การอยากได้อยากมี โบราณเขาว่ามันเป็นสัจจะธรรมของมนุษย์เรา อย่าแปลกใจที่เรามีพฤติกรรมที่พยายามเลียนแบบสิ่งที่เหนือกว่า…
เรื่องที่ผมพูดไม่ใช่เพราะเข้าถึงธรรมอย่างจับใจ แต่เป็นเรื่องจริงที่เราเห็นได้ โดยเฉพาะกับรถยนต์ด้วยนิวัยความชอบอะไรที่ดูแตกต่าง เราจึงอุบัติคำว่า “ตัวนอก” และ “ตัวท๊อป” ขึ้นมา เพื่อบอกว่า สิ่งที่คุณได้ตัดสินใจเลือกซื้อหรือแต่งรถ มันดีกว่าธรรมดาทั่วๆ ไป
กว่า 30 ปี ตั้งแต่เริ่มทำตลาดในไทย มีไม่กี่ครั้งที่ Honda ทำให้สาวกต้องอ้าปากค้างในการตัดสินใจของพวกเขา หนึ่งในปาฏิหาริย์ที่เคยเกิดขึ้นครั้นในอดีตอย่าง Honda Civic 3 ประตู ที่วันนี้ยังเป็นความต้องการของวัยรุ่นขาซิ่ง หรือจะ Honda Civic Coupe ได้พิสูจน์แล้วว่า รถที่แปลกแตกต่างมีค่ามีราคา และเมื่อรถยนต์ 5 ประตูกระแสมาแรง ทาง Honda จึงไม่รอช้าที่จะฉีกความคิดเดิมตลอด 3 รุ่น นับตั้งแต่ Honda Civic ตาโต พวกเขาหงายการ์ดใบใหม่ ด้วย Honda Civic Hatchback ที่ทำเอาสาวกหลายคนสนใจตั้งแต่ทราบความเคลื่อนไหว
จุดเริ่มต้น Honda Civic Hatchback เกิดขึ้นในยุโรป มันเป็นรถยนต์ประเภทที่คนยุโรปชอบมากถึงมากที่สุด เนื่องจากรถประเภทนี้ใช้งานได้หลากหลายกว่ามีความสามารถในการขนของมากขึ้น และเหมาะในการโดยสาร รวมถึงด้วยกิจกรรมของคนในสังคมที่เปลี่ยนไป เป็นคนที่มีกิจกรรมในชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะการออกไปสันทนาการในวันว่าง ทำให้ รถ 5ประตูคอมแพ็ค เป็นเซกเม้นท์ที่เติบโตเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มคนหมายตาอเนกประสงค์ แต่งบไม่ถึง
นี่เองทำให้ Honda เล็งถึงการเติบโตในเซกเม้นท์นี้ พวกเขาจึงตัดสินใจว่านี่น่าจะเป็นรถที่ขายดีในอนาคต จึงพัฒนารถยนต์ Honda Civic Hatchback ขึ้น จากเดิมทีมันเป็นส่วนหนึ่งของ Honda Civic Si สปอร์ตเน้นซิ่ง ในปี 2012 ท่ามกลางงาน Frankfurt motor show ทางฮอนด้าทำเซอร์ไพร์สด้วย Honda Civic Hathchback รุ่นแรก และกลายเป็นที่ฮือฮามากขึ้น ในปี 2013 เมื่อ Honda ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 idtec แบบเดียวกับที่ใช้ใน Honda CR-V บ้านเรา เข้าประจำการในรถยนต์รุ่นนี้ ทำให้หลายคนเริ่มสนใจมันมากขึ้น
Honda Civic Hatchback รุ่นปี 2012
แต่นั่นไม่เท่ากับการที่ Honda ตัดสินใจว่า จะทำ Honda Civic type R ใหม่ในร่างแฮทช์แบ็ค หลังจากร่าง FD เป็นซีดาน ได้มาแล้วหนึ่งรุ่น หากเนื้อแท้ของ Honda Civic Type R เกิดมาพร้อมรถตูดสั้นตั้งแต่ยุคแรก กอปรกับความต้องการของลูกค้าฝั่งยุโรป มีบางส่วนพร้อมจ่ายซื้อรถยนต์ท้ายกุดสายพันธ์แรง หรือที่เรียกว่า “hothatch” Honda Civic Type R รุ่นที่ 4 จึงออกมาในร่างแฮทช์แบ็ค และเป็นครั้งแรกที่ทำในรถ 5 ประตู
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบอกว่า Honda Civic Hatchback เกิดมาคู่ Honda Civic Type R หลังจาก Honda ตัดสินใจว่า Honda Civic เดิมดีไซน์ไม่ตอบโจทย์กลับไปสร้างใหม่อย่างรวดเร็ว เมื่อคลอดตัวซีดานออกมา ทางฮอนด้าก็ไม่รอช้าที่จะสร้างตัวแฮทช์แบ็คใหม่ออกมาตอบลูกค้า และในงาน Geneva Motor Show 2016 ทางฮอนด้าก็เปิดตัวรถยนต์ Honda Civic Hatchback ใหม่ออกมา
ยอมรับว่า เห็นภาพครั้งแรกประทับใจมาก Honda Civic Hatchback ใหม่เป็นรถอย่างที่ฮอนด้าอยากให้เป็น มันสปอร์ตล้ำสมัยดูดีในหลายมิติ แต่เมื่อมาเปิดตัวในไทยผมดันเกเรไม่ไปงานเปิดตัวแถมตอนทดสอบกลุ่มก็ไม่ได้ ไปเพราะน่าจะผ่านมาหลายมือ จนเวลาล่วงเลยผมเชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะเห็นรีวิว Honda Civic Hatchback ผ่านตาบ้าง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของผมกับเจ้าน้อง 5 คันนี้
ตั้งแต่เปิดตัวสิ่งที่ผมมาโดยตลอดของ Honda Civic Hatchback รวมถึงสปอทในทีวีมาคั่นรายการหนังซีรี่ย์ที่ผมติดตามประจำคือ ทางฮอนด้าพยายามเล่นตูด… เอ้ย!!! นำเสนอตูดรถเป็นหลัก ..ตอนแรกผมก็สงสัยว่ารถจะไม่มีจุดขายตรงอื่นเลยหรือ
จนกระทั่งมารับรถทดสอบกับนายยอด ก็ถึงบางอ้อว่าความจริงเป็นอย่างไร
พบหน้าค่าตาวันนี้ Honda Civic Hatchback ทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส่ ใบหน้าของมันมองเผินๆ ก็ละม้ายคล้ายเจ้ารถยนต์ Honda Civic รุ่นซีดานที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะตัว RS หรือรุ่นแต่งพิเศษที่ให้กระจังหน้าสีดำ และใน 5ประตูนี้ก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าสังเกตให้ดี กันชนหน้าจะมีการเปลี่ยนใหม่ ให้ความลงตัวในความสปอร์ตมากขึ้น แม้ว่ารังผึ้งที่กันชนอาจจะทำให้คุณรำคาญบ้างเวลาล้างรถ แต่เรื่องความดูดีต้องยกให้
ทางด้านข้างแนวการออกแบบรถตั้งแต่เสาเอ มาเสาบีเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน แต่เมื่อมาถึงเสาซีเส้นสายเส้นสายที่เคยลาดสวยงามจนกลายเป็นบั้นท้ายที่ดูเตะตา เหมือนถูกย่นท้ายเข้ามาเพื่อให้รถกลายเป็นแฮทช์แบ็คกระจกหลังเบาะนั่งหลังหายไป เส้นสายหลังคาที่ดูลงตัวกลายเป็นจรดไม่จบ ทำให้ Honda ต้องติดตั้ง Roof Spoiler เข้ามา รวมถึงชุดล้อใหม่ขนาด 17 เท่าเดิม แต่เปลี่ยนลายใหม่ ให้ดูซิ่งขึ้น ผมยอมรับว่าแม็กลายนี้ออกแบบมาได้โดยใจมาก มันดูดีกว่า RS ซีดานด้วยซ้ำไป
เขยิบมามองด้านท้าย มันกลายเป็นชุดเดียวที่บอกได้ว่าแตกต่างอย่างแท้จริง Honda ออกแบบช่วงท้ายได้ดูลงตัว ทั้งจากด้านหน้าตรง หรือมองเฉียง 45 องศา ที่จริงแล้วรถไม่ได้เหมือนทรงแฮทช์แบ็คเสียทีเดียว มันค่อนไปทางกลิ้นอายกึ่ง Liftback มากกว่า เนื่องจากประตูหลังเทลาดลงมาไม่ได้เป็นทรงฝาปิดแบบที่เคยผ่านมา
รวมถึงสิ่งที่แตกต่างจากรุ่นซีดานคือไฟท้ายทรง C ที่มีความโค้งชันกว่า และตัวไฟท้ายเองเป็นแบบโคมดำ ตรงช่วงไฟด้านบนติดตั้งสปอร์ยเลอร์อีกชุด จนส่วนตัวก็ยังแปลกใจว่า ทำไม Honda ต้องติดตั้งสปอร์ยเลอร์ถึงสองอันในรถคันนี้ มันดูประหลาดไปนิด แถมตอนขับทดสอบผมว่ามันเกะกะบังสายตา เวลามองหลังอีกด้วย
ภายในไม่ต่างมาก แค่เติมมาดสปอร์ต
รับกุญแจรีโมทจากนายยอด สำรวจอย่างเร็วทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยว โดยเฉพาะฟังชั่นถูกใจของผม Remote Engine Start คลายร้อนได้ดีในยาม แดดเผาอย่างตอนนี้ ติดเครื่องเปิดแอร์ไว้ก่อนช่วยให้ไม่ต้องไปทนนั่งร้อนประดุจเตาอบในรถก่อนขับขี่ได้ดีพอสมควร
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสาร บอกเลยว่าสัมผัสทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นซีดานมากมายนัก ฟังชั่นการใช้งานต่างๆ อยู่ครบครันไม่มีเพี้ยนไปจากเดิม ไม่ว่าจะหน้าปัดชุดจอ TFT สามช่อง พวงมาลัยมัลติฟังชั่น พร้ทอปุ่มเครื่องเสียง และระบบ Cruise Control เครื่องเล่นแบบจอสัมผัส ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังชั่นเบรก Hold ไปจนถึงการตบแต่ง เรียกว่าเหมือนๆ กับรุ่นซีดาน
แต่กระนั้นเพื่อให้มีความสปอร์ตลงตัวทางฮอนด้า จึงติดตั้ง Paddle Shift เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งที่รุ่น เทอร์โบซีดานไม่มีมาให้ (จริงก็สมควรมีได้แล้ว) นอกจากนี้ยังตัดระบบกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติออกไป รวมถึง ระบบ Honda Lane Watch ที่มีใน RS ก็หายไปผมว่า ดีแล้วที่ไม่มี เพราะมันไม่ค่อยจำเป็นในความรู้สึกผม รวมถึงชุดเครื่องเสียงไม่มีระบบนำทางมาให้
ส่วนตอนหลังเบาะนั่งในรุ่นแฮทช์แบ็คสามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 /(ซีดานปรับพับไม่ได้) เรื่องคุณภาพการนั่งจากการทดสอบลองนั่ง พบว่า คนสูง 180 สามารถนั่งได้ โดยมีพื้นที่วางขาเหลือเฟือ แต่พื้นที่เหนือหัวนั้นเหลือน้อยมาก จนหากกระโดดคอสะพานหรือกลุ่มบ่ออาจจะมีหัวโนได้แน่นอน ส่วนคุณภาพเบาะนั่ง เมื่อเป็นเบาะแบบปรับพับได้ พวกฟองน้ำในส่วนพนักผิงหลังจะน้อยลง ทำให้มีความแข็งขึ้นในระดับหนึ่ง และที่ยังไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง คือด้านข้างเบาะนั่งตอนหลัง ยังใช้ชิ้นส่วนพลาสติกด้านข้าง ถึงมันจะไม่มีผลต่อการนั่งมากมาย แต่มีผลต่อความรู้สึกของลูกค้า
ด้านห้องสัมภาระท้ายกว้างมากพอจะจุจักรยานพับได้เต็มคันสบายๆ อย่างที่ผมแบกมาให้ดู แต่ถ้าคุณพับเบาะลงไป เรื่องการจุของจะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว เหมาะมากสำหรับการวางจอ LED ขนาด 50 นิ้ว จากที่กะด้วยสายตา ถือเป็นฟังชั่นที่คนรุ่นใหม่หรือคนมีครอบครัว อาจจะชอบใจ ถ้าไม่ได้คิดว่ารถต้องนั่งดีที่สุดเสมอไป
สมรรถนะได้ใจ เร้าอารมณ์กว่าซีดาน
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ใต้เรือนร่าง 5 ประตู แนะนำด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ CVT ตอบสนองการขับขี่เหมือนเคย
เดิมทีผมเคยวิจารณ์ว่า เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบของ Honda Civic ออกอาการเหมือนรถยนต์เครื่องใหญ่ขนาด 2.4 ลิตร ขับสนุกแต่ไม่ได้ความรู้สึกเครื่องเทอร์โบ แต่เมื่อลองขับเจ้า Honda Civic Hatchback ยอมรับว่ามันเปลี่ยนไป การตอบสนองของเครื่องยนต์ดูเหมือนจะดีขึ้นอย่างชัดเจน มันได้ความรู้สึกของเครื่องยนต์เทอร์โบมากขึ้น จนมากพอจะรู้สึกได้ถึงความเร้าใจ
ก่อนหน้านี้ผมเคยมีโอกาสขับรุ่น ซีดาน RS ที่เพื่อนสื่อมวลชนยืมมา เมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกในเจ้า Hatchback ต้องยอมรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจริงๆ จนอนุมาณว่า ทางฮอนด้า น่าจะเอาคำวิจารณ์ของทางผู้สื่อข่าวไปส่งให้ทางทีมวิศวกร จนมีการปรับการปล่อยกำลังของชุดเกียร์ใหม่ เข้าใจว่าน่าจะมีการปรับชุดซอฟท์แวร์ใหม่ มันทำให้ผมตื่นเต้นมากเพราะนั่นทำให้ Honda Civic เทอร์โบ เป็นรถที่ขับดีตอบสนองดีอย่างไม่น่าเชื่อ และทำอัตราเร่งผลปรากฏว่า อัตราเร่งของ Hatchback ดีขึ้นกว่า รุ่นซีดานจริงๆ
ตารางแสดงผลการทดสอบอัตราเร่ง เปรียบเทียบ Honda Civic 1.5 Turbo sedan RS กับ Civic 1.5 Turbo Hatchback
Honda Civic 1.5 Turbo Sedan RS | Honda Civic 1.5 Turbo Hatchback | Honda Civic 1.5 Turbo Sedan RS | Honda Civic 1.5 Turbo Hatchback |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. (วินาที) | อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. (วินาที) | ||
9.146 | 8.997 | 5.9 | 6.0 |
8.884 | 9.001 | 5.6 | 6.0 |
9.070 | 7.999 | 5.6 | 5.0 |
หมายเหตุ ทดสอบในสภาพถนนลาดยาง ทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 นั่ง 2 คน เปิดแอร์
จากข้อมูลการทดสอบเห็นได้ชัดกว่า hatchback ถูกทำให้มีการตอบสนองในการเร่งจริงๆ แม้ว่าในช่วง 80-120 ก.ม./ช.ม. จะด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย แต่นี่คือข้อพิสูจน์ยืนยันว่า แฮทช์แบ็คได้รับการปรับบางอย่างในชุดเกียร์หรือไม่ก็เครื่องยนต์แน่นอน จนทำให้เร่งดีกว่า และคุณสามารถสัมผัสได้ ถ้าขับมันเปรียบเทียบกันจริงๆ
แต่ Honda กลับมาตกม้าตายเรื่องช่วงล่าง ผมยอมรับว่าไม่เคยนำรถ Honda Civic 1.5 Turbo ที่ไม่ใช่ RS มาทดสอบ (และทางฮอนด้า เหมือนจะไม่มีรถรุ่นดังกล่าวให้ทดสอบด้วย) แต่จากที่ขับแฮทช์แบ็คตลอดหลายวัน สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีกับรถคันนี้คือระบบช่วงล่าง มันนุ่มนวลจนเดือนขึ้นนั่งหลับไปแล้วไม่รู้กี่ตลบ
มันกลายเป็นรถที่ขับสบายขัดกับบุคลิกเครื่องยนต์และเรือนร่าง บางคนอาจจะชอบความรู้สึกช่วงล่างขับสบาย แต่ในความรู้สึกผมกับอยากให้ช่วงล่างแฮทช์แบ็คแน่นหนึบกว่านี้ ที่จริงอยากให้มันเหมือน RS Sedan แต่เข้าใจว่า เมื่อไม่ติดตรา RS ก็เลยใช้ช่วงล่าง เทอร์โบธรรมดา ซึ่งตอบสนองดีกว่า Civic 1.8 ในระดับหนึ่ง ทว่ามันไม่ได้ให้ความรู้สึกแน่นหนีบเหมือน RS เนื่องจากใน RS มีการปรับช่วงล่างทางด้านหลัง ด้วย Liquid Fill Bushing และ ช่วงล่างอีก 2-3 รายการ น่าจะเป็นสาเหตุที่มีความแตกต่าง และน่าเสียดายที่เจ้า 5 ประตู มาเสียเรื่องช่วงล่างที่นิ่มไป แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเรื่องความคล่องตัวของรถจากช่วงตูดสั้น ก็ทั้งมันเข้าโคงหน้าจิกมากขึ้น การสะบัดพวงมาลัยเปลี่ยนเลน ก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมที่ผ่านมา
สรุป Honda Civic Hatchback ……Mini Me Civic Type R
ในวันที่ผมเอาเจ้า Honda Civic Hatchback ไปคืน Honda เป็นวันเดียวกับที่ทางฮอนด้าประกาศข่าวความสำเร็จในการพิชิตสนามนูร์เบิร์กริง และทำลายสถิติเป็นรถยนต์ขับหน้าที่เร็วที่สุดในสนาม ด้วยเวลาต่อรอบ เพียง 7:43.8 นาที เท่านั้น
อย่างที่ผมได้สาถยายไปข้างต้นแล้วว่า Honda Civic Hatchback คือรถที่เกิดขึ้นมาเป็นพื้นฐานให้รถยนต์ Honda Civic Type R มันเป็นความประสงค์เสียงเรียกร้องจากฮอนด้าที่กำลังบอกว่า เฮ้! เรามีเวอร์ชั่นสปอร์ตที่คุณจับต้องได้มาขาย มันอาจไม่ใช่ Type R นะ แถมเมื่อมองราคาจำหน่าย 1,699,000 บาท ถือว่าไม่ใช่ราคาที่แพงเลย
เมื่อแลกกับการได้ทรง 5 ประตู ฟังชั่นใช้งานที่มากกว่า เบาะหลังปรับพับได้ รถมี Paddle Shift มาให้เสร็จสรรพ ตามโจทย์ต้องการ เรื่องการออกแบบตัวรถ บางคนชอบบั้นท้ายดินระเบิดของ Hatchback แต่รู้อะไรไหม สำหรับผมแล้ว กับรู้สึกว่า มองไปๆ มาๆ Proportion การออกแบบของซีดานดูน่าสนใจ โดยเฉพาะใครที่คิดว่าซื้อไปไม่แต่งอะไรขับเดิมๆ นี่แหละดีแล้ว ซีดานดูจบมากกว่าในสายตาของผม
ผมถกเถียงเรื่องนี้กับเดือนอยู่พอสมควรว่า แล้วทำไม Honda ไม่ทำให้ครบจบเลย เป็นรถที่สมบูรณ์แบบจากโรงงาน
ฺ
คำตอบหรอ ง่ายมาก … เพราะคนซื้อ Honda อย่างไรเสียก็จะต้องนำรถไปแต่งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าวันหน้า คุณเห็นรถที่คล้าย Civic Type R ใหม่ วิ่งบนถนน ถ้ามันไม่ใช่รถแท้ที่มีคนนำเข้ามาขายหรือซื้อมาใช้จริง ก็จะต้องเป็นลูกค้า นำ Honda Civic Hatchback นี่แหละไปแต่งให้เหมือน
เรื่องช่วงล่างที่ว่าเป็นจุดอ่อนในการทดสอบ Honda Civic Hatchback เอง ก็สามารถปรับแต่งได้ ลงทุนอีก 3-4 หมื่น ก็จะได้ รถที่พร้อมซิ่งทันที เครื่องยนต์เอง ถ้าไม่เน้นเล่นแรงก็เรียกว่าพอมือพอทีนอยู่แล้ว
มันเหมือนคุณซื้อ Type R เวอร์ชั่นที่ยังไม่โตเต็มวัย แล้วคุณเก็บมันมาฟูมฟักเลี้ยง จนสามารถขยับขึ้นเป็น Honda Civic Type R หรือ ถ้าคิดว่าใช้งานเดิมๆ ก็เรียกว่า ซื้อรถที่จะหายากในอนาคต มีค่ามีราคาไว้ใช้งาน เพราะเมื่อผ่านไป รถสไตล์แฮทช์จากฮอนด้า น่าจะเป็นที่ต้องการ เหมือนที่ Civic 3 ประตู ,คูเป้ เป็นอยู่ในตลาดมือสองวันนี้
ความกล้าของฮอนด้าในการพัฒนา Honda Civic Hatchback มาตอบตลาดถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง แต่ที่น่าชมเชยยิ่งกว่าคือความกล้าทีมการตลาดไทย ที่ตัดสินใจว่ารถรุ่นนี้จะขายได้ แม้สมรรถนะของมันจะไม่เพอร์เฟคจากโรงงาน แต่ถ้าคุณมีประสงค์คิดว่ายังไงจะเอาไปแต่งบอกเลยว่า นี่คือรถที่เหมาะมากและจะมีคุณค่าในอนาคต
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ Honda ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบให้ทีมงาน Ridebuster.com มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
รถทดสอบ Honda Civic Hatchback
ราคาจำหน่าย 1,169,000 บาท
รายงานอัตราประหยัด
ในเมือง | 11.59 ก.ม./ลิตร |
นอกเมือง | 12.24 ก.ม./ลิตร |
Bonn Test mode | 15.05 ก.ม./ลิตร |
ทดสอบด้วยแก๊สโซฮอลล์ 91
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”179″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]