รถกระบะบ้านเราเป็นรถที่ได้รับความนิยมมาแต่ไหนแต่ไร นานหลายปีแล้วที่ไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่กล้ามาแจ้งเกิดในตลาด การมาของ MG Extender อาจจะเรียกว่าเป็นเกมกล้าลองของ หลังจากเดินสายตลาดรถเก๋งมานาน จนมีรถครบตั้งแต่เล็กยันขนาดคอมแพ็ค
การเปิดตัว MG Extender เข้าทำตลาดในไทย เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้าสร้างความฮือฮาไม่น้อย ด้วยที่ผ่านมาแบรนดืนี่จับเกมกึ๋นรถราคาถูกตอบโจทย์ลูกค้าออพชั่นครบเครื่องเต็มลำ งวดนี้ พอเปิดราคา สื่อหลายคนต่างสบถปาก ว่า “เอ้า!! แยกย้าย” ราคาเปิดตัวไม่ต่างจากคู่แข่งมาก ดับฝันคอกระบะที่หวังจะมีรถราคาถูกใช้งานแทนแบรนด์เจ้าตลาด วันนี้เรามีโอกาสมาสำรวจและลองเจ้ากระบะคันนี้ ที่หลายคนเริ่มมองเป็นม้านอกสายตา หลังเจ้าตลาดเปิดตัว
หน้าตา MG Extender พบกันครั้งแรก ด้วยผมติดภารกิจไม่ได้ไปงานเปิดตัวที่เขาใหญ่ เด่นชัดงานออกแบบผสมความบึกบึนเข้ากับความสปอร์ตตอบโจทย์ลูกค้า มันดูราวๆผสมพันธ์แบบ East Meet West กลายเป็นcนวทางการออกแบบใหม่ ที่ดูบางมุมอืม!! น่าสนใจ บางมุมก็ไม่ผ่าน ก็สุดแล้วแต่จะคิด
รถที่มาเป็นคู่ใจเราในทริปนี้ คือตัวท๊อปสุด MG Extender Grand 4WD X 6AT มันเริ่มทักทายด้วยใบหน้าดุดัน กระจังหน้า 5 เหลี่ยมจนาดใหญ่เบาะขอบโครเมี่ยมปนความหรูเล็กๆ พกไฟหน้าโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ทรวดทรงคล้ายเจ้าตลาดอยู่บ้างเล้กน้อย ในโคมมีไฟ Day Time Running Light แถมรุ่นท๊อปนี้ยังติดตั้งระบบ Adaptive Front Light System หรือ ไฟหน้าปรับสูงต่ำ และเลี้ยวตามพวงมาลัยได้ ใต้กันหน้าให้ไฟตัดหมอกมาด้วย การออกแบบกันชนออกมาในแนวทางสปอร์ตสักหน่อย ดูผสมปนกันลงตัวกับกระจังหน้า
ด้านข้างให้ความบึกบึนด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ โป่งมหึมาไม่มี Over Fender ให้หน่วยก้านเจ้ากระบะ MG ดูพร้อมลุยมาก ประตูตอนหน้า-ตอนหลังกว้าง ดูแล้วเข้าออกสบาย ซุ้มล้อหลังไม่หนาเท่าด้านหน้า ล้อทั้ง 4 เป็น ขอบ 18 นิ้ว ติดตั้งมาพร้อมยาง 255/60/R18 เลือกใช้เกรดเดียวกับคู่แข่งรายอื่น Bridgestone Dueler H/T
ช่วงกระบะไม่ยาวนักตามสไตล์กกระบะ 4 ประตู ฝาท้ายออกแบบมาให้มีน้ำหนักไม่มาก เปิดได้สะดวกดี การยึดฝาท้ายใช้ระบบสลิงไม่ได้เป็นบานพับ ขาดเพียง Easy Lift Gate ที่มีในคู่แข่งรายอื่น ส่วนการออกแบบด้านหลังให้ความทันสมัย ไฟท้ายแอบคล้ายบางรุ่นอยู่บ้าง จะญี่ปุ่นหรืออเมริกา ก็สุดแล้วแต่จินตนาการ ฝาท้ายออกแบบมาปลายงอนนิดหน่อย ให้ความรู้สึกเหมือนมีสปอร์ยเลอร์ติดตัว ส่วนตัวผมไม่ชอบกันชนท้าย มันดูประหลาดไม่ค่อยเข้ากับรถเท่าไรนัก
ได้เวลาเดินทางเปิดประตูสำรวจภายในสักหน่อย แม้ภายนอกจะดูขนาดไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลมาก ภายในเจ้า MG Extender เรียกว่าหนังคนละม้วน การให้ความกว้างตัวรถมากถึง 1,900 มม. ทำให้มันมีห้องโดยสารกว้างพอตัว การออกแบบตบแต่งภายในทั้งหมดใช้สีดำ ติดตั้งเบาะนั่งปรับไฟฟ้าทั้ง 2 ด้าน ราวกับออพชั่น SUV ตรงหน้าวงพวงมาลัยขนาดกำลังเหมาะมือจัดการหุ้มหนังมาให้เสร็จสรรพ
บนพวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและในรุ่นท๊อปให้ระบบ Cruise Control มาด้วย หน้าปัดเรือนไมล์ไม่ได้เน้นหวือหวาอลังการงานสร้างเอาใช้งานง่ายๆ มีจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะมาให้บอกค่าการขับขี่ต่างๆ ที่จำเป็น ไม่ได้พิศดาลแบบผู้เล่นรายอื่น
เหลียวไปมองตรงกลางครบเครื่องด้วกหน้าจอเครื่องเสียงขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ขับผ่านลำโพง 6 ตัวในห้องโดยสาร รองรูดนิ้วไปมา ค่อนข้างจะลื่นไหล ในจอยังติดตั้งผู้ช่วยสำคัญระบบ I -Smart ที่เขาล้อกันว่าเอาไว้ตรวจหวยได้ !! (มันตรวจได้จริงๆ นะ) ฟังชั่นระบบนี้ก็คล้ายๆ ใน MG ZS สังการด้วยเสียงได้ , โทรขอข้อมูล- ความช่วยเหลือได้ วันนี้ไม่ได้ลองเล่นระบบดังกล่าว เพราะเราอยากมาเน้นชมสมรรนถะกันก่อน
ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศออโต้ ยังไม่แยกซ้ายขวา เมียขี้หนาวอาจจะต้องทำใจเล็กน้อย เรื่องการตบแต่งจับไปหลายแห่งใช้วัสดุบุนุ่มดูดี ใครบอก MG Look Cheap มาดูดีๆ งานเขาไม่ไก่กาเซินเจิ้นแล้วนะ
งานเช้าแบบนี้จะให้ผมขับเลยคงไม่ไหว ไหนจะ Jet แหลก แหกขี้ตาตื่นมายามเช้าตั้งแต่ก่อนพระแถวบ้านเคาะระฆัง เลยตัดสินใจปีนขึ้นตอนหลังก่อนเลยดีกว่า ประตูบานกว้างตอนที่เราสำรวจด้วยสายตา พอเปิดใช้งานทางเข้าออกผู้โดยสารตอนหลังกว้างขวางราวกับออกแบบมาให้ฝรั่งไซส์ยุโรปใช้กัน
ที่ผ่านมาผมไม่เคยกระบะออกแบบช่วงหลังใหญ่นัก จะมี เพียง Ford เท่านั้นแหละที่รู้สึกว่าใหญ่ ส่วนพี่มิตซูบิชิเขาตอบโจทย์เรื่องนั่งสบายมีชื่อเสียงมายาวนาน ก่อนขึ้นมาผมจัดแจงปรับเบาะนั่งที่ตัวเองนั่งได้สบายไว้ พอขึ้นมานั่งตอนหลังอัศจรรย์ใจมา ที่นั่งตอนหลัง MG Extender กว้างมาก อาจจะเรียกว่ากว้างที่สุด ตั้งแต่นั่งกระบะ 4 ประตูมา ช่วงเหนือหัวเหลือเพียบ, ช่วงวางขาเหลือสบายๆ พอจะนั่งขัดสมาธิได้เลย ที่ประตูที่เท้าอยู่ในตำแหน่งพอดี กระจกข้างบนหลัง ก็เปิดได้สุด แถมบานใหญ่ ไม่ให้รู้สึกคับแคบ เวลาโดยสาร
แถมตอนหลังมีช่องแอร์มาให้ครบ รวมถึงช่องชาร์จไฟหัวกลม 12 โวล์ต ที่จริงผมว่าน่าจะมีช่อง USB มาให้ผู้โดยสารตอนหลัง จะมีช่อง 220 V มาให้ก็ดีนะจะขอบคุณมากๆ เหมาะสายทำงานอยากเที่ยวแบบตัวผมเอง ส่วนท่านั่งเอนลงเล็กน้อยไม่จัดท่านั่งหลังชันแบบกระบะ 4 ประตูหลายๆรุ่น ที่วางหลังมีขนาดใหญ่ ที่รองนั่งมีความยาวมาถึงช่วงกลางน่องต้นขา ท่านั่งไม่ชันเข่านัก เสียดายลืมถ่ายมาให้ดูเสียอย่างงั้น
เพื่อนสื่อขึ้นขับรถออกตัว การนั่งตอนหลังเจ้ากระบะยักษ์เริ่มสร้างความประทับใจ มันเป็นรถกระบะที่ผมว่านั่งสบายที่สุดตั้งแต่เคยทดลองโดยสารตอนหลังมา ยิ่งได้พื้นที่ใหญ่ ตอบการใช้งานเยี่ยงนี้ บอกเลยว่าประเสริฐมาก อาการสั่นสะท้ายช่วงล่างไม่มากนัก มีกระโดกกระเดกบ้างเวลาผ่านทางขุรขระตามสไตล์รถที่มีแชสซีใต้ตัวถัง เรื่องจังหวะคอสะพานกระโดดปุ๊ปลงมาเก็บอาการปั๊ปใกล้เคียงอารมณ์รถยุโรปสักหน่อย ผมไม่แปลกใจเลยที่คนนั่งจะพล้อยหลับโดยง่าย เมื่อคุณขับขี่
ใต้เรือนร่างเจ้ากระบะยักษ์คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรล 2.0 ลิตร ใช้ระบบเทอร์โบชาร์จเดี่ยว ทำกำลังสูงสุด 161 แรงม้า สูงสุดที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดให้ 375 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที รุ่นที่เราขับขี่เป็นเกียร์ออโต้ 6 สปีด
หลายคนวิจารณ์ตั้งแต่ตอนเปิดตัวว่าแรงม้าค่อนข้างน้อยไม่น่าจะสู้คนอื่นๆด้ ทั้งที่ถ้ามองให้ดี พิกัดใกล้กัน 2.0 ลิตร จะมีเพียง เครื่อง 1.9 ลิตร จากเจ้าตลาด และอีกค่ายจากแบรนด์อเมริกันพันธ์แกร่ง เท่านั้น
ค่ายมะกันเจ้านี้เขาของดีเครื่องมาใหม่ ทำกำลังมากกว่า ประมาณ 19 แรงม้า และแรงบิดมากกว่า 45 นิวตันเมตร แถมยังให้เกียร์ 10 สปีด อีกต่างหาก แต่เมื่อมาดูทางด้านค่ายวิภาวดีรังสิต จะพบว่า เครื่องยนต์ MG แรงกว่า ประมาณ 10 แรงม้า มีแรงบิดสูงกว่า 25 นิวตันเมตร
กำลังขนาดนี้ยังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แบรนด์เจ้าตลาดบางรุ่น ซึ่งถ้ารายนั้นเขามี 163 แรงม้า แรงบิด 403 นิวตันเมตร เจ้ากระบะ MG จะด้อยกว่า ประมาณ 2 แรงม้า และแรงบิดน้อยกว่า 28 นิวตันเมตรเท่านั้น
พละกำลังไม่มากมายนัก หลายคนคิดว่ามันไม่แรงก็ไม่แปลก ยิ่งมาดูน้ำหนักตัวเปล่า 2,050 กก. น้ำหนักค่อนข้างมากตามสไตล์รถแบรนด์นี้ ยิ่งทำให้ก่อนเปลี่ยนมือมาขับ ยิ่งคิดว่า เครื่องยนต์บล็อกนี่ดูจะเล็กไปด้วยซ้ำ
หลังจากเพื่อนสื่อโซโลช่วงเช้า ผมก็ต้องมารับผิดชอบช่วงบ่าย ขึ้นตำแหน่งคนขับปรับเบาะนั่ง สัมผัสแรกเบาะนั่งแข็ง บางคนไม่ชอบเบาะแบบนี้โดยเฉพาะคนวันหนุ่มสาว เมื่อคุณอายุมากขึ้นจะค้นพบว่าเบาะนั่งแข็งแบบนี้ช่วงลดอาการปวดยามต้องนั่งนานๆ ได้
ตัวเบาะให้ที่รองนั่งยาวพอตัวถึงกลางน่องต้นขา แผนหลังวางได้เต็มแม้กับคนตัวใหญ่ก็ใช่ปัญหา น้าปรับที่ดันหลังมาด้วยจะครบเครื่องวิเศษมาก ท่านั่งเองก็ปรับได้ค่อนข้างละเอียดพอสมควร จะขาสั้นขายาว ตรงนี้เป็นเรื่องดีทีเดียว
ออกตัวครั้งแรก ผมหวอนิดๆ เดินคันเร่ง แล้วรถเหมือนไม่มีกำลัง ต้องเดินคันเร่งมากหน่อย รถจึงจะกระฉับกระเฉงขึ้น ผมเริ่มจับทางได้ว่า แป้นคันเร่ง MG ออกแนวเซทให้ประหยัด ถ้าคุณชิวค่อยๆ แตะ รถมันจะเชื่องช้าโหมดคนแก่ ถ้าอยากเร่งเร็วหรือง่ายมาด หวดคันเร่งให้ติดพื้น ก็จะพุ่งทะยานเอาเรื่องเช่นกัน
อีกวิธีคือปรับโหมดการขับขี่ Eco , Normal และ Power ทั้งหมดไปปรับเซทการตอบสนองคันเร่ง ถ้าคุณเป็นสายขับเน้นเหยียบมาๆ ต้องใช้โหมด Power ส่วนในโหมดอีโค่ จะมีช่วงกว่าจะเร่งช้ากว่า Normal พอสมควร ต้องดันไปเกิน 80% จึงจะคิกดาวน์เปลี่ยนเกียร์ให้เร่งทันใจ
ไหนๆ พูดถึงชุดเกียร์ ต้องยอมรับว่า เจ้าเกียร์ 6 สปีดในกระบะคันนี้ฉลาดไม่น้อย มันเจ๋พอจะทอนจังหวะเกียร์ให้เมื่อลงเนิน และฉลาดเกินในบ้างครั้งเมื่อคุณขึ้นดัน เพิ่มอัตราทดให้ จนทำให้แรงบิดที่กำลังมาทรงดำแห้งเหี่ยวขึ้นเนินไม่ทันใจบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
การต่อเกียร์เร็วเชื่อว่า ตอนจูนเกียร์ MG คงต้องการเซทให้รถมีความประหยัดน้ำมัน จึงไม่ค่อยจะยอมให้ลากรอบเครื่องเยอะ ถ้าผู้ขับขี่พอใจแล้วจะรีบขึ้นเกียร์ถัดไปอย่างว่องไว แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณคิกดาวน์ต้องการพละกำลังจริงจัง บางครั้งจะเห็นเกียร์ปรับอัตราทดอย่างรวดเร็วพารอบเครื่องพุ่งลากเข้ายันเส้นยาแดงบนหน้าปัด จนนึกว่ามาขับรถสปอร์ต
ในเรื่องการขับขี่ที่ต้องชมเลย คงไม่พ้นระบบกันสะเทือนเซทออกมาอย่างลงตัว ความรู้สึกขับกระบะคันนี้ได้อารมณ์คล้ายเก๋งมากที่สุด ความกระโดกกระเดกมีบ้าง แต่น้อยมาก เวลากระโดดรถจะลงมาเก็บอาการอย่างรวดเร็วออกมาในทางนุ่มหนึบนั่งสบายคนขับมั่นใจ
ตลอดทางทะเลแดนใต้เราเจอฝน และทางขุรขระ กระบะยักษ์คันนี้ตอบสนองขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอาการน่ากลัว ร่อนเบาสะบัดให้เห็น ส่วนหนึ่งน่าจะด้วยเหตุผลน้ำหนักตัว อีกด้านคงมาจากการเลือกใช้อะไหล่ดีโช๊คอัพ Sach มาตอบโจทย์ บอกชื่อนี้หลายคนใช้รถยุโรป คงพอจะผ่านหูมาบ้าง
เรื่องการบังคับเลี้ยวมีดีเวลาขับความเร็วต่ำและความเร็วเดินทางตามปกติ น้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างสบาย ให้ความสะดวก เมื่อใช้ความเร็วเกิน 130 ก.ม./ช.ม. น้ำหนักจะเบาโหวง แต่ก็ยังควบคุมได้ดี เนื่องจากพวงมาลัยชุดนี้เป็นไฮโดรลิกไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้า จึงไม่ได้เซทปรับค่าให้แปรผัน การบังคับทิศทางจะมีระยะฟรีเล็กน้อย ช่วง 2 องศาแรก เพื่อยืนยันว่าคุณจะเปลี่ยนทิศทางไปจริงๆ
ถ้าใครผ่านมือรถที่มีความสูงบ่อยๆ พวงมาลัยที่เฉียบคมไป จะทำให้รถโคลงตัวบ่อยมันนั่งไม่สบายเท่าไรนัก ผิดกับพวงมาลัยมีระยะฟรี รถจะไม่ดื้อแพ่งเปลี่ยนทิศทาง ถ้าคุณไม่สั่งมันไป
ลงมาจาก ‘การ รีวิว MG Extender วันนี้ลองขับทางไกล จับหลายมือเลยบอกอัตราประหยัดไม่ได้ คงต้องยืมมาอีกครั้ง หลังจากขับเจ้ากระบะคันนี้ผมชอบ อยู่ 2 เรื่อง คือ ความสบายในการโดยสาร พื้นที่กว้างขวาง และระบบช่วงล่างที่มีความอ่อนโยนในแง่การโดยสาร และมั่นใจในการขับขี่
ปัจจุบันกระบะสไตล์นี้ เพิ่งเจอในเจ้า MG คันนี้เป็นคันแรก ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จัดได้ว่าไม่ขี้เหร่ กว่าคู่แข่ง เผลอๆ จะมีดีกว่าเรื่องออพชั่นที่จัดมาครบเครื่อง เมื่อเปรียบกับราคาให้ดี