Home » Honda BR-V EL พ่อบ้านครบเครื่อง นั่งสบาย ปลอดภัย
Bust First Drive รีวิว

Honda BR-V EL พ่อบ้านครบเครื่อง นั่งสบาย ปลอดภัย

ช่วงชีวิตหลายคน คงจะมาถึงจุดเปลี่ยนในแต่ละวัย สำหรับคนวัย 30 ย่าง 40 อย่างผม การเตรียมมีคนที่เรารักเพิ่มขึ้นมากกว่า ภรรยา นับว่าเป็นเรื่องที่จะพูดก้ตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อมาถึงจุดนี้ รถยนต์ที่เราใช้ ก็ต้องเปลี่ยน ไปสู่แบบใหม่ ที่ทำให้ ครอบครัวสุขสันต์มากขึ้น

รถยนต์อย่าง Honda BR-V กลายเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ในฐานะรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ราคาพอจับต้องได้ ใช้งานได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในประจำวัน หรือ ใช้งานในวันว่าง เมื่อต้องเดินทาง ไม่ว่าจะไปยกครัว หรือ ไปกัน 3-4 คน พ่อแม่ลูก รถกลุ่มนี้ สามารถตอบสนอง ต่อการใช้งาน ได้อย่างน่าทึ่งไม่น้อย

ดั้งเดิมที BR-V ถูกพัมนาจากโครงสร้างตัวถังของ Honda Brio หากการกลับมาอีกครั้งในฐานะรถที่ขายดีในยุคนี้

รุ่นใหม่ ทางฮอนด้า ได้จัดการปรับตัวรถขนานใหญ่ เริ่มจาก อย่างแรก ปรับเปลี่ยนโครงสรา้งตัวถัง โดยพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ได้ใช้โครงสร้างเดิมเลย สิ่งที่ไม่ค่อยชัดเจนในเรื่องนี้ คือ เป็นไปได้หรือไม่ ที่มันจะใช้พื้นฐานจากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Honda City เรื่องนี้มีเพียงทีมวิศวกรเท่านั้นที่ทราบ

ที่แน่ๆ ทีมออกแบบ ทำงานอย่างหนัก ในการสร้างสรรค์ให้ BR-V สลัดคราบพ่อบ้านแนวสปอร์ต มาสู่ความหรูหรามากขึ้น ภาพความหรูไม่ใช่อะไรๆ ก็ยัดโครเมี่ยมเงาๆ มาให้ ในรุ่น EL คุณจะพบว่า ฮอนด้า หันมาใช้กระจังหน้าสีดำเงา Paino Black ช่วยให้รถดูมีความลงตัวมากขึ้น ชุดไฟหน้า LED ถูกเติมเข้ามา เช่นเดียวกับ Daytime Running Light ที่เข้ามาเติมเต็มความน่าใช้ในรุ่นนี้

ล้ออัลลอย อัพเกรดมาเป็นขอบ 17 นิ้ว ทูโทน ลวดลายดูคล้ายๆ Honda Accord บนหลังคา มีรายหลังคาทรงเตี้ย สามารถใช้งานได้จริง เพียงแค่มันอาจจะไม่เหมาะต่อการใช้รับสิ่งของน้ำหนักมาก เท่านั้น เช่นเคย ประตูหลัง ยังเน้นความสามารถเปิดได้กว้าง ถูกใจ พ่อตาแม่ยาย คนแก่ ที่อาจจะต้องใช้พื้นที่ขึ้นลงรถ รวมถึง ยังง่ายสะดวกต่อการขึ้นไปนั่งในเบาะนั่งแถว 3

ท้ายรถมาพร้อมไฟท้าย LED ลักษณะไฟท้าย ทรงคล้ายๆ กับ Honda City อยู่หลายมุม ส่วนประตูท้ายยังเปิดมือ น่าเสียดาย ทีมออกแบบ บังเชทื่อมั่นในการวางจุดมือเปิดต่ำ ทำให้เราต้องล้วงเวลาเปิดประตูท้าย เหมือนที่ผ่านมา

รอบคัน Honda BR-V EL ยังคงให้ชิ้นส่วนพลาสติกสีดำด้าน รองรับการใช้งานสมบุกสมบัน ไม่ว่าจะที่กันชนซุ้มล้อ มาจนถึงท้ายกันชนหลัง

Honda BR-V EL  สีขาว Sunlight

น่าเสียดายรถรุ่นนี้มีสีให้เลือกไม่มาก มีเพียงขาวกับดำ จนเราแอบสงสัยว่า แม้แต่สีเทา ก็ไม่มีให้เลือกเลยหรือ ทั้งที่อินโดนีเซียก็มี กลายเป็นรถสีไว้ทุกข์ ที่อาจจะขัดใจ คนไทยอย่างแท้จริง

ห้องโดยสารนั่งสบาย

ทางด้านภายในห้องโดยสาร Honda นำเสนอ ภายในที่มาพร้อม เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งเหมือนเดิม เบาะของรุ่นนี้ถูกเรียกว่า Comfort 7

เบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้ 50/50 พนักพิงหลังปรับได้ 2 ระดับ โดยเมื่อพับเบาะลงไปแล้ว จะพบว่า เบาะสูงกว่า พื้นห้องสัมภาระพอประมาณ ฮอนด้าแก้เกม โดยการ ทำ ให้พื้นสามารถยกระดับ เป็น 2 ชั้นได้ เมื่อพับเบาะ ก็เพียงยกพื้นมาแปะช่องข้างบนเท่านั้น … จีเนียส สุดๆ

ภายในห้องโดยสาร มีความแตกต่างจากรถยนต์ รุ่นอื่นๆ ของ ฮอนด้า ทั้งหมด พัฒนา โดยทีมออกแบบ ที่ศึกษาตลาดไทย และ อินโดนีเซีย

มาต่อกันที่เบาะนั่งแถว 2 บ้าง เบาะนั่งตำแหน่งนี้ คือ ตำแหน่งสวรรค์ของรถรุ่นนี้ เพราะตรงหน้าคุณมีทั้งช่องแอร์ อยู่บนหลังคา สามารถปรับพัดลมได้ 3 ระดับ ท้ายคอนโซลกลาง มีช่องชาร์จ 12 โวล์ต มาให้ลูกค้าได้เลือกใช้ ทั้งที่ความจริง น่าจะเป็นช่อง USB ที่น่าจะตอบโจทย์มากกว่า

เบาะนั่ง ค่อนข้างมีความนุ่มเฟิร์ม ที่รองนั่ง และพนักพิงหลังที่ค่อนข้างใหญ่ มีที่เท้าแขนตรงกลางมาให้ ตัวเบาะ สามารถ เลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ 3 ระดับ ช่วยให้การโดยสาร สะดวกมากขึ้น

ทางด้านหน้า ฮอนด้านำเสนอ คอนโซลหน้าที่มีความเรียบง่ายในการใช้งาน ตรงหน้าคนขับ มาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์เรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลต่างๆที่จำเป็น แม้ว่าจะยังไม่เป็นจอสีเหมือนคู่แข่งก็ตาม

ที่น่าแปลกใจ ฮอนด้า เลือกใช้ระบบความบันเทอง จอ 7 นิ้ว แทนจอ 8 นิ้ว ที่แนะนำในบ้านเรา อาจจะด้วยรถคันนี้มาจากอินโดนีเซีย มาพร้อมระบบปรับอากกกาศ อัตโนมัติ ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบาย

การทดลองขับ Honda BR-V EL

ใต้ฝากระโปรง ฮอนด้า ตัดสินใจใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังขับสูงสุด 122 PS และ ให้แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT งวดนี้เด่นกว่าด้วย ความสามารถในการเลือกเกียร์ได้เอง ผ่านระบบ Paddle shift ช่วยให้รถตอบสนองต่อการขับขี่ดีขึ้น

น่าเสียดาย ฮอนด้า ไม่ติดตั้งโหมดการขับขี่ Econ มาให้ ในพ่อบ้านคันนี้ และไม่มีกระทั่ง Idling Stop มาให้คุณได้ใช้

ด้วยความเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก จึงยังคงใช้ ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม รวมถึง ระบบดิสก์เบรกทางด้านหน้า และ ดรัมเบรกทางด้านหลัง ในมุมหนึ่งมันง่ายต่อการดูแลรักษา หากถ้าจะมองเทียบกับคู่แข่ง อย่างโตโยต้าจะพบว่า รถได้ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ มาแล้ว และ BR-V ก็ราคาสูงกว่า

เส้นทางการขับขี่ วันนี้ ฮอนด้า เลือกเส้นทาง นครนายก-สระบุรี วิ่งเป็นวงกลม แล้วกลับมาจบที่ จุดเริ่มต้น เส้นทางในวันนี้จึงต้องบอกก่อนครับว่า เป็นรูปแบบการเดินทางไกล เท่านั้น

เครื่องยนต์

อย่างที่กล่าว รถคันนี้พก เครื่องยนต์ 1500 เบนซิน กำลังขับ ไม่ได้มากกว่า ฮอนด้า ซิตี้ ที่พกเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบเลย สาเหตุที่ฮอนด้าไม่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ ในรถรุ่นนี้ เนื่องจาก รถคันนี้ออกแบบที่ประเทศไทย แต่ผลิตจริงที่อินโดนีเซีย นั่นเอง

Honda BR-V EL  สีขาว Sunlight

ที่อินโดนีเซีย รถยนต์เกือบทั้งหมดที่นั่น เป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เสียส่วนใหญ่ ทั้ง Honda City ,Honda HR-V เป็นเครื่องยนต์สหกรณ์ยอดนิยมของ ฮอนด้า อินโดนีเซีย เมื่อทีมต้องไปพึ่งพาสายการผลิตโรงงานที่โน่น ทำให้ฮอนด้า จึงต้องใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ตามเขาเพื่อไม่ให้วุ่นวายสายการผลิต

ส่วนอีกเหตุผล เท่าที่คุย กับวิศวกร คือ ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เมื่อไม่มีเทอร์โบ ในระยะยาวรถก็จะทนทานขึ้นด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่น่าสนใจไม่น้อยจริงๆ

จากการลองขับ ในรถวันนี้มี 3 คน โดยสารรวมผู้ขับขี่ กำลังวังชารถคันนี้ ค่อนข้างตอบสนองได้ดี ในช่วงเร่งแซง จะแปลกใจนิดตอนออกตัว ที่ยังเชื่องช้า เหมือนมีจังหวะอมเกียร์ในช่วงแรก อาจเพราะ อยากให้รถไม่กระโชกโฮกฮากมากเกินไป

ช่วงคิกดาวน์ เป็นไปอย่างนุ่มนวล จังหวะต่อเกียร์ ทำได้ดี ในแต่ละช่วงความเร็ว หากเลือกใช้ระบบ Paddle Shift กระดิกนิ้ว ตอบสนองได้ค่อนข้างเร็วพอสมควร

ทางด้านคันเร่ง ออกแนวคล้าย โหมด Econ ใน Honda City ไม่เร็วมากเกินไป และไม่ช้าจนเกินงาม

การเป็นเครื่องยนต์ N/A ทำให้รอบเครื่องค่อนข้างสูงนิด เวลาเร่งแซง มีเสียงดังเข้ามาบ้างในห้องโดยสาร และถ้าคุณเหมือนผม ที่เคยผ่านมือเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ พูดตามตรงว่า เจ้านี่ไม่ได้ช้ากว่าเท่าไรนัก แต่ความเร้าใจจากเครื่องยนต์เทอร์โบ ยังไงก็สนุกสนานกว่า ในแง่ความรู้สสึก

กลับกัน สำหรับคนนั่งอาจรู้สึกไม่สนุกสนานนัก ถ้าจะต้องถูกแรงดึงเทอร์โบ วื้ดๆ ต่อเนื่อง อาจโดนโบกเอาง่ายๆ ถ้า ภรรยาไม่ใช่สายซิ่งคอเดียวกับคุณ

การควบคุม

ส่วนที่ดีที่สุดของ Honda BR-V นั้น อยู่ที่ระบบกันสะเทือน ที่เซทออกมาอย่างลงตัวที่สุด และขอยกเลยว่า นี่คือรถที่ขับสบายที่สุดในคลาส

อย่าแปลกใจ ที่หลายครั้ง คุณจะนั่งอยู่คนเดียว ท่ามกลางผู้โดยสารที่หลับคอพับไปเสียดื้อๆ การเซทช่วงล่ารถคันนี้ เน้นไปทางเฟิร์มนุ่ม ค่อนจ้างกระเดียดมาทาง Honda Civic ที่มีความนุ่มมสบายในการขับขี่ เป็นหลัก

หากก็ยังมีความสปอร์ตติดปลายนวมมาด้วย โดยเฉพาะในช่วงใช้ความเร็ว แซงรถบนทางหลวง ต้องมุดไปมุมดมา เพื่อรับลูกหลังเลิกเรียนให้ทัน หรือต้องปรี่ไปหาภรรยา ที่เริ่มอารมณ์หงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไม คุณถึงมารับเธอสาย

Honda BR-V EL  สีดำ

การโคลงตัวของรถคันนี้ ค่อนข้างน้อย ในยามต้องโยกซ้าย -ขวา อาจจะมีบ้างในยามเข้าโค้ง ถ้าคุณใช้ความเร็ว

ความมั่นคงที่มากขึ้น มาจากโครงสร้างและการปรับกายภาพตัวรถ ให้มีความกว้างขึ้นกว่าเดิม ฐานล้อก็ยาวขึ้น จนเป็นรถที่เหมาะแก่การเดินทางมากกว่ารุ่นก่อนหน้า

ในมุมของผู้ขับขี่ จะพบว่า พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ไม่หนักหรือเบาเกินไป การคัดพวงมาลัย มีระยะฟรีน้อยมาก เวลาขับทางตรงค่อนข้างมั่นคงดี ช่วยให้ยาม ใช้ความเร็วเรื่อยๆ ไปตามทาง ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยล้าเท่าไร

พอถึงเวลาต้องใช้การบังคับเลี่ยว เช่นเข้าโค้ง หรือ โยกเปลี่ยนเลน ค่อนข้างมีความมั่นใจมาก ที่จริง พวงมาลัย แอบคม จนบางจังหวะ ต้องระวัง เช่นทางโค้งที่มีระยะวงโค้งไม่เท่ากัน ต้องระวังให้ดี

ระบบความปลอดภัย

อย่างไรก็ดี ​ถ้าจะถามว่าอะไรทำให้ รถคันนี้มีราคาค่อนข้างแพงเอาเรื่อง นั่นก็คงเป็นระบบความปลอดภัย honda sensing ที่ติดเข้ามาใน Honda BR-V ใหม่ มีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เป็นมาตรฐานใหม่

แม้ว่ารถรุ่นนี้จะไม่ใช่รถรุ่นแรกที่ให้ระบบความปลอดภัยแบบนี้เข้ามาตอบโจทย์ในคลาส หากระบบของฮอนด้าก็ให้แพ็คเกจเต็มเพื่อการตอบสนองที่ดีที่สุด ในแง่มุมของความเป็นรถครอบครัว

Honda BR-V EL  สีดำ

ที่จริง ระบบ Honda Sensing ในรถคันนี้แตกต่างจาก ฮอนด้า รุ่นอื่น ด้วยการหันมาใช้ระบบกล้องคุณภาพสูงตัวเดียว แทนระบบเรดาห์ เหมือนๆ พี่

ระบบใหม่นี้ติดตั้งอยู่หลังกระจกบังลมหน้า แล้วใช้การประมวลผลจากซอฟท์แวร์ ในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่สมควร เท่าที่ลองเล่นระหว่างการขับขี่ระบบกล้องทำงานได้ค่อนข้างดีมาก แม้ในยามฝนตก ก็ทำงานได้ ไม่ว่า

ระบบป้องกันการออกนอกเลน สามารถเลือกเปิดว่าจะใช้ระบบควบคุมพวงมาลัยด้วยหรือไม่ หรือเตือนอย่างเดียว

ระบบป้องกันการชนทางด้านหน้าที่ตอบสนองได้ความรู้สึกใกล้เคียง กับผู้ขับขี่ จนคุณเห็นระบบนี้น้อยมาก

ระบบ Adaptive Cruise Control ที่สามารถ ตอบสนองในการเร่งหรือ ชะลอ ความเร็วได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกการขับขี่ของคนแล้ว แต่ระบบนี้จะทำงานตั้งแต่ความเร็ว 30 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป และ ตัดการทำงาน เมื่อต่ำกว่า 30 ก.ม./ช.ม.​ ไม่มีระบบ Low Speed Follow เหมือนในซีวิค

ที่จริง ยังมีระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว และ ระบบไฟสูงอัตโนมัติ ทั้ง 2 ระบบ เรายังไม่ได้ลองใช้งาน จึงยังไม่สามารถบอกได้

แต่เท่าที่สัมผัส ระบบใหม่ รู้สึกว่า ค่อนข้างทำงานเป็นธรรมชาติมากขึ้น กว่าเดิม

สรุป Honda BR-V EL แพงหรือไม่อยุ่ที่มอง

ผมลง จาก Honda BR-V พร้อมกับความเข้าใจแล้วว่า รถรุ่นนี้ มันแพงที่อะไร

ความเป็นรถครอบครัว คืออะไร ? รถที่ขับสนุก ซิ่งเหนือใคร หรือ รถที่คนในรถนั่งสบาย ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย โจทย์นี้ ผมเชื่อว่า คุณคงรู้แล้วว่าคำตอบไหนน่าจะถูกต้อง

Honda BR-V EL  สีดำ

โจทย์ของ รถรุ่นนี้ออกมา เป็นรถที่ต้องการนำเสนอรถยนต์ที่สามารถตอบสนองในการขับขี่ คนมีครอบครัว รถไม่ต้องแรงมาก เน้นนั่งสบายทุกเสนทางมากที่สุด

ที่สำคัญต้องประหยัดน้ำมัน แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้ที่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตน จะประหยัดน้ำมัน แต่จากที่ขับในทริปนี้ อัตราประหยัด16.1 ก.ม./ลิตร มีให้เห็นบนหน้าปัด และความประหยัดนี้ รวมถึงการบำรุงรักษาตัวรถให้พร้อมใช้งาน เช่น เครื่องยนต์ธรรมดา ไม่ใช่เทอร์โบ ,ระบบดรัมเบรกหลัง ไม่ใช่ดิสก์เบรก

นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยเต็มแพ็ค ก็เป็นอีกส่วนที่ทำงานได้ดี จนน่าชื่นชม ไม่แพ้กันด้ว ยแต่วันนี้เป็นเพียงน้ำจิ้มลองสั้นๆ

ถ้าคุณมองว่า รถคันนี้มีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร ลองมองรถคู่แข่งดูครับ

Mitsubishi Xpander Cross ราคา 939,000 บาท เครื่องยนต์กำลังน้อยกว่า และ ไม่มีระบบความปลอดภัยขั้นสูง
Suzuki XL 7 ราคาเริ่มต้น 814,000 บาท เครื่องยนต์กำลังขับน้อยกว่า ไม่มีระบบความปลอดภัยขั้นสูงเช่นกัน

Toyota Veloz Premium ราคา 875,000 บาท มีทุกอย่างคล้าย BR-V แต่ ตัวรถจริงๆ มันก็คือรถ MPV ที่แต่งแบบ อเนกประสงค์ และไม่มี Paddle Shift กับ Cruise Control รวมถึงเครื่องยนต์กำลังขับก็น้อยกว่า

ดังนั้น ใช่ ราคารถรุ่นนี้อาจเว่อวังเกินหน้าคู่แข่งอยู่พอสมควร แต่เมื่อลองขับแล้ว จะพบว่า รถคันนี้ มีราคาสมเหตสมผล เพียงแต่ขอให้มั่นใจว่า คุณต้องการรถ 7 ที่นั่ง จริงๆ เพราะไม่งั้น ไป Honda HR-V E อาจคุ้มกว่า ครับ

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ขอบคุณ ฮอนด้า ที่เชิญ ทีมงาน Ridebuster เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*