ในยุทธจักรรถอเนกประสงค์ รถในกลุ่ม PPV หรือ อเนกประสงค์ตรวจการจากกระบะถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมมายาวนาน แม้ว่าในระยะหลังแบรนด์นิสสัน อาจจะห่างหายไปจากตลาดบ้างหากเสน่ห์อเนกประสงค์พร้อมลุยในราคาจับต้องได้ กลับมาอีกครั้งหลังจากแนะนำรถยนต์ Nissan Terra ใหม่ ออกสู่ตลาด
Nissan Terra ใหม่เป็นโครงการเร่งด่วนในแบรนด์นิสสัน ที่ต้องการกลับมาผงาดอย่างองอาจในภูมิภาคอาเซียน พวกเขาพยายามตีโจทย์ความต้องการคนในอาเซียน อะไรที่ทำให้คนตัดสินใจผละจากเก๋งมาซื้ออเนกประสงค์มากขึ้น ยิ่งในบ้านเรารถกลุ่มนี้ได้รับความนิยม จากเหตุผลต่างๆ นานานัปการ ไม่ว่าจะการสะดวกยามเดินทาง อุปสรรคในการขับขี่ ทั้งยังสอดรับการใช้ชีวิตครอบครัวหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันว่าง ยิ่งส่งเสริมให้การกลับมาครั้งนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องไม่มากก็น้อย
กว่าเดือนผ่านมา นับตั้งแต่ทางนิสสัน เปิดตัวรถยนต์ Nissan Terra ใหม่ ออกมาทำตลาด นี่ถือเป็นครั้งแรก และพวกเราน่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่มีโอกาสทดสอบอเนกประสงค์พร้อมลุยรุ่นใหม่ของนิสสันในประเทศไทย
การพบเจอกันครั้ง นิสสัน เทอร์ร่า ยังคงสะกดสายตาเราด้วยเส้นสายงานออกแบบที่ยังคงการออกแบบที่ถอดเอารายละเอียดส่วนใหญ่มาจาก Nissan Navara รถกระบะของบริษัท โดยเฉพาะทางด้านหน้าที่เหมือนกันรากับแกะ ไม่ว่าไฟหน้า , กระจังหน้าใหม่ จะผิดรูปหน่อยก็ตรงกันชน ติดตั้งมาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว สีทูโทนให้ความหล่อมาตั้งแต่เกิด
ส่วนด้านหลังบรรจบลงตัวด้วยการออกแบบด้านท้ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะดูสปอร์ตเต็มเต็ง ตั้งแต่ไฟท้ายเฉพาะรุ่น ฝาท้ายที่ดูเรียบง่าย บางมุมดูหรู การตบแต่งด้วยโครเมียมฝุ่นๆ พร้อมคำว่า “Terra” ดูแปลกตาเล็กน้อย กันชนท้ายมาพร้อมชายกันชนพลาสติดปั้มขึ้นรูปเป็นลายคาร์บอน
จนเมื่อมองภาพรวมคุณจะรู้สึกว่า Nissan Terra ให้ความรู้สึกแปลกๆ ในการออกแบบ มันดูลุย มันดูหรู มันดูดี บางทีก็ดูสปอร์ต กลายเป็นส่วนผสมในการออกแบบที่แลจะแปลกตากันสักหน่อย
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร นิสสันยังคงใช้อุปกรณ์ทรงมาตรฐาน ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแม้คุรจะคิดว่าซื้อรถราคาระดับ 7 หลัก น่าจะได้ดีกว่านี้ เช่น ตัวกุญแจ Keyless ,ปุ่มสตาร์ท ทั้งหมดเหมือนกับรถอีโค่คาร์ ทำให้บางมุมความรู้สึกดูด้อยค่าด้อยราคาไปบ้างเหมือนกัน
ตัวคอนโซลกลางทำขึ้นมาใหม่ ยังคงเล่นเกมสำเร็จรูป ด้วยหน้าปัดอันคุ้นเคย ไมล์เรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลตรงกลางขนาด 5 นิ้ว แสดงผลด้วยภาษาไทย ช่วยให้เข้าใจง่าย พวงมาลัยมัลติฟังชั่น มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและชุดจอทางด้านซ้าย ด้านขวาให้ชุดปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มาด้วย
ตรงกลางคอนโซลหน้าให้ระบบเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ และมาพร้อมระบบแผนที่นำทาง โดยผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Kenwood ขับกล่อมด้วยลำโพง 6 จุด มีชุดจอมอนิเตอร์ผู้โดยสารตอนหลังมาให้เสร็จสรรพครบครันการใช้งาน
ขึ้นตำแหน่งเบาะนั่งคนขับ จับปรับระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลัง เบาะนั่ง Zero Gravity ถือเป็นชุดเบาะที่ค่อนข้างนั่งสบายตัวยามเดินทางไกล ใช้เทคโนโลยีจากนาซ่าในการพัฒนาชุดเบาะขึ้นมาตามหลักสรีรศาสตร์ ลดการกดทับเฉพาะจุดเมื่อคุณนั่งนานๆ
ผมปรับเบาะลงต่ำสุดเท่าที่ทำได้ ปรับพวงมาลัยขึ้นสุด ค้นพบว่า ท่านั่งสำหรับคนตัวใหญ่ดูเต่อๆ นั่งไม่ค่อยสบาย แถมพวงมาลัยไม่สามารถยืดหดได้อีก ทำให้ท่านั่งยิ่งยากจะปรับให้เข้ากับสรีระจริงๆ
มองตรงกลางคันเกียร์มีปุ่มพับเบาะ One Touch กดครั้งเดียวแถว 2 ตอนหลังกระเด้งม้วนหกกับมาด้านหน้าทันใจ ไม่ต้องไปคอยลงไปบริการผู้โดยสารแถว 3 สามารถพับได้ในอัตรา 60/40 และ เบาะแถว 3 พับได้ในอัตรา 50/50 ส่วนพื้นที่โดยสาร ยังคงเดิมเบาะแถว 3 เหมาะสำหรับเด็กควรเปิดใช้เมื่อคราวจำเป็นเท่านั้น ส่วนเบาะแถว 2 สามารถปรับเลื่อนได้เล็กน้อย ถ้าต้องการ ชุดเบาะติดตั้งสูงกว่าเบาะแถว แรกเล็กน้อย เพื่อให้มองเห็นทัศนวิสัยโล่งกว้าง ไม่รู้สึกอึดอัดในในระหว่างเดินทาง
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Nissan Terra VL 2.3 2WD ต้อนรับกด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ รหัส YS23 รุ่นใหม่ที่ยกมาจากแบรนด์เรโนลต์ ขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ ขนาด 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 PS สูงสุด 3,750 รอบนาที ทำแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ได้รับการยืนยันว่า ยกมาจากนิสสัน นาวาร่า ที่ใช้มายาวนาน
ถามว่ากำลังเป็นอย่างไร ช่วงแรกยังตอบยาก เนื่องจากเป็นช่วงทางโค้งลงเขาต่อเนื่อง กำลังเครื่องจึงไม่ได้ใช้มากมายนัก แต่การกวัดกวาดพวงมาลัยให้ความรู้สึกว่าตอบสนองอัตราทดได้ค่อนข้างดี อาจจะยังไม่ได้ให้ความรู้สึกสปอร์ตคมๆ แบบขี่รถเก๋งก็จริง หากก็ยังคุมง่าย
อย่างน้อยนิสสันก็ปรับชุดพวงมาลัยให้ตอบสนองดีขึ้นเมื่อเทียบกับนิสสัน นาวาร่า ตามมือมากขึ้น บังคับตามใจมากว่าไม่มีระยะฟรีให้น่ารำคาญใจ ให้กังวลโดยเฉพาะในการขับรถสูใหญ่ ซึ่งบางครั้งอาจต้องการตอบสนองเร็ว แต่คงจะหวังให้มันดีเท่ารถสปอร์ต หรือเท่ารถเก๋งคงเป็นไปไม่ได้ จริงไหมครับ
ขับบนเขาต่อเนื่องแบบนี้ระบบกันสะเทือนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ระบบช่วงล่างแบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น พร้อมคอยยสปริงและเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า และด้านหลังแบบไฟว์ลิงค์ ช่วยให้ขับขี่ได้ค่อนข้างมั่นใจเหมือนเก๋งอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะในเรื่องการลดการโคลงตัวระหว่างการขับขี่ Nissan Terra ทำได้อย่างดีเยี่ยมจนต้องขอออกปากชมเชย แถมระบบกันสะเทือนยังซับแรงกระแทกได้ดี แม้ผ่านทางหลวงชนบทที่ดุราวขาดการบำรุงรักษามายาวนาน อุดมด้วยหลุมบ่อที่โบกมือต้อนรับเราอย่างเนืองๆ
แรงกระแทกกระเด้งกระดอนจากหลุมสามารถรู้สึกได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่รู้สึกว่าสะท้านเข้าสู่ห้องโดยสาร ด้วยการออกแบบวางลูกยางรองตัวถังไว้ระหว่างแชสซีหลายจุด เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ ผลคือห้องโดยสารสั่นสะเทือนน้อยลง นั่งสบายขึ้น เมื่อรวมกับการติดตั้งกระจกซับเสียงพิเศษ อคูสติกกลาส และการใส่วัสดุซับเสียงหลายจุดในห้องโดยสารทั้งจากห้องเครื่องและช่วงซุ้มล้อ ยิ่งทำให้เจ้าอเนกประสงค์รุ่นนี้ป็นเอกในด้านการโดยสารมากกว่ารถในกลุ่มเดียวกันที่เคยสัมผัสมา
ระหว่างทางลงเขา ผมเริ่มสังเกตว่าเจ้า นิสสัน เทอร์ร่า ที่ขับดีรับมือกับบรรดาโค้งต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ กลับดูสนุกสนานทางลงเขามากเกินไปนิด ชุดเกียร์ 7 สปีด กลับไม่ช่วยเปลี่ยนเกียร์เวลาลงเขา การไม่เชนช่วยทำให้ผู้ขับขี่ต้องเบรกรถอย่างต่อเนื่องมากขึ้น กลายเป็นเบรกมีภาระมากระหว่างลงเขา ทางเดียวที่จะควบคุมรถได้มั่นใจในทางแบบนี้กลับเป็นหันมาใช้ Manual Mode เลือกจังหวะเกียร์เอง ซึ่งก็ถือว่าถูไถพอจะแทนกันได้บ้าง
ลงมาจากทางเขา ถึงพื้นราบออย่างปลอดภัย ช่วงสุดท้ายเป็นทางถนนสี่เลนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ผมลองกระทืบคันเร่งออกตัวช่วงแรกเครื่องจะออกตัวแบบนิ่มนวล มาเนิบๆ ไม่หวือหวา จนมาถึงช่วงแรงบิดสูงสุดรถจะพุ่งตัวออกอย่างรวดเร็วขยันขันแข็ง ระหว่างช่วงเดินทางคันเร่งจะเนียนกดเป็นมาแซงง่าย ทำให้ร่างใหญ่ 2 ตันพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนภาพเป็นรถขับสนุก
ผมมีโอกาสสั้นๆ ถนนโล่งๆ ลองจับอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ของ Nissan Terra 2.3 VL 2WD โดยในรถนั่ง 2 คน ผมได้อัตราเร่ง 11.6 วินาที ส่วนอัตราเร่งช่วง 80-120 ก.ม./ช.ม. ได้ 7.8 วินาที จากเครื่องมือ V Box Race Logic ที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานทางด้านการทดสอบรถยนต์
ตลอดการเดินทางกับ นิสสัน เทอร์ร่า ผมลงมาพร้อมสรุปกับตัวเองว่า มันเป็นรถที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะใครที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์สักคันไปรับญาติผู้ใหญ่ เน้นใช้ขับเดินทางไกล ไม่ได้คิดมาเรื่องหน้าตาที่โหนมาจากกระบะของค่าย
ส่วนดีของรถคันนี้คือสมรรถนะจากเครื่องยนต์ , ความเงียบในห้องโดยสาร และแรงสั่นสะเทือนในระหว่างการเดินทางน้อยมาก รวมถึงรถยังโคลงตัวน้อย ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และคนนั่งไม่หวั่นใจแม้ว่าคุณจะใช้ความเร็วก็ตาม
อย่างไรก็ดี ด้วยการใช้เกียร์รุ่นเดิมยกมาจาก Nissan Navara ทำให้ยังขาดตัวช่วยในการขับขี่ในบางจังหวะ โดยเฉพาะการขับลงเนินในเกียร์ D น่าจะช่วยลดเกียร์ต่ำให้ผู้ขับขี่ หรือ ในบางจังหวะจะต้องขึ้นเนิน กว่าจะเปลี่ยนเกียร์ให้ ก็แทบจะต้องรีดแรงบิดที่มีจนหยุดสุดท้าย ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าตอบสนองเร็วทันใจกว่านี้
ตลอดจนเรื่องการออกแบบที่ยังคงหน้าตาของความเป็นกระบะในการออกแบบทางด้านหน้า สมควรจะพิจารณาปรับเปลี่ยนให้รู้สึกแตกต่าง ด้วยจะเห้นว่าแนวความคิดรถกลุ่มนี้ในปัจจุบัน คือการคงตัวตนจากกระบะน้องที่สุด โดยเฉพาะแนวทางการออกแบบภายนอก เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสนใจ และคิดว่ามันไม่ใช่กระบะ ทั้งที่จริงก็อาจจะมาจากพื้นฐานเดียวกัน
Nissan Terra ใหม่ ถือว่าเป็นรถที่มาพร้อมการตอบโจทย์ดีเด่นในหลายด้านกับราคาขายที่สมเหตุสมผล หากจะซื้อรถกลุ่มนี้ไม่ควรมองข้ามมัน ยิ่งกับความโดดเด่นในการขับขี่ ความสบายในการโดยสาร ถือว่าไม่เป็นสองรองใครตลาดเลย
ขอบคุณ นิสสัน ประเทศไทย ที่เชิญร่วมทดสอบรถอเนกประสงค์ Nissan Terra ใหม่
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg src=”galleries” ids=”742″ display=”basic_thumbnail”]