ความเชื่อ … ใช่ว่าทุกคนจะเปลี่ยนกันง่ายๆภายในวันเดียว กับรถยนต์อย่างแบรนด์ Toyota มันคงไม่ง่ายในการบอกเล่าเก้าสิบแนวทางใหม่ของบริษัทที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ยอมรอนอนกอดตำแหน่งรถขวัญใจมหาชนอีกต่อไป
ในวันที่กระชากผ้าคลุม Toyota Yaris ATIV ผมยอมรับว่าส่วนตัวคิดนึกแปลกใจว่า “ทำไม? Toyota ถึงคิดทุบหม้อข้าวหม้อแกงรถยนต์นั่งขนาดเล็กของตัวเอง”
ทุกคนรู้ดีว่า Toyota Yaris ATiv ไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือเล็กไปกว่า Toyota Vios ปัจจุบันมากมายนัก ถ้าอ่านรายละเอียดทางเทคนิคตัวรถเผินๆ มันแทบจะเป็นรถรุ่นเดียวกัน ที่เปลี่ยนหน้าตาใหม่ ยัดเครื่องยนต์เล็กลง ออพชั่นมากขึ้น แล้วเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่ … เท่านั้น
จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนกันยายน เมื่อเจ้าโอปอล หนึ่งในทีมงาน Ridebuster ชวนผมกับเดือนไปทำกิจกรรมกับทาง Toyota Yaris Club ผมมีโอกาสลองจับ Toyota Yaris ATiv นั่งหลังพวงมาลัยอย่างจริงจังครั้งแรก หลังจากงานเปิดตัวที่ผ่านมาสักเดือนกว่าเห็นจะได้ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนสุดหนึบไม่ว่าจะเหวี่ยงรถอย่างไร ก็แก้อาการในการขับขี่ได้ดี แถมการทรงตัวเป็นเลิศ ผมรู้เลยว่า นี่ไม่ใช่รถแบบที่หลายคนเข้าใจอีกต่อไป Toyota Yaris Ativ ไม่ใช่เพียงร่างทรงวีออส อย่างที่คิด หากมันเหนือกว่านั้นและรอการพิสูจน์ จากคนที่เข้าใจมันจริงๆ
ท่ามกลางเขื่อนศรีนครินทร์ ผมได้ยินข่าวว่ามีการประกาศราคาใหม่ของ Toyota Yaris Ativ และ Toyota Yaris หลังจากพ้นช่วงราคาแนะนำไปแล้ว ผมเองดูเหมือนจะไม่ได้รับทราบความเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงโทรสอบถามกับทาง Toyota และเหมือนโชคเข้าข้าง พวกเขาบอกว่าตอนนี้รถพร้อมให้ยืมทดสอบแล้ว ผมรีบตอบตกลงทันที และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วันนี้ ผมและน้องเอทีฟมาเจอกัน
ตั้งแต่หนแรกที่พบหน้าน้อง Toyota Yaris ATiV ในงานเปิดตัว ผมกล้าพูดเต็มปากว่า โตโยต้าทำการบ้านเรื่องการออกแบบรถรุ่นนี้มาดีมาก พวกเขาเข้าใจแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร
ใบหน้าสปอร์ตลงตัวตั้งแต่แรกเห็น ถ้าไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม กล้าพูดว่ามีหลายคนต้องคิดว่ามันเป็นรถ Toyota Corolla หรือไม่ก็ Toyota Auris ฉายแววดาวรุ่ง และใบหน้านี้ไม่เคยโผล่ที่ไหน มาก่อนในรถรุ่นนี้
ตัวรถค่อนข้างออกแบบมาดูดีมาก ด้านหน้าให้กระจังหน้าที่ดูสปอร์ตมากๆ มีช่องรับลมหลายช่อง ตลอดจนยังให้ไฟขับขี่ยามกลางวัน หรือ Day Time Running Light เป็นเอกลักษณ์ใหม่ ไฟหน้าให้โคมโปรเจคเตอร์มาครบครัน (ในรุ่น S มีวงแหวนสีแดงในโคมมาด้วย) มาพร้อมชุดไฟฮาโลเจน แต่ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นไฟซีนอน ก็ออกไปหาร้านแต่งรถได้เลย
ทางด้านข้างเส้นสายการออกแบบมีกลิ่นอายความสปอร์ตคล้ายพี่ชาย Toyota Vios พอสมควร ไม่ว่าจะกระจกมองข้างมีคลีบ บนหลังคาใช้ทรงหลังคาแบบ Catamaran เป็นลูกเล่นตามหลักอากาศพลศาสตร์ ผมมีโอกาส ก้มดูด้านล่างตัวมีการปิดเก็บใต้ท้องรถอย่างดี ในรุ่นท๊อป ตัว S ที่นำมาขับ เป็นล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว สวมยาง Ena save ขนาด 185/60R15 ลายล้อค่อนข้างดูธรรมดาไปนิด แถมเป็นสีเทาซิลเวอร์ปกติไม่ได้เล่นลายทูโทนอะไร รุ่น S ให้กระจกมองข้างสีดำเล่นคิ้วกระจกสีแดงดูแปลกตาดี บนหลังคาได้เสาอากาศคลีบฉลาม
ส่วนบั้นท้ายให้ความงดงาม ติดตั้งชุดไฟท้ายแบบ LED Light Guide รมดำ รายละเอียดไฟท้าย ค่อนข้างคล้ายกับ Toyota Altis ตัวนอก มันดูสปอร์ตเข้าเค้า ครบองค์สไตล์สปอร์ตทันสมัย
รับกุญแจมาจาก พี่เอก ท่านพี่พีอาร์ของ Toyota … ผมไม่รอช้าที่จะเดินเร่งขึ้นรถที่จอดรอเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากฟ้าฝนไม่เป็นใจต้อมารับน้องเอทีฟไปเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ล่าช้า
กดสวิทช์ประตูด้านคนขับรถปลดล็อค ผมก้าวขึ้นรถอย่างสบายใจ สัมผัสภายใน Toyota Yaris Ativ ยอมรับว่าน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้เยอะมาก คอนโซลหน้าดูเหมือนจะจับเอาสไตล์ของ Toyota Corolla Altis มาใช้ทั้งดุ้น มันดูพอใช้ได้ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบตรงขอบบนของคอนโซลหน้า มันดูเหมือนจะทำยื่นออกมามีขอบไว้บังแดด แต่ดูไปดูมามันไม่เข้าทีสักเท่าไรนัก แถมดูตันๆ แปลกๆ
ตรงหน้าคนขับจับกระชับขับมั่นใจด้วยพวงมาลัย 3 ก้านพร้อมปุ่มมัลติฟังชั่น สามารถปรับลงได้ ทว่ายังไม่สามารถยืดหดได้ ในรุ่น S ที่นำมาทดสอบดูน่าสนใจมากขึ้น ด้วยการเย็บเดินด้านแดงบนพวงมาลัย ฝั่งซ้ายเป็นการควบคุมระบบเครื่องเสียงของรถ ฝั่งขวาเอาไว้คุมจอ มัลติฟังชั่นดิสเพลย์ในเรือนไมล์ขนาด 4.2 นิ้ว เจ้าจอนี้จะมีในเรือนไมล์รุ่น S เท่านั้น
ตัวเรือนไมล์เองออกแบบมาเรืองแสงสีน้ำเงิน รับเข้ากับรายละเอียดต่างๆในห้องโดยสาร โดยเฉพาะช่วงกลางคอนโซลหน้าให้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติเล่นแสงสีน้ำเงินในชุดควบคุมระบบเหนือช่องแอร์จัดวางเครื่องเสียง DVD ขนาดจอด 7 นิ้ว มองๆ ดูบางทีก็นึกถึง Tablet ตราโตโยต้ามาวางแปะเอาไว้ ชุดคันเกียร์ด้านล่างแบบขั้นบันได Gate Type ตัวหัวเกียร์คุ้นเคยดี คล้ายของ Toyota Hilux Revo จับถนัดมือดี
เบาะนั่งคู่หน้าใน Toyota Yaris ATiv รุ่น S เป็นเบาะทรงสปอร์ตกลายๆ แต่ยังไม่แผ่นสยายปีกโอบไหล่ มันนั่งได้กระชับและยังค่อนข้างสบาย เบาะนั่งสามารถปรับสูงต่ำได้ ช่วงพนักผิงหลังและที่รองนั่งทำได้ดีไม่มีปัญหา กับคนสรีระสูงใหญ่อย่างผม ชุดเบาะทั้งหมดยังเป็นผ้า ตรงกลางเป็นลายสปอร์ตสีแดงทั้งคัน ระหว่างเบาะคู่หน้า มีเก๊ะเล็กๆ เอาไว้ใส่ของได้ถ้าต้องการ
เหลียวมองไปทางด้านหลังไม่มีที่วางแขนตรงกลางมาให้ ผมลงจากด้านหน้าไปสำรวจด้านหลัง เบื้องต้นนั่งได้กำลังดี เข่าไม่ติดด้านหน้า ในตำแหน่งเดียวกับที่ผมเองปรับไว้พร้อมนั่งขับเรียบร้อยแล้ว หัวหมอนเบาะนั่งตอนหลังไม่ได้เป็นแบบเย็บติดพนักผิงหลัง มันสามารถปรับขึ้นลงได้
ผมลองกดกะว่าจะปรับหัวหมอนขึ้นมาสักหน่อย ดึงมันขึ้นมานิดหนึ่ง .. พรึ่บ หัวหมอนหลุดออกมา แบบงงๆ ผมเอาขาหัวหมือนมาดู มันมีล็อกสลักแค่จดเดียวเท่านั้น แหม !! ไหนๆ จะทำทั้งที บากมาให้อีกหน่อยก็ไม่ได้
ผมกลับมาข้างหน้าปรับท่าอีกรอบ หัวหมอนดูจะยังต่ำไป ด้วยผมเป็นคนสูง 180 ซ.ม. ขับรถทีไรก็เลยต้องปรับหัวหมอนขึ้นเพื่อให้สรีระถูกต้อง ผมดึงหัวหมอนขึ้นตำแหน่งแรก…ก็เริ่มพอใช้ได้เลยแต่เหมือนยังต่ำไป ก็เลยดึงขึ้นอีก ปรากฏว่า คราวนี้หัวหมอนหลุดออกแบบเบาะนั่งหลัง อีกแล้ว
ผมเอาขาหัวหมอนมาดู เหมือนกันไม่มีผิด ทีมงาน Toyota บากร่องขาหัวหมอนมาแค่จุดเดียว ผมเสียบกลับไป แล้วปรับให้มันลงล็อคอีกครั้ง พลันนึก “กับแค่ทำให้มันมีร่องล็อคหัวหมอนเพิ่มมันจะสักกี่บาทเชียว !!”
หากให้ผู้โดยสารที่มีความสูงมากกว่า 170 ซ.ม.ขึ้นไป มานั่งโดยสารตอนหลัง หัวจะชนหลังคาครับ
อ่านหน้าต่อไป >>>