ในบรรดารถยนต์ครอสโอเวอร์ที่นิยมในไทย เชื่อเลยว่าในตัวเลือกของหลายคนคงต้องมอง Honda HR-V กันบ้างไม่มากก็น้อย สไตล์สวยเก๋ เสน่ห์ลงตัวทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากบรรดาคนที่เบื่อเก๋งคันเก่า หรือต้องการรถคันใหม่สำหรับเริ่มต้นครอบครัว
ความต้องการรถอเนกประสงค์ที่ทวีความต้องการขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกมการแข่งขันรถกลุ่มนี้ดุเดือด ยิ่งคู่แข่งจัดการส่งรถรุ่นใหม่ออกมาเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ฮอนด้าได้เวลาปรับกระบวนท่าให้โดนใจมากขึ้น แม้จะครอใจผู้บริโภคมายาวนาน
Honda HR-V ใหม่เปลี่ยนตัวจนการออกแบบจากรุ่นเดิมไปอย่างสิ้นเชิงมุ่งสู่ความสปอร์ตสมภาพลักษณ์ความหรูหรามากกว่ารุ่มเดิม หยิบเอาสไตล์ฮอนด้าแอคคอร์ดมาใช้โดยเฉพาะในรุ่นที่เรานำมาทดสอบในวันนี้ “RS” เพชรยอดมงกุฏของไลน์อัพมาพร้อมการให้กระจังหน้าโครเมี่ยมรมดำ ไฟหน้า LED ตลอดจนยังติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่ บางคนอาจว่าลายเก่าสวยกว่าก็ตามแต่ความชอบ
ในงวดนี้ยางถูกเปลี่ยนใหม่หันมาใช้ยางรุ่นล่าสุด Yokohama dB E70 เน้นความนุ่มเงียบบรรจบลงตัวในความสปอร์ต คลุกเคล้าเข้ากัน ส่วนชายล่างตัวรถเองมาพร้อม ลิ้นกันชนหน้าหลัง และสเกิร์ตข้างใหม่ดูสปอร์ตเข้าเค้ามากขึ้น
ช่วงบั้นท้ายเปลี่ยนการออกแบบฝาท้ายใหม่ มีเส้นเอวคมขึ้น (ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้) ไฟท้ายใหม่ดูรมดำสปอร์ตขึ้น รุ่นท๊อปคงความเป็นไฟ Tube พิมพ์นิยมงามหยดครบองค์ประชุม
เหยียบเข้ามาในห้องโดยสารการตบแต่งภายในยังคงเป็นสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ ฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า ฝั่งคนนั่งปรับด้วยมือตามอัธยาศัยตามต้องการ
ตั้งแต่เทสกลุ่ม ทางฮอนด้าพยายามโฆษณาถึงเบาะนั่งใหม่สบายและครบเครื่องมากขึ้นเรื่องการเดินทาง ค้นพบว่าช่วงสะโพกเสริมกระชับมากขึ้น จัดการทำให้เวลานั่งชิดกับพนักพิงหลังยิ่งขึ้น ช่วยให้ขับทางไกลสบายขึ้นและไม่เหนื่อยเกินไป
ในส่วนเบาะหลังยังคงฟังชั่นไว้ครบเครื่อง ด้วยเบาะนั่งไม่ปิดทึบทางด้านล่างและชุดเบาะสามารถปรับพับได้อัตรา 60/40 ช่วยให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะครอบครัวที่ชอบขนของไปเที่ยวนั่นนี่หรือซื้อของเข้าบ้านเรียกว่า ถ้าไม่ซื้อของชิ้นใหญ่จริงๆ ก็จัดแจงปรับฟังชั่นในรถใช้งานได้หลายหลากตามความต้องการจะจุของสูง ยาว หรือ พับหมดขนทุกอย่างก็ได้
แน่นอนออพชั่นขับขี่ก็ยังครบเครื่องด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบเบรกหยุดต่อเนื่อง เมื่อไม่แตะแป้น หรือ Brake Hold หลังพวงมาลัยมี Paddle Shift มาให้ใช้กระดิกนิ้วมือ พร้อมระบบ Cruise Control ตอบโจทย์
หน้าปัดเรือนไมล์ไม่เปลี่ยนแปลง ยังน่ารำคาญหน้าปัดสะกดจิต มีลวดลายนัยน์ตาแบบ The Eye ที่บ่นมาตั้งแต่รุ่นแรกและยังมีให้ในรุ่นนี้ ส่วนใครชอบรถเด่นมีสไตล์เป็นของตัวเอง รถคันนี้ก็มีหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่และยาวถึงผู้โดยสารตอนหลังแต่เปิดรับลมได้เฉพาะบานหน้ามาให้ เรียกว่า ตอบครบครันในการใช้งานที่หลากหลาย
ระบบเครื่องเสียงเองก็มาพร้อมการรองรับการเชื่อมต่อครบครัน แต่เหมือนจะขาดระบบนำทางมาให้ใช้งาน ทั้งที่เป็นรถใช้เดินทางไกล ควรจะมีมาให้เลยก็ดี
ด้านต้นกำลังการขับขี่ ฮอนด้ายังไม่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 4สูบที่ใช้มายาวนาน เก๋าเกมด้วยความสามารถใช้ E85 ให้กำลัง 140 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตร จับมือกับคู่หูเกียร์ CVT ตอบเรื่องการขับสนุกเร้าใจมาตั้งแต่รุ่นที่แล้วงวดนี้ก็ยังคงสไตล์เดิม แต่รู้สึกลดความห้าวลงบ้างนิดหน่อย เร่งแล้วรู้สึกไม่จี๊ดเท่าเดิมแต่เหมือนได้ความประหยัดมากขึ้นด้วยในระดับหนึ่ง
ขับวนไปมาในเมือง ฝ่าการจราจรรถติดจริงชีวิตคนเมืองท่ามกลางป่าคอนกรีตขับไป 110.4 ก.ม. เติมน้ำมันไป 8.91 ลิตร จบอัตราประหยัดที่ 12.38 ก.ม./ลิตร ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
วันต่อมา คว้ากุญแจเดินทางนอกเมือง Honda HR-V RS เริ่มอวดศักยภาพให้ประจักษ์มากขึ้น อันที่จริง ตั้งแต่ไปทดสอบกลุ่ม , ไปร่วมทำบุญกับฮอนด้า โดยใช้ Honda HR-V RS นึกมาเสมอว่า ช่วงล่างรถรุ่นนี้ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก
ผมสัมผัสได้ว่าบุคลิกการขับขี่เหมือนจะแบ่งเป็น 2 ระดับ เมื่อขับด้วยความเร็วไม่เกิน 100 ก.ม./ช.ม. สัมผัสจะเป็นความนุ่มเงียบนิ่งนั่งสบาย จนคนในรถพล้อยหลับไปได้ง่ายๆ
แต่เมื่อคุณใช้ความเร็วเกินกว่านั้นบุคลิกจะเปลี่ยนไปเป็นสไตล์สปอร์ต ช่วงล่างเหมือนแข็งขึ้นสักหน่อย การยุบตัวของรถหนึบขึ้นพอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจผ่านพวงมาลัย ยิ่งช่วงคอสะพาน ถนนต่างระดับ หรือกระทั่งรอบต่อระหว่างถนนก่อสร้างกับถนนปกติ ช่วงล่างดูตอบสนองดีกว่าเดิมเยอะมาก ไม่กระด้างหรือโยนเหมือนเดิม ยิ่งช่วงฝนตกน้ำขังตามถนนประปราย การขับผ่านน้ำมั่นคงไม่มีอาการเซหรือเป๋ให้เห็นเลย จนสมควรออกปากชมอย่างยิ่ง
ทว่าตั้งแต่ตอนทดสอบกลุ่มฮอนด้า บอกกับผู้สื่อข่าวที่ไถ่ถามว่าปรับช่วงล่างมาหรือเปล่า เราได้คำตอบว่า รถไม่ได้มีการปรับช่วงล่างใดๆ เพิ่มจากรุ่นเดิม ทั้งที่หลายคนก็พอจะรู้สึกได้ว่ามันขับดีขึ้นอย่างชัดเจนทำให้เราต้องเงียบคำชมไว้ เพราะก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าปรับหรือเปล่า รุ่นเก่าก็ขับมานานโข จนเราอาจจะลืมแถมยังต้องสลับขับเปลี่ยนกันหลายมือ ทำให้เราอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้
ด้วยการทดสอบเดี่ยวไม่ต้องพลัดมือกับสื่ออื่น ผมขับตามสไตล์ของตัวเองแล้วมั่นใจมากๆ ว่า ฮอนด้าต้องเปลี่ยนช่วงล่างแน่ รถขับดีขึ้นจริง ผมยังพอรำลึกได้ว่า Honda HR-V เดิมทีแข็งกระด้างตึงตังนั่งไม่สบายนัก ราวกับเนรมิตฮอนด้าแจ๊สยกสูง แต่ใจในก็คิดหรือว่ามันเปลี่ยนเฉพาะ RS หรือเปล่า
เนื่องจากในญี่ปุ่น Honda Vezel (Honda HR-V) ในเกรด RS มีการปรับจูนช่วงล่างใหม่เปลี่ยน โช๊คอัพ , สปริง และเหล็กกันโคลง เพื่อตอบสนองการใช้งานดีขึ้น รวมถึงยังมีการปรับจูนเกียร์ให้ขับขี่สนุกสนานขึ้นในโหมด S ทั้งในแง่การเร่งและการตอบสนองช่วยทอนเกียร์ระหว่างการขับขี่
เพื่อหาความจริงว่ามีการเปลี่ยนช่วงล่างตามที่คิดหรือไม่ จึงตัดสินใจแวะไปสอบข้อมูลทางด้านอะไหล่จากโชว์รูมฮอนด้า พบว่า ชุดโช๊คและสปริง ระหว่างตัว RS และตัวปกติ (รุ่น E- EL) แตกต่างกัน (ใช้อะไหล่คนละตัวกันเลย)
โดยถ้ารถตัวปกติปี 2016 กับ 2018 จะใช้ช่วงล่างเดียวกัน แต่ในรุ่น RS ใช้โช๊คและสปริงต่างออกไป ผมอาจไม่ได้ไถ่ถามถึงชุดกันโคลงหน้า แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า น่าจะเปลี่ยนไปด้วย เหมือนเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ออกมาในปี 2014 (2014- 2017 รุ่นเดียวกัน) , Honda HR-V 2018 ใหม่ ทุกรุ่นยังมีการลดระดับความสูงจากใต้ท้องถึงพื้นลง 15 มม. จาก 185 เหลือเพียง 170 มม. ทำให้ศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง และส่งผลต่อการขับขี่ในภาพรวม อาทิเข้าโค้งด้วยความเร็ว ,การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูง รวมถึงความนิ่งเมื่อขับด้วยความเร็ว
และเมื่อรวมกับโช๊คและสปริงใหม่ (เฉพาะรุ่น RS) ตลอดจนยางใหม่ yokohama e70 จึงสรุปได้ว่า
ในรุ่น RS เป็นรุ่นเดียวในไลน์อัพ ที่มีการปรับเซทช่วงล่างใหม่ คล้ายกับที่นำเสนอในญี่ปุ่น (แต่ไม่แน่ใจว่าเซทมาเหมือนกันเลยหรือไม่) เพื่อทำให้รถขับมั่นใจมากขึ้น ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งขับนุ่มสบายหรือสปอร์ตห้าวเป้ง เรื่องนี้สัมผัสได้ทุกครั้งที่ขับขี่ จะพบว่า Honda HR-V RS ขับนุ่มสบายเรื่อยๆ ก็ได้ หรือขับเอาสนุกได้อารมณ์สปอร์ตก็เข้าที กลายเป็นรถที่ครบเครื่องขึ้นในความรู้สึกการขับขี่
ส่วนในเรื่องการเดินทางไกล ครอสโอเวอร์คันนี้ก็ยังตอบเรื่องความประหยัดได้ดีด้วยอัตราประหยัดบนหน้าปัดเปิดเผยตัวเลข 14.8 ก.ม./ลิตร เมื่อคุณเดินทางใช้ความเร็ว 110-140 ก.ม./ช.ม. แต่ถ้าหาอัตราประหยัดในแบบ Ridebuster ก็ตกที่ 12.44 ก.ม./ลิตร จากน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95
สรุป Honda HR-V RS ครบเครื่องเหมือนญี่ปุ่น
การได้รู้ความจริงเรื่องช่วงล่างที่ปรับเปลี่ยนใหม่ มันทำให้ผมรู้สึกว่าฮอนด้าใส่ใจกับการความพยายามในการเป็น RS มากขึ้น มันไม่ใช่เพียงการแต่งหล่อ ปรับเบาะอย่างที่เข้าใจ และคุ้มค่า พอที่จะบอกว่ามีกำลังก็ซื้อๆ ไปเถอะ พวกเขาทำให้รถตอบสนองในการใช้งานด้วยทั้งการโดยสาร หรือฆ่าเวลาบนถนนด้วยความสนุกหลังพวงมาลัยก็ได้
จากทั้งหมด สรุปได้เลยว่า Honda HR-V RS (เฉพาะรุ่นนี้) น่าจะเป็นรุ่นที่ออพชั่นครบเครื่องเหมือนจบตรงเหมือนในญี่ปุ่น
จะขาดก็เพียงภายในทูโทน ล้ออัลลอยคนละลาย (ของญี่ปุ่นสวยกว่า) และระบบ Honda Sensing ซึ่งยังไม่มีมาให้ ทั้งที่คู่แข่งมีมาให้แล้วแถมเรารู้สึกว่าระบบ Honda Lane Watch ยังใช้งานได้ไม่ดีนักในช่วงแสงน้อย สู้เป็นพวก blind spot monitoring น่าจะดีกว่าหรือเปล่า …
แน่นอนเรื่องการฟังชั่นการใช้งานนั้นไม่ได้ต่างจากเดิม ด้วยความดีความชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งการโดยสารและความอรรถประโยชน์ในการใช้งาน แต่การออกแบบที่สปอร์ตขึ้น ผนวกการขับขี่ที่ดีขึ้น ยิ่งทำให้รถสมบูรณมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม
Honda HR-V RS ทำให้เราประทับใจในเจ้ารถพิมพ์นิยมอเนกประสงค์เล็กมากขึ้น ขับในเมืองก็ได้ ขับต่างจังหวัดก็สบายดี รูปร่างหน้าตาใหม่ที่ปรับเปลี่ยนให้ตามต้นฉบับของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นรถที่ครบครัน มันแจ๋วขึ้นในเรื่องการใช้งาน ดังนั้นแล้วใครที่กำลังมองหารถเอนกประสงค์ขนาดเล็กอยู่ ก็อย่ามองข้ามคันนี้ มีกำลังจัด RS เพราะของดีอยู่ข้างใน ในราคาคุ้มกว่าเดิม
เรื่องและขับทดสอบ โดย พิมพ์เดือน สิทธิฤทธิ์ และณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโต้ โมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เอื้อเฟื้อ รถทดสอบ HondaHR-V RS มาให้ทดสอบ
[ngg src=”galleries” ids=”796″ display=”basic_thumbnail”]