กว่า 4 -5 ปีที่ผ่านมา ยอมรับเลยว่า Volvo เป็นแบรนด์รถยนต์สุดหรูที่ขับมากที่สุดในหมู่รถยนต์หรูด้วยกัน หลายครั้งที่ผมจบลงมาจากรถยนต์สวีเดน แล้วหันมามองพร้อมความคิดสั้นๆว่า “ถ้าวันหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิต เราจะเป็นเจ้าของนาย”
รถยนต์จากวอลโว่ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความปลอดภัย และความสะดวกสบายในห้องโดยสาร พวกเขาวางตัวเองต่างจากค่ายเยอรมันอย่างชัดเจน แม้ว่า 2-3 ปี หลังจะถูกบริษัทจีน Geely Group เข้ามาร่วมลงทุน แต่วอลโว่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม ในเรื่องความหรูหรา และปลอดภัย มิหนำซ้ำระยะหลังมานี้ พวกเขายังทำงานออกแบบมาได้โดนจิตตรงใจมากขึ้น รุ่นใหม่ออกมาเมื่อไรก็ตาม ได้แต่ถามว่า นี่วอลโว่ จริงดิ!!
จนถึงขนาดเมื่อปีกลาย Volvo XC 60 รับรางวัล World Car of the year แต่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ทางค่ายสวีเดนก็รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมภูมิภาคยุโรป โดยรางวัลนี้ตกเป็นของรถยนต์ Volvo XC 40 น้องเล็กคันใหม่ ภายใต้การหันมาใช้โครงสร้างใหม่ Compact Modular Architecture (CMA) ควบกล้ำกับงานออกแบบสุดชิค ถูกใจคนยุคใหม่
ตอนเปิดฉากพร้อมขายในเมืองไทย เมื่อปลายปี 2018 , Volvo XC 40 ทำเอาผมว้าว!! ไปชั่ววินาที ที่กล่องถูกดึงขึ้นพร้อมโฉมหน้ารถในสไตล์ฟังกี้จ๋า ในแบบที่คุณไม่เคยคิดว่าวอลโว่กล้าทำออกขายมาก่อน
ภาพติดตาตรึงใจ ด้วยความชอบวอลโว่ ผมรีบส่งรูปให้ เดือน (แฟน) ในฐานะแฟนคลับรถยี่ห้อนี้ ไม่ผิดหวัง … ข้อความตอบกลับมาทันที ว่า สวยอยากเห็น … จนกระทั่งงาน Motor Expo ก็พาเจ้าหล่อนไปชม ดูแล้วก็ชอบถูกใจ แถมราคาขายก็ไม่ได้แพง จนเราไม่อาจจะแตะต้องกันไม่ได้
กว่า 2 เดือน นับตั้งแต่เมื่อตอนเปิดตัวจนวันนี้ การรอคอยของผมสิ้นสุดลงพร้อมครั้งแรกที่จะสัมผัส Volvo Xc 40 ตัวเป็นๆ สักที หลังจากสื่ออื่นๆ เอาไปรีวิวกันชุดใหญ่
ก่อนจะเริ่มรีวิว ขอบอกก่อนว่า รถคันที่เรานำมารีวิวคันนี้ ยังไม่ใช่รถสเป็คไทย 100% เพราะรถที่ขายในบ้านเราจะไม่ได้หลังคามูนรูฟมาด้วย ดังนั้น แน่นอนว่า จะต้องมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ในเรื่องคุณลักษณะบางประการ ตลอดจนน้ำหนัก มีผลกระทบต่อการทดสอบ บางอย่าง เช่นอัตราประหยัด เป็นต้น
รับวอลโว่ครั้งนี้ ขึ้นไปเยือนสำนักงานใหญ่ใหม่ วอลโว่ คาร์ส ประเทศไทย ที่ตึกเอ็มโพเรี่ยม ห้างหรูชื่อดังย่านสุขุมวิท การรับกุญแจวันนี้ พี่ตุ๊ก ..พี่คนใหม่ที่มาแทนพี่ต่าย หลังจากพี่ต่ายได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปดูงานส่วนอื่นในวอลโว่ ทำงานค่อนข้างรวดเร็ว
รีบออกมาต้อนรับเราพร้อมยื่นกุญแจ … แล้วบอกว่า “จอดที่เดิมนะคะ” ผมตอบรับสั้นๆ “ครับ” แล้ว พี่ตุ๊กก็ปิดประตูกลับเข้าไปในออฟฟิศอย่างรวดเร็ว
เอาจริงๆ ผมไม่รู้ว่า รถจอดที่ไหน เพราะ ยืมวอลโว่ครั้งสุดท้าย ก็ XC 60 T8 ที่เราไปตะลอนถึงเชียงคานนั่นก็ผ่านมา 4-5 เดือนน่าจะได้ แต่ที่แน่ๆ มันจอดอยู่ในตึกอาคารจอดรถของเอ็มโพเรี่ยม เพียงแต่จำไม่ได้ว่าชั้นไหน ผมเดินไปวนหาอยู่พักใหญ่ จึงวนมาเจอรถ …
พบหน้ากันครั้งนี้ Volvo XC 40 ที่เรากำลังจะขับเป็นตัวท๊อปออพชั่นมาพร้อมเครื่องยนต์รหัส T5 ผนวกเข้ากับการตบแต่ง R Design แตกต่างจากรุ่นปกติด้วยสไตล์ทูโทนหลังคาสีดำเป็นความโดดเด่นเฉพาะรุ่น
ทางด้านการออกแบบ วอลโว่ เอ็กซ์ซี 40 ทางค่ายสวีเดนดูต้องการเน้นไปยังลูกค้าใหม่กลุ่มวัยรุ่น หลังปล่อยให้ฝั่งเยอรมัน ทำตลาดรถกลุ่มนี้มายาวนาน
รถคันนี้นับว่าเป็นรุ่นแรกที่กล้าพูดว่า รถจากสวีเดนไม่ได้ดูแก่อีกต่อไป ทางวอลโว่มุ่งเป้าการออกแบบให้ดูวัยรุ่นมากกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งหมดยังคงอยู่ในอัตลักษณ์แบบวอลโว่ ดูดี ทันสมัย ด้วยกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมยาว และ ไฟหน้าทรงเรียว มาพร้อมไฟ Day Time Running Light เอกลักษณ์ ฆ้อนแห่งธอร์ ให้ระบบไฟเลี้ยวตามพวงมาลัย ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ
ด้านข้างตัวรถมาพร้อมการออกแบบที่ดูมีความสวยสดลงตัวมากขึ้น ทางช่วงหน้า ออกแบบให้ช่วงซุ้มล้อมีความเรียวบางคล้ายกับหยิบยืมมาจากรถเก๋ง ทับด้วยฝากระโปรงบานหน้าขนาดใหญ่สมทบเพิ่มความดุดัน ช่วงประตูรถ ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังออกแบบให้มีความสูงและใหญ่ ช่วยให้ขึ้นลงง่าย
ในรุ่น R Design ตอบการออกแบบเพิ่มเติมด้วยหลังคาสีดำ พร้อมกับล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว 5ก้านคู่ สีทูโทนเทาดำ มาพร้อมยางสปอร์ต Pirelli P Zero ขนาด 235/50/R19 เพิ่มความสปอร์ตลงตัวในแบบอเนกประสงค์
ส่วนด้านท้ายออกแบบยังคงเอกลักษณ์วอลโว่ด้วยไฟท้ายทรงตั้ง ให้ระบบประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมป้องกันการหนีบ ใช้งานง่ายสะดวกไม่ว่าจะด้วยการกดเปิด-ปิด หรือ เตะเข้าใต้กันชนรถยามถือของพะรุงพะรัง ก็เปิดให้ดังใจ
มองตัวรถผิวเผิน อาจคิดว่าขนาดรถรุ่นนี้ดูเล็ก แต่ความจริง มันมีความยาวถึง 4,425 มม. กว้าง 1,863 มม. (ไม่รวมกระจกมองข้าง) และสูง 1,652 มม. ตอบการใช้งานด้วยระยะฐานล้อ 2,702 มม. มีระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 211 มม.
ทั้งหมดช่วยให้รถคันนี้ยังมีความใหญ่โตกว่ารถญี่ปุ่น ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน และยังคงเด่นในสไตล์แบบฉบับวอลโว่ที่ถูกทอนลงมาสักหน่อย
กุญแจอยู่ในมือ… แค่เพียงดึง Volvo XC40 ก็ต้องรับเราอย่างง่ายดาย ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร ยังความมีเสน่ห์ในแบบวอลโว่ งวดนี้ดูสปอร์ตเข้มเต็มพิกัดกว่าเคย
ผมหย่อนตัวลงบนเบาะนั่ง ฝั่งคนขับสัมผัสหนัง fine Nappa ซึ่งนิยมใช้รถสปอร์ตชั้นนำ วันนี้มาอยู่ในวอลโว่ก็รู้สึกแปลกๆ สักหน่อย เหลียวมองตรงหน้าคนขับ มาพร้อมเรือนไมล์แสดงผลบนหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว วงพวงมาลัยขนาดเล็กลงสักหน่อยจากพี่ชาย ยังคงมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มตั้งระบบช่วยล๊อคความเร็ว ตลอดจนคุมหน้าจอเรือนไมล์มาให้ครบเครื่อง
ชุดคอพวงมาลัยปรับได้ตามถนัดดังต้องการ ตรงกลางคอนโซลหน้าคงเอกลักษณ์หน้าจอขนาดใหญ่ใช้สั่งการทุกอย่าง Volvo Sensus ไม่ว่า จะปรับระบบความปลอดภัยต่างๆ คุมเครื่องเสียง , คุมแอร์ หรือเชื่อมต่อต่างๆทั้งหมด ทำผ่านหน้าจอขนาด 9 นิ้วตรงนี้
ถัดลงมาเป็นชุดควบคุมเครื่องเสียงภายในรถ พร้อมระบบปรับอากาศบางอย่าง และโหมดการขับขี่ เหลือไว้ให้ดูต่างหน้ากันไม่มากเท่าไรนัก ด้านล่างมีที่ชาร์จมือถือไร้สายใช้งานได้ง่ายสะดวก วางไว้ตรงกลางพร้อมที่เก็บของ
ส่วนตรงกลางคอนโซลเกียร์ ยังคงได้เสน่ห์จากพี่ชายในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่แท่งหัวเกียร์ไม่ใช่ Orrefos คริสตัลชั้นนำจากประเทศสวีเดน และงวดนี้การสตาร์ทรถใช้การกดปุ่ม ไม่ใช่การบิดแบบเดิม
เบาะนั่งทางฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า มาพร้อมการบันทึกท่านั่งได้ 2 ท่า ทางฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้าเช่นกันระหว่างปรับเบาะผมเห็นลำโพงเขียนว่า Harman- Kardon ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รถคันนี้มาพร้อมเครื่องเสียงสุดเร้าใจ ให้กำลังขับ 600 วัตต์ ผ่านลำโพงจำนวน 13 ตัว และ ซับวูฟเฟอร์ ที่เก็บซ่อนไว้ในห้องโดยสาร อย่างดี
ผมมองไปทางด้านหลัง เห็นเบาะนั่งตอนหลัง หุ้มด้วยผ้าหนังแบบเดียวกันตรงกลางออกแบบเป็นหลุมเข้าไป คงเพื่อให้ความกระชับ ตรงกลางมีที่เท้าแขนเสร็จสรรพ และหัวหมอนปรับได้
ส่วนเรื่องท่านั่งจากที่ลองไปนั่งดู ในระหว่างการทดสอบ พบว่า เป็นท่านั่งหลังตรง แต่อยู่ในท่าที่สบาย ไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีพื้นที่วางขามาก การที่คนตัวใหญ่อย่างผม จะนั่งให้สบาย ทั้งผมและเดือนที่ผลัดกันลองนั่ง ต่างลงความเห็นว่าเราต้อง นั่งแหกขา เพื่อไม่ให้เข่าชนเบาะหน้า แต่ถ้ากับคนไทยไซส์ปกติ 150-165 ซ.ม. มั่นใจว่า น่าจะกำลังพอเหมาะพอดี
เบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 การปรับสามารถพับได้ด้วยตัวเอง หรือใช้ปุ่มจากทางด้านท้ายรถก็ทำได้โดยสะดวก เมื่อพับแล้วตัวเบาะจะเรียบ ความยาวจากท้ายรถถึงเบาะตอนหน้า ประมาณ 1,607 มม. กว้าง 1,004 มม. มันกว้างมากพอสามารถโยนจักรยานเสือหมอบ ไซส์ 48 ของเดือน จากแบรนด์ JAVA เข้าห้องโดยสารได้ โดยไม่มีถอดล้อได้เลย
ใต้ร่าง Volvo Xc40 รหัส T5 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Drive-E ขนาด 2.0 ลิตรพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที และทำแรงบิด 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,800- 4,800 รอบต่อนาที พ่วงด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ในรุ่นนี้รถเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ All Wheel Drive ตอบโจทย์ลูกค้า แต่เรายังไม่รู้ถึงประสิทธิภาพของมันจนกว่าเราจะออกจากลานจอดรถเอ็มโพเรี่ยมไปได้
ชั้นแล้วชั้นเล่า ผมขับรถลงมา สิ่งแรกที่พอจะสังเกตได้ทันที หนีไม่พ้นความคล่องตัวในการเข้าออกที่จอดรถ ซึ่งง่ายกว่า Volvo Xc60 T8 ที่เคยขับค่อนข้างมาก ส่วนตัวผมชอบจุดนี้ เพราะรถมีขนาดกำลังดีคล่องตัว ช่วยให้ไม่เครียดเมื่อต้องเข้าออกลานจอดรถบ่อยครั้งกับการใช้ชีวิตคนเมือง
ออกมาถึงถนนใหญ่การจราจรยานเย็นย่านสุขุมวิทคงไม่ต้องพูดมาก ถนนสายนี้แทบไม่เคยว่างเว้นต่อคำว่า รถเยอะ เลยก็ว่าได้ ยังดีที่ผมพอจะรู้ตรอกซอกซอยที่พาเราออกจากที่นี่ อย่างไม่เสียเวลา ผมเลี้ยวเข้าซอย สุขุมวิท 31 เพื่อตัดลัดไปโผล่ทางเพชบุรีตัดใหม่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องติดอ่วมในชั่วโมงเร่งด่วน ณ สี่แยกอโศก
ใครที่เคยเข้ามาซอยนี้ คงจะพบว่า มันเป็นซอยลัดที่จอแจที่สุดแห่ง ถนนเลนสวน มอเตอร์ไซค์ ไหนจะรถในซอยที่ต่างเข้ามาพยายามวิ่งลัดซอยเหมือนๆ กับเรา แต่ Volvo Xc40 ควรผ่านบททดสอบนี้ในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์เล็กที่เน้นขับในเมือง
ผมขับไปตามซอยที่มีขนาดเล็ก ค้นพบถึงความคล่องตัวของรถ ที่มีช่วงระยะยื่นทางด้านหน้าสั้น ส่วนพวงมาลัยมีน้ำหนักเบาเหมาะมือ ระยะฟรีเล็กๆ เพื่อหน่วงการตัดสินใจนิดหน่อย ผมชอบความคล่องตัวรถคันนี้มาก แต่เมื่อผ่านฝาท่อกทม. ความสุขเล็กๆ ก็เริ่มหายไป รถดูแข็งกระด้างสักหน่อย จากความจริงว่าควรจะรู้สึกนิ่มนวล
ใช้เวลาอีกเกือบ 40 นาที กว่าผมจะฝ่านรกเดนตายการจราจรสาหัสจากย่านเพชรบุรีตัดใหม่ออกมายังถนนพระราม 9 เคราะห์ดีวันนี้ การจราจรไม่ถึงขนาดติดขัด แต่ก็เพียงทำได้วิ่งไหลมาเรื่อยๆ ไม่เกิน 70 ก.ม./ช.ม. เมื่อขับด้วยความเร็วประมาณหนึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า ช่วงล่างเจ้า XC 40 ติดแข็งพอสมควร ถึงขนาด เดือนที่เคยชอบวอลโว่ยังบ่น ว่า รถคันนี้ไม่นุ่มนวล เหมือนที่เคยสัมผัส
อันที่จริงผมเทียบในฐานะคนขับเองก็ยอมรับว่า นี่เป็นรถวอลโว่คันแรกที่ดูนั่งไม่สบายเท่าไรนัก ยิ่งเจอถนนปะ , ฝาท่อกทม.ในบ้านเรา ยิ่งแล้วกันใหญ่ หากมันก็ไม่ได้สะเทือนราวกับรถแต่งใส่โช๊คซิ่ง
ผมเองแปลกใจเล็กๆ ว่า ความนุ่มนวลหายไปไหน จนคิดถึงล้อขอบ 19 นิ้ว พร้อมยางแก้มไม่ได้สูงมากของมัน แถมเมื่อกลับมาบ้าน ยังต้องตั้งคำถามกับโบรชัวร์รถที่เขียนตรง Chassis Type ว่า Sport (ตัว T4 เป็นแบบ Dynamic) อีกต่างหาก ถ้าคุณว่านั่นทำให้งง แล้ว
คงยังไม่เท่าความงงในงง เมื่อคุณต้องเติมน้ำมันเจ้า Volvo XC 40 T5 คันนี้ ผมได้อัตราประหยัดเพียง 8.9 ลิตร / กิโลเมตรเท่านั้น จากขุมพลัง 250 ม้า เมื่อคุณขับในเมือง ซึ่งจะว่าไปมันดูขัดกับตัวรถที่ทำออกมาในขนาดเล็ก และพกความคล่องตัวมาเต็มพิกัด น่าจะเน้นสำหรับการขับในเมือง
วันต่อมา ผมไม่รอช้าที่จะจับเจ้าอเนกประสงค์เล็กคันนี้ออกนอกเมือง แต่สมัยนี้ไม่รู้เป็นยุคสร้างถนนอะไรนักหนา ปลายทางชะอำ ที่ดูไม่ไกลวันนี้กลับทำให้เรารู้สึกลำบากยากเข็ญในการเดินทาง ถนนกาญจนาติดทั้งสาย ตั้งแต่ออกจากบ้านย่านบางใหญ่ แถมแถวพระราม 2 นาทีนี้อยากบอกเลยว่า เลี่ยงได้ เลี่ยงไปเลย เพราะดูเหมือนจะมีโครงการสร้างทางยกระดับตรงกลาง ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่
การจราจรติดขัดขนาดไหนให้คิดเอาเอง ผมออกจากบ้านย่านบางใหญ่ 13.00 น. จน 15.00 น. ยังไม่พ้นแถวแสมดำ ผมกุมขมับอย่างเซ็ง การจราจรเริ่มคล่องตัวก็จริง หากรถก็เยอะ ผมดูท่า จะขับท่ามกลางมวลหมู่จราจรคับคั่งไปเรื่อยๆ คงจะไม่มีทางทันถ่ายรูปแน่ เลยเข้าสู่โหมดสปอร์ตเตรียมซิ่งทำเวลา
วอลโว่เรียกว่าโหมด dynamic เมื่อเข้าสู่โหมดนี้ การตอบสนองคันเร่งและเกียร์ดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงพวงมาลัยเหมือนจะหนักขึ้นเล็กน้อยด้วย
ผมไม่รอช้า ถ้าไม่รีบเดี๋ยวอาจจะเสียงานการ เลยทำความเร็ว มุดซ้าย ขวาไปตามการจราจรเรื่อย เมื่อขับแบบนี้ เจ้าอเนกประสงค์สวีเดนคันเล็ก กลับทำให้เราประทับใจอย่างมากด้วยความสามารถของตัวรถที่มีความคล่องตัวมาก ประกอบกับเครื่องแรง ระดับน้องๆรถสปอร์ต ทำให้จังหวะการขับขี่ เวลามุดไปตามการจราจรทำได้ง่ายๆ
ขับเร็วๆ ตั้งแต่ความเร็ว 130 กิโลเมตรขึ้นไป ช่วงล่างสปอร์ตที่แข็งกระด้างใน เปลี่ยนเป็นมิตรแท้นักขับ ระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า ทำงานคู่ระบบมัลติลิงค์ทางด้านหลัง ช่วยตอบโจทย์ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโคลงตัวของรถค่อนข้างน้อยมาก เวลาคุณเปลี่ยนเลนด้วยความเร็ว
เมื่อรวมกับกำลังเครื่อง การตอบสนองคันเร่ง มันกลายร่างเป็นรถสปอร์ตกลายๆ รแถมด้วยการเป็นรถอเนกประสงค์ทำให้ทัศนวิสัยดี มองไกลกว่ารถเก๋ง ง่ายต่อการตัดสินใจ ว่าจะไปทางไหน
แวะปั้มช่วงนาเกลือ เติมน้ำมันเพื่อรอวัดอัตราประหยัดนอกเมือง เหยียบมาขนาดนี้ ชนิดติดปีกได้คงบินไปแล้ว อัตราประหยัด Volvo XC 40 เมื่อขับด้วยความเร็ว และรถติด จากระยะทาง 97.7 กิโลเมตร เติมคืนถังจริง 15.42 ลิตร ผมได้อัตราประหยัด 6.41 ก.ม./ลิตร เท่านั้น
หลังเติมน้ำมันเสร็จ ผมใช้ความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. ต่อเนื่องไปยังปลายทางชะอำ ตอนนี้กลับมาขับในโหมด comfort ผม ไปเรื่อยๆ ด้วยความการขับเอง ล็อค Pilot Assisted ระบบช่วยในการขับขี่ ช่วยให้สบายในการเดินทางมากขึ้นบางเป็นบางจังหวะ
ระหว่างเข้าโค้งช่วงวังมะนาว ผมสังเกตว่า รถคันนี้ค่อนข้างจะสัมผัสได้ถึงแรงเหวี่ยงเยอะ เมื่อเข้าโค้งกว้างจนคิดว่า ถ้าต้องไปขับบนทางเขา อย่างในเส้นทางภาคเหนือมันจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ในระหว่างที่ขับ เวลาเร่งแซงคันหน้า รถพยายามจะรีบทอนเกียร์ลงมา เข้าใจว่าพยายามจะให้อยู่ในจุดแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรตลอดเวลา แม้ว่าคุณแค่จะดันเร่งสั้นๆ ก็ตาม มันไม่น่าพิสมัยนัก เนื่องจากจะมีผลต่อความประหยัดในการขับขี่
แต่กระนั้น ผมไปกลับด้วยการเดินทางความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. จอดวัดผลความประหยัดที่ แถวมหาชัย ได้อัตราประหยัด 13.15 ก.ม./ลิตร ผมให้ผ่านสำหรับอัตราประหยัดนอกเมือง
สรุป Volvo XC 40 T5 R-design พ่อบ้านซิ่งตัวจริง
ระหว่างการขับกลับบ้าน ผมกับเดือนเรานั่งคุยเรื่องว่า รถคันนี้เหมาะกับใครกันแน่!!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Volvo XC 40 T5 R Design เกิดมาเป็นรถสำหรับผู้บริหารยุคใหม่ เพิ่มมีครอบครัวหรือยังโสด กลุ่มพวกเจ้าของกิจการมือใหม่ หรือ young Executive ประสบความสำเร็จเร็วในชีวิต โดนใจคนตั้งแต่วัย 30 ไปจนถึง 40 กลางๆ ที่พอจะมีรายได้หาซื้อรถยุโรปได้ และยังต้องการถทีมีฟังชั่นใช้งานที่ดี เน้นสไตล์ และความหรูหรา
ในรีวิวนี้ถ้าคุณดูจากอัตราประหยัดที่ผมกล่าวมา ทั้งหมด จะพบว่า รถคันนี้ค่อนข้างจะกินน้ำมันเอาเรื่อง ในเมืองได้ 8.9 ก.ม./ลิตร ขับซิ่งหน่อยได้ 6.42 ก.ม./ลิตร ยังดีขับนอกมืองประหยัดถึง 13.15 ก.ม./ลิตร
นั่นชี้ว่าเนื้อแท้แล้ว Volvo XC 40 T5 ผู้พกเครื่องยนต์ 252 แรงม้า มันไม่ใช่รถเหมาะสำหรับขับชิวเพลินๆ ทั่วไป เพราะมันซดแหลก โดยเฉพาะถ้าคุณขับในเมือง ซึ่งมีการจราจรติดขัด หรือใช้ความเร็วได้ไม่มาก แม้ว่าจะมีระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์มาช่วย ก็ดูจะไม่บรรเทาปัญหา
มันทำให้ผมกำลังคิดว่า ที่จริงวอลโว อาจสมควรเอารุ่นที่มีความประหยัดเข้ามาขายหรือไม่ เช่นรุ่นเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส T3 ให้กำลัง 156 แรงม้า ให้แรงบิด 265 นิวตันเมตร แต่น่าเสียดายเครื่องรุ่นนี้มีเพียงเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ในปัจจุบัน หากก็ยังมีแผนสำหรับรุ่นเกียร์ออโต้ 8 สปีด หรือผมว่า เครื่องยนต์ดีเซลรหัส D4 ก็แลดูมีหน่วยก้านน่าสนใจ กับกำลัง 190 แรงม้า ทำแรงบิด 400 นิวตันเมตร น่าจะดุและประหยัดกว่าที่เราพบในเครื่องยนต์รหัส T5 หรือไม่
หลายคนอาจบอกผม ว่าจะคิดมากทำไม ถ้าคุณซื้อรถราคา 2 ล้านขึ้นไป คงไม่แคร์ค่าน้ำมัน แต่นั่นเป็นความจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น
เพราะผมเชื่อว่า Volvo Xc40 จะเป็นรถต้อนรับคนเข้าแบรนด์ อันหมายถึงเขาซื้อวอลโว่เป็นคันแรก หลังประสบความสำเร็จในชีวิต ในมุมมองฐานะคนรีวิว ก็ต้องบอกว่า คนมีความคาดหวังกับประสบการณ์ที่ได้จากรถคันนี้มาก
รถสวย นั่งสบาย ทันสมัย ความปลอดภัยครบ แต่ถ้าคุณต้องขับเข้าเมืองทุกวัน แล้วพบว่า ต้องจ่ายค่าน้ำมันแสนแพงจากรถที่ดูแล้วน่าจะประหยัด ต่อให้เป็นเศรษฐีก็คงต้องคิดไม่น้อย ถ้าขับรถที่มีขนาดเล็กแล้วต้องจ่ายค่าน้ำมันแสนแพง
วอลโว่คงรู้ตัวดีเรื่องนั้น และพวกเขาเปิดตัว Volvo XC 40 T5 Twin Engine ออกมา เมื่อครั้นงานแสดงรถยนต์ปักกิ่ง ในเดือนเมษายน เมื่อปี พ.ศ. 2561 โดย จะใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 180 แรงม้า ควบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 แรงม้า ทำกำลังรวม 250 แรงม้า และให้แรงบิด 400 นิวตันเมตร
ไม่ว่าจะเทคโนโลยีตัวไหน ผมว่าที่สำคัญ คือ รถ Volvo XC 40 T5 R Design ค่อนข้างกินน้ำมันมากเกินไป เมื่อเทียบกับขนาดตัวในความเป็นจริง
แต่ใช่ ถ้าคุณมองหารถอเนกประสงค์สมรรถนะสูงขับได้ทุกวัน มันเป็นรถที่เหมาะมาก คุณสามารถทำความเร็ว 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 9.0 วินาที จากการทดสอบของเรา ทางตรงยาว 3.5 กิโลเมตร จะทำความเร็วได้ 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เป็นรถที่เหมาะสำหรับขับเร็ว ขับแทรกการจราจรที่คับคั่ง มันเหมาะเป็นรถที่รีบไปส่งภรรยา หรือรีบไปประชุม สำหรับผู้บริหารที่มีภารกิจหลายที่ แซงได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เป็นรถสปอร์ตในคราบรถบ้าน ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายครบเครื่อง ทั้งนั่งสบาย หรือจะขนสัมภาระงานหนักก็ตอบโจทย์
เรื่องความปลอดภัยก็ครบเครื่อง ไม่ว่าจะระบบเตือนมุมอับ,ระบบเตือนการหลุดเลน , ระบบกล้องมองรอบทิศทาง , รวมถึงระบบช่วยขับขี่ Pilot Assisted และ ระบบ Park Assisted Pilot ช่วยจอดทั้งขนานขอบทาง และ เข้าซอง
เป็นรถที่ยังเปี่ยมด้วยความสบายในการขับขี่ และเร้าใจเมื่อต้องการ ในราคาเดียวกันนี้คุณอาจไม่พบรถอเนกประสงค์สมรรถนะสูงในตลาดอีก
อย่างไรก็ดี ส่วนตัวค่อนข้างเชื่อว่า Volvo XC 40 T4 รุ่นล่าง น่าจะเป็นรถที่ตอบโจทย์กว่า แม้ว่ามันจะมีกำลังเพียง 190 แรงม้า แต่จากที่อ่านรายละเอียดทางเทคนิค แล้วพบว่า มันประหยัดมากกว่า เหมาะสำหรับใครที่ยังไม่สามารถตัดขาดเรื่องค่าน้ำมันได้อย่างจริงจัง
สำหรับผมลงมาจาก Volvo XC 40 ในวันสุดท้ายของการทดสอบ พร้อมถามคำถามตัวเองสั้นๆ ว่า จะซื้อไหม ???
ถ้าเป็นผม จะซื้อรถคันนี้ด้วยการออกแบบ ความสะดวกสบายและความปลอดภัย สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบใจจริง คือเรื่องความประหยัดน้ำมัน แม้ว่าจะเป็นรถที่ขับได้สนุกถึงใจอย่างมาก จนนาทีนั้นจะลืมเรื่องความประหยัดไปได้เลยก็ตาม หากเมื่อกลับสู่โลกความจริง ก็จะตระหนักได้ดังที่ผมเจอ
Volvo XC40 T5 R Design ผมว่า เหมือนความพยายามของวอลโว่ ในการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ภาพสปอร์ตสุดขั้ว ทิ้งความรู้สึกเฉิ่มเฉย มันเป็นรถที่ขับสนุกอย่างมาก ถ้าคุณพร้อมยอมใจยินดีจ่ายค่าน้ำมัน แต่ถ้ายังไม่พร้อม ผมว่าลองเสี่ยงดวงกับรุ่นที่ T4 น่าจะดีกว่า ถึงแม้จะแรงไม่เท่าแต่คาดว่าจะประหยัดกว่าแน่นอน
ถ้ามีโอกาส คงจะขอลองหาตัว Volvo XC 40 T4 มาลองขับดูสักครั้ง จะได้รู้ว่ามันต่างกับเจ้าวัยแรงคันนี้แค่ไหน
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
[ngg src=”galleries” ids=”952″ display=”basic_thumbnail”]