บ่อยครั้งที่การเปิดรถยนต์ใหม่สักรุ่นจะทำให้คนสนใจรถยนต์รุ่นเก่าที่มีอยู่ในบริษัทและวางขายมานานแล้วสักระยะ เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นมากมาย รถใหม่ใช่ว่าจะไม่ดี แต่บางคนอาจจะมีจริงไม่ถูกกับรถรุ่นใหม่ พวกมันอาจจะด้อยกว่าหรือไม่ตรงใจ ด้วยเรื่องราวประการใดจนลูกค้าเริ่มหันมองรถรุ่นเดิมที่ทำตลาดมานาน จนกลายเป็นดันยอดขายรถรุ่นเก่าเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่เปิดตัว MG ZS ออกมา หลายคนให้ความสนใจเจ้าอเนกประสงค์เล็กรุ่นใหม่ที่พกระบบเชื่อมต่อติดตัวออกมาด้วย ความล้ำสมัยของเทคโนโลยีนับว่าเป็นจุดเด่นของ MG ZS ใหม่ แต่เมื่อมองสมรรถนะในการขับขี่ หลายคนกลับตั้งข้อกังขาของเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ไม่ควรจะเห็นแล้วในยุคนี้ หลายคนบ่นถึงกำลังเครื่องยนต์ที่ยังน้อยเกินไป เมื่อคิดว่าจะต้องนั่งเต็ม 4 คน ใช้เดินทางประจำ จนทำให้ MG GS เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ เริ่มก้าวเข้ามาอยู่ในสายตาใครหลายคน
ตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อช่วงปีกลาย MG GS 1.5 เทอร์โบ เป็นรถที่หลายคนดูจะมองข้ามมันไป อาจจะด้วยความคุ้นเคยกับ MG GS ตัวพี่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ พร้อมวลี “อัตราเร่ง 0-100 ใน 8 วินาที” พร้อมความว้าวจนต้องอ้าปากค้างฝันหงานอยากเป็นเจ้าของ ด้วยกำลัง 218 แรงม้า ที่สามารถจับจองได้ในราคาล้านกว่าบาทเท่านั้น
ความแรงขนาดนี้เชื่อว่าหลายคนสนใจ แต่เมื่อมีการพูดถึงอัตราประหยัดระดับเลขตัวเดียวจากหลายๆ รีวิวตามสื่อ ที่ออกมา ในภายหลัง ทำเอาหลายคนเริ่มตั้งสติคิดใหม่ ว่ารถอเนกประสงค์ใช้งานเดินทางบ่อย ถ้าจะซดโหดขนาดนี้ดูจะโดนศรีภรรยา แปลงร่างเป็นสิงหาสับแน่ ๆ ทำเอา MG GS 2.0 เทอร์โบ เป็นรถที่คนใช้ต้องรักจริง มีจำนวนไม่เยอะบนถนน หากมองกลับกันกับฟังชั่นต่างที่มีในรถคันนี้ก็เรียกว่าไม่เป็นสองรองใครในตลาดเช่นกัน
ออพชั่นที่ดีขาดเพียงเครื่องยนต์ที่สมควรจะมีสมดุลระหว่างความแรงและความเป็นจริงในการใช้งาน ทาง MG จึงเข็ญ MG GS เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทอร์โบออกสู่ตลาด และกลายเป็นรถยนต์อเนกประสงค์เครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นเดียวในตลาดคอมแพ็คในเวลานี้
เรือนร่างภายนอกเห็นแบบนี้มองเผินก็ดูไม่แตกต่าง ไม่ว่าจะรายละเอียดการออกแบบที่ดูมาในสไตล์คล้ายทางทีมออกแบบ ได้ไอเดียแรงบันดาลใจจากตัวละครเกม Angry Bird ตอนออกแบบตัวรถ ด้วยดวงตาที่โฉบเฉี่ยวให้โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์จากโรงงาน ตัวรถที่ดูป่องพองลมบึกบึนมากกว่าเพื่อนๆ ร่วมคลาส รวมถึงยังคงความทันสมัยด้วยไฟท้าย Led และ ไฟ day Time Running Light จากโรงงาน แถมยังขาดไม่ได้กับซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
จนสิ่งเดียวทีเรารู้สึกว่ามันดูต่างในรถรุ่นนี้เห็นทีจะเป็นล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมยางขนาด 215/60/R 17 บ่งชี้ว่าต้องการใส่ความสบายมากขึ้นกว่าเดิม
เปิดประตูเข้าห้องโดยสาร รายละเอียดต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับ MG GS 2.0 เทอร์โบ การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นสีดำ ในงวดนี้เบาะนั่งหนังทั้งหมดเปลี่ยนหันมาลดคอสใช้หนังสังเคราะห์ แทนการใช้เบาะหนังแท้ผสมกับหนังสังเคราะห์
พวงมาลัยยังคงปรับได้ 4 ทิศทางเหมือนเคย ช่วงกลางคอนโซลหน้ายังจุเครื่องเสียงทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้ว เหมือนเคย ความยุ่งเหยิงของปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่วางไว้ตรงกลางคอนโซล จนบางทีกดแอร์เป็นวิทยุ ยังคงสร้างให้เราฉงนไม่ต่างรุ่นพี่
ยังดีในเรื่องความสบายอำนวยให้คนนั่งด้วยเบาะไฟฟ้า 6 ทิศ ทาง ฝั่งคนนั่งช่วยตัวเอง เช่นเดียวกันเบาะนั่งหลังสามารถแยกพับ 60/40 ได้เช่นเคย ลงตัวด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และผู้ช่วยขับขี่ระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แทบจะเรียกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยจากพี่ชายของมัน
แน่นอนสิ่งที่เปลี่ยนในเจ้า MG GS 1.5 เทอร์โบ ดูจะไม่พ้นเครื่องยนต์ 1.5 ลิต รพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ หลายคนกังขาว่ามันเป็นเครื่องยนต์เดียวกับ MG 5 หรือไม่
เราได้รับคำตอบจากทาง เอ็มจีว่าไม่ใช่อย่างที่หลายคนเข้าใจ เครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นบล็อกใหม่ล่าสุดจาดทางเอ็มจี รหัส I5E4E บล็อกนี้เด่นเรื่องสมรรถนะในการขับขี่ด้วยระบบฉีดน้ำมันตรงสู่ห้องไหม้ ระบบ Direct Injection ก่อนติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จเข้ามา ทำกำลังสูงสุด 167 แรงม้า สูงสุดที่ 5,600 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รีดมาเนียนๆ ตั้งแต่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ลงตัวกับเกียร์คลัทช์คู่ชุดใหม่ล่าสุด 7 สปีด
ช่วงแรกที่ลองขับในเมือง ปัญหาชุดเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด เริ่มแสดงความน่ารำคาญในการขับขี่ช่วงความเร็วต่ำ หลายคนอาจะไม่รู้นิสัยของเกียร์คลัทช์คู่เท่าไรนัก พวกมันชาญฉลาดและพร้อมตอบสนองในการขับขี่ตามใจอย่างรวดเร็ว
หากความชาญฉลาดอาจกลายเป็นความน่ารำคาญได้ โดยเฉพาะในการขับผ่านการจราจรติดขัด คุณจะพบว่าเจ้า MG GS 1.5 มักจะเกิดอาการเย่อเกียร์บ่อยครั้งทำเอาหน้าทิ่มหน้าหงายยามขับที่ความเร็วต่ำ ไม่เกิน 40 ก.ม./ช.ม.
ที่เป็นเช่นนี้ก็มาจากการสั่งการณ์ของชุดเกียร์คลัทช์คู่ พยายามจะเร่งต่อเกียร์ให้คุณได้เร่งต่อเนื่องอย่างเร้าใจ มันจะพยายามดันคุณไปสู่เกียร์ 2 อย่างรวดเร็ว กอปรกับอัตราเร่งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ก็ค่อนข้างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้เกียร์พยายามจะต่อเกียร์เร็ว
แต่ลองจินตนาการว่าคุณอยู่บนทางด่วนไปไหนไม่ได้ คันหน้าวิ่งไหลไปประมาณ 2 ช่วงคันรถ คุณเดินเร่งตามไป เกียร์ทดต่อเกียร์อย่างต่อเนื่อง ปรากฏรถติดอีกแล้ว เกียร์ต้องถอนลง จังหวะนี้แหละครับที่รถจะมีอาการเกียร์กระตุกสะดุดอยู่พอสมควร บางครั้งออกเป็นแนวพยักเพยิด เหมือนราวกับว่าจะเอา-เกียร์ไหนดี
อาการแบบนี้สำหรับคนที่ไม่เข้าใจอาจจะคิดได้ว่ารถมีปัญหาหรือเปล่า ทั้งที่ความจริงมันเป็นธรรมชาติของเกียร์คลัทช์คู่ เน้นตอบโจทย์ในแง่การตอบสนองอัตราเร่ง พอเร่งแล้วต้องเบรกก็เลยมีงง ตกลงจะเอาไงมนุษย์จะเร่งหรือจะเบรก เดี้ยนทำตัวไม่ถูกนะฮะ ..อะไรประมาณนั้น
การจราจรเมืองกรุงในวันนี้หลายคนคงรู้ดีว่ารถติดพอสมควร จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าต่าง ๆ มากมาย ทำเอาคนเมืองอจจะต้องร้องเพลง “ชีวิตแค่โดนทำร้าย” ปลอบขวัญกันไประหว่างรถติด การก้าวคนละก้าวไปพร้อมเพื่อนร่วมทางที่หันมองก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน สำหรับรถเครื่องเทอร์โบพร้อมอาการเกียร์ที่สะดุ้งตลอดช่วงขับความเร็วต่ำ มันไม่โสภาเท่าไรนักหรอก แถมด้วยการใช้เกียร์สูงและด้วยการเร่งๆ เบรก ไม่เป็นผลดีกับเครื่องยนต์เทอร์โบเท่าไรนัก จนท้ายสุดสรุปอัตราประหยัดขับในเมืองได้เพียง 6.66 ก.ม./ลิตร เท่านั้น ถือว่าค่อนข้างกินจุพอสมควร
เครื่องยนต์เทอร์โบจะวิ่งก็คงต้องเอาไว้ไปซิ่งยามขับต่างจังหวัด ผมคิดแบบนี้ตลอดคืนที่นอนพร้อม MG GS 1.5 เทอร์โบจอดอยู่ ตื่นเช้าจึงชวนแฟนไปปลายทางชายทะเลหัวหินหันสักหน่อย
ตลอดการเดินทาง MG GS 1.5 เทอร์โบ แสดงให้เราเห็นความดีความชอบของเครื่องยนต์เทอร์ 167 แรงท้าได้ใช้เต็มที่ยืดเส้นยืดสาย เมื่อคุณใช้ในการเร่งแซงรถร่วมทางที่ขับเชื่องช้า เราผ่านจราจรไปอย่างรวดเร็วได้อย่างสบาย ไร้กังวลต้องมาลุ้นว่าจะแซงพ้นไม่พ้น ด้วยกำลังเครื่องยนต์ระดับนี้ถือว่าเหลือเฟือต่อการขับขี่ ถ้าคุณไม่ใช่พวกบุ่มบ่ามแซงรถไม่ดูตาม้าตาเรือ
ตลอดการเดินทางผมว่าสิ่งที่ MG GS ทำได้ดี และประทับใจมาตั้งแต่เคยขับรุ่น 2.0 ลิตร คงไม่พ้นเบาะนั่งขนาดใหญ่ แม้การบุหนังสังเคราะห์ อาจจะทำให้เบาะนั่งแข็งขึ้นกว่าพี่ชายมันสักหน่อย ทว่าด้วยขนาดเบาะที่ค่อนข้างใหญ่ก็ช่วยให้นั่งสบายตลอดการเดินทาง ตลอดจนการลดความสูงของแก้มยางช่วยลดการกระเด้งกระดอนแข็งกระด้างของระบบกันสะเทือน เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ มันช่วยให้ผู้โดยสารนั่งสบายมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าเสียดายที่เอ็มจียังไม่ยอมให้เบาะฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้า รวมถึงพวกปุ่มเครื่องเสียงต่าง ๆ ก็ยังวางแบบเลอะเทอะ จนบางทีกดผิดกดถูกแบบงงๆ จนผมอยากวอนให้ทางเอ็มจีไปพัฒนาการวางปุ่มคอนโซลหน้าตรงกลางใหม่ ถ้ามันใช้งานง่ายขึ้น ชีวิตผู้ใช้น่าจะดีกว่านี้
สรุป … MG GS 1.5 เร้าใจ ในราคาแตะต้องได้
ผมถึงปลายทางก้าวลงจาก MG GS 1.5 พร้อมคำตอบจากรถคันนี้ว่า มันก็น่าสนใจเช่นกันในแง่สมรรถนะการขับขี่ที่พอเพียงในการใช้งาน
ถึงบางคนอาจจะค่อนขอดว่า MG GS 1.5 ให้กำลังเพียง 167 แรงม้า หากแรงบิด 250 นิวตันเมตรมาต่อเนื่อง ก็ไม่ใช่ของธรรมดาที่คุณสามารถหาได้ในรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นอื่น ๆ ในตลาดกลุ่มเดียว ผมมีโอกาสทดสอบอัตราเร่งของ MG แล้วประสบพบว่ามันยังสามารถทำอัตราเร่ง เลขตัวเดียวได้ถึงจะไม่เร็วเท่าที่ชาย แต่ก็นับว่ายังเร็วอยู่กว่าพี่น้องเพื่อนร่วมคลาส
แต่คุณก็ต้องยอมแลกกับอัตราประหยัดที่ยังไม่พ้นเลขตัวเดียว โดยเฉพาะการขับในเมืองทำอัตราประหยัดได้เพียง 6.66 ก.ม./ลิตรและตอนทดสอบ Bonn Test Mode ทำอัตราประหยัดได้ 9.2 ก.ม./ลิตร ยังดีที่มันยังพอไปวัดไปวาได้ ตอนขับไปทดสอบนอกเมือง ด้วยเส้นทางทดสอบกรุงเทพหัวหิน ทำอัตราประหยัดได้ 12.9 ก.ม./ลิตร ทั้งหมดทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล 95
จึงพอสรุปได้ว่า MG GS ประหยัดขึ้นกว่าเครื่อง 2.0 ลิตร โดยเฉพาะการวิ่งเดินทางไกล แต่มันน่าจะดีกว่าในการใช้ในเมือง เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ บางทีอาจจะเน้นใช้งานแบบผสมผสาน ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานผสมผสานการทำอัตราประหยัดรูปแบบผสม Bonn Test Mode ตามมาตรฐานการทดสอบของทีมงาน Ridebuster ก็ตอบได้ดีกว่า มันทำอัตราประหยัดได้เพียง 9.2 กม/ลิตร
จุดตายของรถรุ่นนี้คือการไม่ตอบสนองเรื่องความประหยัดในเมืองและอาการเกียร์ที่พลอยจะชักกะเย่อ จนทำให้อัตราประหยัดไม่ดีเท่ากับ รถรุ่นอื่นที่ใช้เกียร์ CVT มันประหยัดกว่าและตอบสนองในเรื่องความสบายดีกว่า
แต่หากคุณไม่เน้นการใช้งานเมือง แล้วมองว่ารถคันนี้เน้นใช้ขับเที่ยวทางไกลออกต่างจังหวัด อยากได้ความรู้สึกมั่นใจ เร้าใจทุกครั้งที่กดคันเร่งมากกว่า อเนกประสงค์อื่น ๆ มันตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ
MG GS 1.5 Turbo อาจเริ่มถูกมองมากขึ้นวันนี้ ด้วยบางคนอาจจะเล็ง MG ZS แล้วไม่ชอบบางสิ่งบางอย่างในตัวมัน สำหรับผมเจ้า MG GS ยังมีบางจุดที่ต้องกลับไปปรับปรุงอยู่บ้าง ทว่าหากคุณกำลังมองหาอเนกประสงค์ที่พรั่งพร้อมสมรรถนะในราคาไม่ไกลเกินเอื้อม
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”443″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]