แม้ว่าในเวลานี้ กระแสสังคม จะหันไปทางรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก สืบเนื่องจากกระแสสังคม และความต้องการของคนจำนวนมากที่อยากจะหลุดออกจากวังวล รถเครื่องยนต์สันดาปใช้น้ำมัน
ถึงเราต้องยอมรับว่า รถยนต์ไฟฟ้า เป็น นวัตกรรมที่หลายคนสนใจ หากความจริงของการซื้อรถใช้งาน เราต้องการความสะดวกสบายในการขับขี่ ประหยัดเงินในกระเป๋า รถคันหนึ่งที่ต้องใช้งานได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ไม่ซ่อมบำรึงรักษาแพงไปในระยะยาว แถมยังต้องทนทาานในระดับหนึ่ง
ทั้งหมดนั้น ถ้าจะถามผมว่าในยุคนี้ อะไรเหมาะสมกับการใบ้งานมากที่สุด ก็คงต้องตอบตลามตรงว่า รถไฮบริดสักคัน น่าจะเป็นทางออกที่ดี และ หนึ่งในัน้นที่ได้รับความสนจ คงไม่พ้น Honda Civic e:HEV คอมแพ็ค ซีดานไฮบริดจาก ฮอนด้า ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดไม่นานี้
ที่จริง ฮอนด้า ซีวิค ไม่ได้เพิ่งมี รุ่นไฮบริด เป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปราวๆ 10 ปีที่แล้ว ฮอนด้า เคย นำเสนอ ซีวิค ไฮบริดมาครั้งหนึ่ง ภายใต้ การใช้ระบบขับเคลื่อน Honda IMA (Intregration Motor Assited) พ่วงกับเครื่องยนต์ 1.5 คล้ายที่นำเสอนใน Honda Jazz Hybrid ในยุคนั้น
พูดกันตามความจริง ในยุคนั้น ยังไม่มีใครมอง และต้องการระบบไฮบริดมากนัก รถรุ่นนี้พอขายได้ แต่ไม่มากอย่างที่คิด ทำให้ ในยุคต่อมา หลังจากรหัสตัวถัง Civic FB ทางฮอนด้า หันมาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ เป็นเรือธง แล้วปลดระวาง เครื่องไฮบริด ไม่ขายในไทย มานาน นับสิบปี
การกลับมาครั้งนี้ ในไฮบริด ของรถยนต์คอมแพ็คคาร์ ยอดนิยม ส่วนหนึ่งมาจากนโยบาย ของฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศ ญี่ปุ่น ที่ต้องการให้รถยนต์ฮอนด้ามีความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในรถยนต์ทุกรุ่น ประกอบกับ หลายปีที่ผ่านมา โตโยต้า คู่แข่งรายสำคัญก็จับเอารถยนต์ไฮบริดเข้ามาทำตลาดหลายรุ่น หนึ่งในนั้น คือ Toyota Corolla Altis Hybrid
ด้วยเหตุนี้ ทาง ฮอนด้า จึงตัดสินใจ นำเอา Honda Civic มานำเสนอ ในรูปแบบ รถยนต์ไฮบริดบ้าง และมันแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่วางขาย
ตัวตน เปลี่ยนไปนิดหน่อย
ในการนำเสนอ Hondas Civic e:HEV ทาง ฮอนด้า เปิดตัววางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EL+ และ รุ่น RS ที่เน้นความสปอร์ตมากกว่า
รุ่นที่เรานำมาลองทดสอบในวันนี้ เป็นรุ่น EL+ ต้องเรียกว่า เป็นรุ่นเน้นการใช้งานทั่วไป สไตล์รถนั่ง เน้นการซิ่งเท่าไร
มองเผินๆ ภายนอก มันก้คือ ซีวิค คันหนึ่ง ที่เราคุ้นหน้าตา บนถนนอย่างดี ไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย จนเป็นที่สังเกตได้เวลาขับขี่
จุดแตกต่าง อยู่ที่ โลโก้ ฮอนด้า สีฟ้าที่ออกแบบ มาเพื่อรถยนต์ที่เป็นไฮบริดเท่านั้น มาพร้อม ตรา e:HEV ขนาดเล็ก อยู่ที่ฝากระโปรงท้าย
อีกอย่าง ก็คงจะเป็นชุดล้อขอบ 17 นิ้ว ที่ดูเหมือนจะยกตรงมาจาก RS รุ่นก่อนหน้านี้ แถมยังให้ยาง Yokohama DB Diecibel เน้นความนุ่มเงียบ ใส่ภาพความเป็นรถนั่งอย่างเต็มตัว
ภายในห้องโดยสาร ปรับไปเล็กน้อย เทียบกับรุ่นเดิม … ที่เคยวางจำหน่าย
จุดสำคัญอยู่ที่การเพิ่มช่องแอร์หลังมาให้ แถม ยังตอบสนองในการใช้งานมากขึ้น ด้วยการนำเสนอ ชุดมาตรวัดใหม่ ที่มีการปรับปรุง ให้อ่านค่า ระบบ ไฮบริดได้ด้วย
จอเครื่องเสียงเอง ก็ยังสามารถให้ข้อมูล การทำงานของระบบไฮบริดได้ด้วย นับเป็นจุดเด่นที่สำคัญอย่างมาก ในการปรับปรุงภายใน
ส่วนอื่นๆ ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ได้แตกต่างจากเดิมที่วางจำหน่าย มาก่อนหน้านี้
ยกเว้น คุณ ซื้อรุ่น RS ก็จะได้เบาะหลัง ปรับพับได้ 60/40 มาเป็นลูกเล่นอีกอย่างเท่านั้นเอง
การวิศวกรรม
ทางด้านงาน วิศวกรรม ส่วนใหญ่แล้ว นั่นคือการปรับปรุง ระบบขับเคลื่อน หรือเครื่องยนต์ให้ตอบสนองได้ดีขึ้น
ฮอนด้า เลือกใช้ระบบ Sport Intelligence Multi Mode หรือ i-MMD เข้ามาตอบโจทย์การขับขี่รถรุ่นนี้
โดยแตกต่างจากหลายรุ่นที่นำเสนอไปตลอด 1-2 ปีทีผ่านมา ด้วยการเซอร์ไพร์ส ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร คล้ายกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ที่ทำตลาดมายาวนาน
ที่จริงแล้ว นี่น่าจะเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่ใช้ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พร้อมระบบไฮบริด การปรับปรุง ก็อย่างที่พอจะเห็นกัน กำลังขับจากมอเตอร์ไฟฟ้า ถูกลดลง เหลือเพียง สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0-2,000 รอบต่อนาที
ตัวเครืองยนต์ ปรับให้มีกำลังขับเพียง 141 แรงมา้ และแรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร เท่านั้น ทำหน้าที่ เพียงปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ในไฮบริด โหมด และ ใช้ในการขับขี่บ้างเป็นบางครั้งบางคราว ที่ใช้ทำความเร็วสูงๆ
ระบบส่งกำลังขับด้วย แบตเตอร์รี่ ลิเธียมไออน ไม่ทราบ ขนาดความจุ ตามที่มีการเปิดเผยออกมา แต่ มีแนวโน้ม ว่า มันจะเท่ากับ ฮอนด้า แอคคอร์ด
หรือ พูดตามตรงง่ายๆ นี่ คือ Honda Civic ที่เอาระบบขับเคลื่อน แอคคอร์ดมาใส่ลงไป แล้วปรับให้มันเหมาะสม กับการขับขี่ มากขึ้นนั่นเอง
การทดลองขับ
ที่จริง แอดมิน จอน เคยไปลองขับ เจ้า Honda Civic e:Hev มาแล้ว ที่เชียงราย และตอนนั้น ที่กลับมารายงานผม ยืนยัน อะไรๆ ก็ดี ยกเว้น อาการรถ เวลาเข้าโค้ง ที่รู้สีกแปลกๆ ไม่มั่นใจบ้างในบางครั้ง เวลเข้าโค้ง อันอาจเกิดจากการเซท ช่วงล่า งและล้อยางใหม่ แต่ ผมต้องบอกก่อนนะ ว่าที่ น้องมาพูดนั่นคือในรุ่น RS
อย่างที่ผมเรียนไป วันนี้ที่ขับ เป็น Honda Civic e:HEV EL+ มีความแตกต่าง RS ทั้ง ล้อ ขนาด 18 นิ้ว ยางก็คนละยี่ห้อ รุ่น RS พี่เขาให้ Pilot sport 5 เรียกว่า เน้นภาพ สปอร์ตเต็มๆ ไม่เคอะเขินเป็นรถนั่งแบบคันนี้
สาเหตุที่ผม นำคันนี้มา ข้อแรกเลย คือ ด้วยราคาคันนี้ เทียบกับตัวเทอร์โบเดิมไม่ได้ แตกต่างกันมากนัก ข้อที่ 2 , อันนี้เป็นเหตุผล ส่วนตัวของผม คนซื้อรถไฮบริด อาจไม่ได้ มองหาความสปอร์ต ในขุมพลัง ที่อออกแบบมาให้ประหยัด หรือเปล่า คนอยากซิ่ง ส่วนใหญ่ เดาว่า จะไปจบตัวเทอร์โบ เพื่อไปต่อได้ ตามร้านแต่งรถชื่อดังมากมาย
นั่นทำให้ ตอนที่ฮอนด้า บอกว่า EL+ ว่างอยู่นะ ผมไม่ลังเล จะยืมมันนำมาขับ ทันทีทันใด
เพื่อให้เข้าใจง่าย ผม จะแบ่ง การวิพากษ์ การขับขี่ รถคันนี้ออกเป็น 3 หัว ข้อ ตามที่ผมเห้น ว่ามีความแตกต่างจากเดิม ได้แก่ ระบบขับเคลื่อน , ช่วงล่างและสมดุลในการขับขี่ ,และ การเก็บเสียงครับ
ระบบขับเคลื่อน
อย่างที่เราสาธยาย เรื่องคุณสมบัติ ระบบขับเคลื่นไป Honda Civic e:HEV EL+ มีจุดเปลี่ยนแปลง หลัก อยู่ที่เครื่องยนต์ ที่มีความสามารถในการขับขี่ มากขึ้น (จริงรึเปล่าเดี๋ยวรู้กัน)
ตอนสเป็คเผยออกมา สาวก หลายคน อาจจะ อ้าว!! เฮ้ย!! ไม่เหมือนที่คิด ยกเครื่องแอคคอร์ด แต่ตอนกำลังลงไป นึกว่าจะทะลุ 200 ม้า หลังจากมีกระแสข่าวออกมามากมาาย
สาเหตุที่ ทางฮอนด้า ตอนม้า ที่มอเตอร์ คาดว่ามาจาก เรื่องของการระบายความร้อน เป็นหลัก เนื่องจาก ขนาดตัวรถที่แตกต่างกัน ก็เป็นส่วนหนึ่ง
อีกด้านกำลังขับ 184 แรงม้า นี่ก็ค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว กับการใช้งานทั่วไป และ ธรรมชาติ ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ตอบสนองได้ทันที ทันใจ ให้พูด ก็เดาว่าเหลือๆ แล้วล่ะ
ตอนขับในเมือง ช่วงแรก สิ่งที่ผมรู้สึกทันที่ออกมาจากฮอนด้า นี่คือรถที่ทำงานให้ตอบสนองในการขับขี่ได้ดี ขึ้นอย่างชัดเจน จุดเด่น ของมอเตอร์ไฟฟ้า เวลาขับใช้งานในเมือง คือ ค่อนข้างละเอียด เวลาเราเร่ง คุณสามารถใช้คันเร่งได้น้อยลง เพื่อ พารถไปข้างหน้า
เรียกว่า แตะๆ รถ ก็พร้อมออกตัวฮึบไปข้างหน้าทันทีทันใด ถ้าเผลอ เหยียบคันเร่งแรงๆ ตอนออกตัว บางที เสียงยางก็แอบลั่นบ้าง เวลาผิวถนนลื่นๆ ให้ความรู้สึก ฟีลสปอร์ต อยู่ใต้เรือนร่างลุคหรู อารมณ์ เหมือนเจ้านี่เป็นนักกรีฑาใส่สูท ราวๆ นั้น
ทางด้าน การตอบสนองในเมืองส่วนใหญ่ จะเป็นการขับขี่ ด้วยโหมด EV และ Hybrid เป็นหลัก เท่าที่สังเกต เทียบกับ Honda HR-V และ Honda City e:HEv ระบบของ Honda Civic จะค่อนข้าง ขับโหมดไฟฟ้า ได้ไกลกว่าพอสมควร และเวลาติดเครื่องปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ ใช้เวลาสั้นกว่ามาก และ ใช้รอบเครื่องต่ำกว่า เท่าที่จับสังเกต ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
เมื่อขับขี่เดินทาง โหมดการขับขี่ จะใช้ทั้ง 3 โหมด ไม่ว่าจะ EV , Hybrid และ Engine Drive Mode แต่เราต้องยอมรับว่า การทำงานแบบใช้เครื่องยนต์ต่อตรงลงไปขับเลย มีน้อยมาก จะเห็นเพีย งเวลาทำความเร็วขับยาวๆ ซึ่ง การจราจรบ้านเราส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น
ข้อดี ของไฮบริด ฮอนด้า คือการใช้งานมอเตอร์ขับเคลื่อน เป็นหลัก ทำให้การตอบสนองเวลาเร่ง หรือต้องการพลัง ทันอกทันใจ เนื่องจากธรรมชาติของมอเตอร์ไฟ้า จะมาพร้อมสิ่งที่เรียกว่า แรงบิดเฉียบพลัน หรือ Instant Torque ช่วยให้ รถพุ่งข้างหนเาอย่างรวดเร็ว
แถม แรงบิดของมอเตอร์ในซีวิค ก็แรงใช้ได้ 315 นิวตันเมตร อาจจะเรียกว่า มากที่สุดในตลาดคอมแพ็คในวันนี้ ก็ไม่ผิดอะไรนัก
จากที่ลองนั่ง 2 คน เหยียบปุ๊ปไปปั๊ปทันที เปลี่ยนให้ซีวิคซิ่งซ่าได้ตามใจ การมุดไปตามการจราจรหนาแน่น ยามช่วงเทศกาลทำได้ง่ายดายมากๆ ไม่มีต้องมารอจังหวะ เดี๋ยวเทอร์โบมา
แต่ก็เฉกเช่นไฟฟ้า ถ้า แบตต่ำ การตอบสนองก็อาจจะดรอปลงบ้าง นิดหน่อยแต่ไม่นาน ก็กลับมาซ่าใหม่ได้สบาย
แน่นอน ว่าเราไม่ลืมว่า จะวัด อัตราเร่งต่างๆ เอาไว้
จากผลการทดสอบ ของเรา พบว่า อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. จะอยู่ที่ 8.4X วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม. จะใช้เวลาเพียง 5.5 วินาที เท่านั้น ส่วนความเร้วปลาย ต้องยอมรับว่าลดลง จากรุ่นเดิม อยู่พอสมควร จาก 207 ก.ม./ช.ม. ในรุ่นเทอร์โบ วันนี้เหลือเพียง 191 ก.ม./ช.ม. ในรุ่นไฮบริด
ถ้าให้พูด ก็ต้องบอกว่า เร่งเร็วขึ้น แต่ความเร็วสูงสุดลดลง ซึ่งจริงๆ แลเว เรื่องความเร็วสูง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจสักหน่อย จริงไหมครับ
อย่างไรก็ดี นอกจาก อัตราเร้่ง จะดีขึ้นแล้ว อัตราประหยัด ก็ยังดีขึ้นตามไปด้วย จากการหันมาคบหาระบบไฮบริด
รถคันนี้ มีอัตราประหยัดค่อนข้างดีมากกว่าที่คุณคิด
- ในเมือง ได้ 17.51 ก.ม./ลิตร
- นอกเมืองได้ 22.52 ก.ม./ลิตร
ทั้งหมด ขับด้วย แก๊สโซฮอล 95 และ ถ้าสังเกต จะพบว่า ในเมือง การประหยัดน้ำมัน ทำได้ไม่ดี เท่ากับ การขับนอกเมือง
ถ้ามอง ก็น่าจะมาจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร นั่นเอง ที่มีขนาดใหญ่ แม้ว่าในเมืองจะทำงานน้อย ใช้เพียงปั่นไฟฟ้าไปแบตเตอร์รี่ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับ รถสันดาป เครื่อง 2.0 ทั่วไป หรือต่อให้เครื่อง 1.5 เทอร์โบ ของฮอนด้าเอง ก็ต้องยอมรับว่า เจ้า 2.0 ลิตร ไฮบริด ตัวนี้ ทำอัตราประหยัดได้พอตัว
และที่น่าสนใจ คือ การขับนอกเมือง แม้ว่าขับด้วยความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม.เป็น ความเร็วเดินทาง ก็ยังประหยัดมากอย่างน่าประทับใจ
เทียบกับ มวลหมู่ในรถยนต์ ฮอนด้าไฮบริดด้วยกัน เจ้านี่ประหยัดดีเท่าๆ เครือง 1.5 ลิตร ไฮบริดแต่ เรื่องการตอบสนองนั้นดีกว่ากันเยอะ พอสมควร
ช่วงล่าง และสมดุลในการขับขี่
จะว่าไป เครื่องยนต์ อาจจะเป็นจุดเด่น ที่สำคัญ ของ ฮอนด้า ซีวิค คันนี้ แต่เมื่อเครื่องยนต์เปลี่ยน สิ่งที่ต้องปรับปรุงตาม นั่น คือ ระบบกันสะเทือน นั่นเองครับ
ระบบกันสะเทือนของ Honda Civic e:hev ได้รับการยืนยัน ว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นเทอร์โบ ส่วนสำคัญก็มาจากการจัดวางชิ้นส่วน ไฮบริด ที่ไม่ได้มีเพียงเครื่องและเกียร์ แต่ยังมีแบตเตอร์รี่ ที่จับมาวางไว้ทางด้านหลังด้วย
ถึงในรายละเอียดทางเทคนิค จะพูดเหมือนๆ กันว่า มันมาพร้อม ระบบกันสะเทือนแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ทางด้านหน้า ,และด้านหลังเป็นแบบ มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
แต่ความจริงแล้ว การตอบสนอง ของช่วงล่างไม่เหมือนเดิม เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และมีการวางกระจายไปยังจุดต่่งๆ ของรถ
ด้วยล้อและยางขนาดเดิม ที่หิ้วมาจากรุ่นเทอร์โบ ทำให้ผมสามารถเทียบอาการในการขับขี่รุ่นไฮบริดได้ง่ายขึ้น การเซทตอ้งช่วงล่างของ e:HEV จะเน้นให้ความสบายในการขับขี่มากกว่า อย่างชัดเจน การซับแรงสะเทือนจากถนน ไปทางเฟิร์มแน่นมากขึ้น
การเก็บอาการหลุมถนน รอบต่างระดับซับและตอบสนองได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะขับในความเร็วต่ำ หรือความเร็วสูง
การเปลี่ยนแปลงช่วงล่างและกระจายสมดุลรถ จะเห็นชัดขึ้น เวลา ขับด้วยความเร็วแล้วเปลี่ยนเลนบ่อยๆ อย่างการมุดไปตามการจราจร เมื่อใช้พวงมาลัยปรับทิศทาง จะพบว่า รถเอนตัวและเหวียงไปทั้งคัน ไม่ใช่อาการในแบบหน้าไปตูดตาม
อาการนี่้ยิ่งชัดขึ้นเมื่อขับเข้าโค้งในความเร็วสูง ท้ายรถจะไม่เหวี่ยงตัวหนีออกไป เวลาเข้าด้วยความเร็ว มันดูเชื่องไปตามเราสั่ง เวลาบังคับเลี้ยวมากขึ้น ช่วยให้ความั่นใจ และง่ายต่อการควบคุมมากขึ้น
และน่าแปลก ที่แม้เราผละจะผู้ขับขี่ มาเป็นผู้โดยสาร ก็ยังพอจะรู้สึกได้ว่า รถมีการตอบสนองที่เปลี่ยนไป นั่งสบาย มั่นใจ ไม่ผิดกับ การนั่งขับเองหลังพวงมาลัย
นั่นด้วยการตอบสนองจากช่วงล่างนั่นเอง
การเก็บเสียง
แน่นอนว่า ประเด็นหนึ่ง ที่น่าจะพูดถึงกันน้อยมาก คือ การเก็บเสียงในห้องโดยสาร ซึ่งเดิมที เป็นหนึ่งในจุดที่วิพากษ์วิจากรณ์ กันอย่างหนัก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพ ของซีวิค ได้ปรับการตัดมุมกระจกบังลมหน้าใหม่
รวมถึงยังพยายามใช้โครงสร้างแบบเดียวกับ แอคคอร์ด เพื่อลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
แต่ตอนขับรุ่นเทอร์โบ สัมผัสแรก การเก็บเสียงในห้องโดยสารนั้นกลับทำได้ไม่เท่าไร ยังไม่ดีอย่างที่คิด เสียงลม เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ค่อนข้างเยอะ
ตัดภาพมาที่รุ่นนี้ การเปลี่ยนแปลง เรื่องการเก็บเสียง ในรถรุ่นนี้ทำได้ดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากการปรับมาใช้เครื่องยนต์ไฮบริดนั่นเอง
เมื่อ เครื่องยนต์ขับด้วยไฟฟ้ามากขึ้น และ ใช้เครื่องยนต์น้อยลง ในบางช่วงบางตอน ทำให้
- อาการสั่นสะเทือนของตัวรถน้อยลง
- เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ก็น้อยลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์นั้น ด้วยหลักการทำงานในรูปแบบ รอบเครื่องยนต์คงที ในช่วงไฮบริด ทำให้ ความสบายในการโดยสาร ดีกว่ามาก
นอกจากนี้ เราเชื่อว่า ทางฮอนด้า มีการบุเก็บเสียงบางจุดเพิ่มเติม หลังจากได้รับฟีดแบ็คจากลูกค้า ไปตลอดช่วงปีทีผ่านมา ทำให้ในภาพรวม การเก็บเสียงรุ่นไฮบริด ดีกว่าเทอร์โบ อย่างชัดเจน จนแม้แต่การก้าวขึ้นไปครั้งแรกบนรถรุ่นนี้ก็ประทัยบใจ
Honda Civic e:hev EL+ ทรงพลังและประหยัดในคันเดียว
ในยุคนี้ หลายครน อาจจะมองไปยังรถยนต์ไฟฟ้ากันแล้ว และ ด้วยราคาของ Honda Civic e:HEV แม้แต่รุ่น EL+ ที่เรานำมาขับนี้ ที่มีราคา 1,129,000 บาท เรียกว่า ขี่กับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศ ที่เริ่มเข้ามาทำตลาดหลายรุ่น หลายยี่ห้อ
แต่ พอพูดกันถึงความจริงในการใช้รถ ก็ต้องยอมรับว่า รถยนต์ไฮบริด ยังเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม แม้ว่า จะยังต้องเติมน้ำมัน ก็ยังประหยัดมาก ประสิทธิภาพในการขับขี่ ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควร รวมถึง ยังไม่ต้องวุ่นวาย ติดตั้งตู้ชาร์จ แย่งชิงจุดชาร์จ หรือ รอชาร์จนานๆ ให้ วุ่นวายใจ
โดยส่วนตัว ผมมองว่า Honda Civic e:HEV มีดีในแบบที่มันเป็น รถใช้งาน ที่ขับได้ดี ประหยัด ขับสนุก และ มีประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อน ที่ทำออกมาได้จนน่าประทับใจ และ ยังปรับปรุงการตอบสนองในการขับขี่ให้ลงตัวมากขึ้นตามไปด้วย
จุดเด่นจริงๆ อยุ่ที่พลังขับ และความประหยัด บวกกับ ช่วงล่างที่นุ่มสบาย
ถ้าจะถามว่า ข้อเสียรถคันนี้มีอะไร ก็คงต้องตอบตามตรงว่า มันเป็นไฮบริดที่ไม่ได้ประหยัดในเมืองเท่าไร รวมถึงตัวรถยังไม่ได้มีลูกเล่นหวือหวามากนัก
ดังนั้น รวมๆ Honda Civic e:HEV EL+ จึงเป็นรถที่เหมาะสมกับการใช้งานในประจำวัน อย่างไร้กังวล ขับได้ทุกที่ไปได้ทุกทางมีความประหยัด ที่ำสคัญระบบ e:HEV 2.0 มีการติดตั้งใน แอคคอร์ด
รวมถึง ภาพลักษณ์ ซีวิคใมห่ที่ดูหรูขึ้น มันก็เลยเหมือน คุณ มี แอคคอร์ดย่อส่วน ในราคาที่คุณจับต้องได้ง่ายขึ้น นั่นเองครับ