็นความน่ารำคาญใจ วอกแวกไม่ได้!! แถมคุณอาจจะพบว่า บางครั้งระบบความปลอดภัยกลายเป็นสร้างความน่ารำคาญ เช่น ระบบเตือนแรงดันลมยาง ทำอารมณ์ซิ่งหมดสนุก เตือนลมอ่อนอย่างไร้สาระ
ส่วนอัตราเร่งเจ้าดีเซลพร้อมซิ่งคันนี้จะอยู่ที่เฉลี่ย 9.0 วินาที เมื่อใช้งานในประเทศไทย และรวดเร็วทันใจ เมื่อเร่งแซง ด้วยอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 6.0 วินาที น่าเสียดายความเร็วปลายมันไม่ได้เยอะมากนักในระยะทางตรง 3 กิโลเมตร คุณพอจะเห็นตัวเลข 205 ก.ม./ช.ม. แต่สเป็คจากทางเยอรมันเคลมว่า คุณสามารถกดสุดๆ ได้ 213 ก.ม./ช.ม. ซึ่งอาจแตกต่างด้วยความเย็นของอากาศบ้านเขากับบ้านเรา ทำให้เราได้เห็นตัวเลขความเร็วดังกล่าว
ผมอดนึกถึงรถ X4 ในเวอร์ชั่น M40i ไม่ได้ หลังจากขับในโหมด Sport ในเจ้ายักษ์คันนี้มันยังจับใจคนชอบซิ่งได้ขนาดนี้ ถ้าได้ เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 260 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร มันจะเร้าใจสักแค่ไหนกัน
แต่เอาตามตรง ถ้าขับปกติซิ่งบ้างนิดหน่อย โหมด Comfort ก็ยังไหว เว้นแต่ว่า มีเพื่อนมาทักทายขอท้าซิ่ง เมื่อนั้นแหละ คือเวลาที่คุณต้องโชว์กึ๋นว่า X4 เราไม่ได้แค่หล่อ เรายังซิ่งได้เหมือนกันนะ
สรุป BMW X4 Xdrive 20d เพื่อนน่าคบ..ถ้างบถึง
ในชีวิตนี้ผมเชื่อว่า เราคงจะหารถที่เพอร์เฟค ได้ไม่กี่คันในตลาด บางคันกว่าจะเจอก็อาจจะเรียกว่าถูกจริต แต่ไม่เหมาะกับวัยไปเสียแล้วก็หลายครั้ง
อาชีพการเป็นนักทดสอบรีวิวรถมีข้อดีอยู่ประการ คือการค้นหารถที่ตัวเองชอบจนเจอ เราหลายคนมักคิดว่ารถที่เหมาะกับเราต้องเป็นรถสปอร์ตที่เคยอยากได้ในวัยเด็ก ขับไปแล้วสาวกรี๊ค เพื่อนอยากนั่ง แต่เอาจริงๆ มันอาจไม่ถูกกับจริตการใช้งานในชีวิตจริงของเราเลยด้วยซ้ำ ก็เห็นบ่อยไป
ความเป็นจริงคือ รถที่เหมาะกับเราแต่ละคนแตกต่างกันไป สำหรับผม ว่ากันตามตรง มันต้องเป็นรถขับสนุก ดีไซน์สวย ประหยัดน้ำมันและใช้สอยได้ครบครัน ในความเป็นจริงแล้วอาจจะมีไม่กี่คันที่ตรงตามโจทย์ที่ว่านี้
รถที่ดีไซน์สวยงาม ก็มักจะบกพร่องในเรื่องอื่น เช่นความอรรถประโยชน์ หรือฟังชั่นใช้งาน ส่วนรถขับดี หลายครั้งเราก็พบว่ามันอาจไม่ใช่รถที่ถูกจริตเหมาะใช้งานทุกวัน เป็นรถที่นานๆคุณควรขับออกจากบ้านไปเฉิดฉายบนถนน ในวันจำเป็นเท่านั้น
สำหรับผม BMW X4 xdrive20d กลายเป็นรถที่ถูกที่ควรซื้อไว้ในบ้าน ถ้าคุณเป็นเศรษฐีนักขับตัวยง ต้องการรถที่พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์การเดินทาง ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง จะนั่งตอนหลังให้คนขับหรือ คุณจะขึ้นควบเองในยามต้องการ ซิ่งได้บ้างพอหอมปากหอมคอ แถมยังไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันโหด หรือบำรุงมาก เมื่อใช้ไปนานๆ จากการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
มันสง่างามเมื่อไปจอดในงานพรมแดง พร้อมสรรพเรื่องชีวิตวันว่างหรือใช้ในการกิจครอบครัว แถมยังลุยได้นิดหน่อยด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระยะสูงจากพื้น 204 มม. และ มุมไต่-มุมจากที่ดีไม่แพ้ น้องๆ รถขับเคลื่อนสี่ล้อสายลุย เพียงแต่การใส่ล้อ 19 นิ้วเข้าไปลุย คงจะไม่เหมาะนักในความเป็นจริง
ถามตรงๆ ว่า สรรพคุณทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผมว่าเข้าขั้น “สมบูรณ์แบบ” กับความเป็นจริงของใครหลายคน ที่อาจจะไม่ได้ต้องการมีรถจำนวนมากในโรงรถที่บ้าน แต่ต้องการรถคันเดียวที่เป็นดั่งเพื่อนคู่คิดยามเดินทาง พร้อมทุกสถานการณ์ และบทบาท ของการใช้รถ
ราคา 3.99 ล้านบาทในรถคันนี้ ไม่ได้แพงมากนักกับความครบครันประดุจมีกองทัพสวิสในรถอเนกประสงค์คันนี้ ผมไม่ได้รวยอย่างชาวบ้านหรือผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ แต่หลังจากขับรถคันนี้ 4-5 วัน ผมว่ามันเป็นรถที่ลงตัวกับทุกบทบาทในชีวิตที่คุณคิดออก เป็นรถที่ดูดีเมื่อต้องเกี้ยวสาว , ขับซิ่งได้เมื่อต้องเร่งไปประชุม พร้อมลุย เมื่อต้องเดินทางเข้าไซท์งานทุรกันดาร ผมคิดไม่ออกว่าจะมีแง่มุมไหนที่รถคันนี้ตอบโจทย์ไม่ได้
อย่างไรก็ดี รถคันนี้คือรถที่เหมาะใช้งานทั่วไปกลางๆ ครบครันเพอร์เฟค แต่ก็เหมือน “เป็ด” ที่ไม่ได้ดีไปสักอย่างแบบสุดโต่ง เจ๋งไปสักด้านหนึ่ง
เครื่องมันก็ไม่ได้แรงสุดขั้ว ความเป็นอเนกประสงค์ก็ไม่ได้สุดขีด มุมที่เป็นเก๋งยกสูงก็อาจจะไม่ได้รับคำชมว่าสวยดี หรือสปอร์ตเต็มปาก เช่นเดียวกับเรื่องลุย พร้อม แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดพร้อมบุกป่าฝ่าดงแบบหัวหมู่ทะลวงฟัน
ถ้าคุณรับได้ ผมว่าเจ้า X4 ก็เป็นคู่คิดที่ดีคันหนึ่ง แถมคุณยังได้รถดีกรีนำเข้าจากเยอรมันแท้ๆ พร้อมของแต่ง M Sport มาประดับบารมีด้วย ซึ่งนับวันยิ่งหายาก มันคุ้มค่าจะเสียเงิน
ผมลงจาก BMW X4 ครั้งสุดท้าย พร้อมตั้งคำถามสั้นๆว่า เป็นเราจะซื้อไหม
ผมในฐานะคนชอบขับรถ รักการขับรถเป็นชีวิตจิตใจ และเรามีหลายอิริยาบถในชีวิต ผมชอบพวกรถอเนกประสงค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่รถอเนกประสงค์ในวันนี้ก็มีความน่าเบื่อในตัวพวกมันเอง พวกมันดูถึกเกินไป และไม่สปอร์ต ฟังชั่นดี หากก็ไม่ใช่รถที่ขับสนุก
ถ้าคุณคิดว่าส่วนผสมความสปอร์ตจะไปกับรถอเนกประสงค์ไม่ได้ ผมแนะนำให้หาโอกาสลองสัมผัส BMW X4 สักครั้ง แล้วจะพบว่า ความลงตัวบรรจบอย่างสมบูรณ์แบบก็เป็นไปได้ ในคันเดียว
จนมาทำให้ผมนึกเพลง คนมีเสน่ห์ของพี่ป้างขึ้นมาจับใจ
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
[ngg src=”galleries” ids=”1123″ display=”basic_thumbnail”]