หลายปีที่ผ่านมาแบรนด์รถยนต์ MG ได้วางแผนในการก้าวเข้ามาในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์เอาใจลูกค้ามากขึ้น หนุ่งในรถที่ขายดี คือ MG ZS ที่ถือว่าเป็นรถอเนกประสงค์คุ้มค่า มาตลอดหลายปี และล่าสุด ทางเอ็มจี มุ่งเป้าหมายใหม่ นำเสนอ รถยนต์ MG VS HEV รถอเนกประสงค์ไฮบริดออกมาตอบตลาด
ก่อนเริ่มการทดสอบ MG ให้ข้อมูลเราว่า ที่มาที่ไปของรถรุ่นนี้ มาจากความต้องการอุดช่องว่างผลิตภัณฑ์ของบริษัท เดิม เอ็มจี มีทั้ง รถอเนกประสงค์ไฮบริดเสียบปลั้ก, รถอเนกประสงค์เครื่องสันดาป ก็มีทั้งเครื่อง N/A และเทอร์โบชาร์จ เรียกว่า ขาดไฮบริดเพียงอย่างเดียว
ความต้องการดังกล่าว ประจวบเหมาะกับ การเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์คนเมือง ที่ก้าวผ่านเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดหลายรุ่น โดยเฉพาะจากค่ายเจ้าตลาดรายสำคัญ เอ็มจี จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องหันมาทำตลาดไฮบริดดูบ้าง และนี่คือรถรุ่นแรกที่เป็นไฮบริดเพียวๆ ไม่ใช่เสียบปลั้ก
หน้าตารถยนต์ไฟฟ้า เน้นทันสมัย
ผมเจอหน้า MG VS ครั้งแรก มาตั้งแต่ ตอนงานพรีวิวรถ เห็นครั้งแรกเชื่อเลยว่า ทุกคนจะมองว่ามันน่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า เนื่องจากตัวรถ ทำออกมาค่อนข้างทันสมัยตอบโจทย์ ได้ใจ
ด้านหน้าแนะนำเอกลักษณ์ใหม่ ทำหน้าตาให้เหมือยรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยแนวทาง Electricfied Matrix Grilled ปิดบังลม กระจังหน้า แต่มาแหวก เป็นช่องรับลมในช่วงกันหน้าหน้าแทน
งานออกแบบนี้ ทำให้ได้ความรู้สึกรถยนต์ไฟฟ้า ดูมีความทันสมัย ไม่เพียงเท่านี้ งานออกแบบ ยังให้แถบสีน้ำเงิน รับเข้ากับไฟหน้า ซ้าย-ขวา เช่นเดียวกับล้อ 17 ที่มาพร้อมกับ ฝาครอบล้อ เพื่อบังลม ในระหว่างการขับขี่ ช่วยให้ครบลงตัวมากขึ้น
ทางด้านหลัง เอ็มจี นำเสนอ บั้นท้าย ที่เรียกว่า ถอดมาจาก ZS แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะฝาท้าย ประตูท้าย รวมถึง ไฟท้ายก็เช่นกัน น่าเสียดาย มันเลยดูไม่ค่อยมีเอกลักษณ์โดดเด่นมากนัก
สิ่งที่มันแตกต่างจาก ZS มีอยู่อีกอย่าง คือ การให้ สีทูโทน สามารถเลือกคบหาได้ ตามความต้องการ
ห้องโดยสาร เน้นทันสมัย
เปิดประตู ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร MG VS HEV แนะนำตัว ด้วยความทันสมัย สามารถเห็นได้ ตั้งแต่แรก
ความอลังการของของหน้าจอหน้า ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ วางเชื่อมต่อ กันเป็นแผงขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึก ถึงความอลังการงานสร้าง และออกแบบของตัวรถ เป็นจุดสำคัญ ที่ทำให้ พื้นที่คอนโซลหน้า ดูดีกว่า ZS เสียอีก
ชุดจอฝั่งผู้ขับขี่ แสดงผลเป็นดิจิตอลเต็มระบบ ให้ความสามารถในการขับขี่ ใช้งานง่าย ข้อมูลดูสบายตา และไม่เข้าใจยาก ส่วนฝั่งเครื่องเสียง User Interface ในภาพรวมคล้ายกับ ZS เพียงแต่ พอจอใหญ่ขึ้น และกว้างขึ้นมันจึงแลดูใช้งานง่ายกว่า
ทั้ง 2 จอ แสดงผลแบบ HD ช่วยให้ สะดวกชัดเจนในการใช้งาน
คอนโซลกลาง 2 ชั้น หนึ่งในเอกลักษณ์ของเจ้า MG VS HEV
ตรงใต้จอกลาง จะมีปุ่มทัช ที่สามารถสั่งคำสั่งลัดไปบนจอ เช่น การไล่ฝ้า, ปุ่มโฮม, หรือเข้าระบบปรับอากาศเป็นต้น ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น
ช่วงคอนโซลกลาง งานออกแบบ ปรับใหม่ เป็น คอนโซลกลาง 2 ชั้น เพื่อ ให้รถมีความสามารถในการตอบสนองการใช้งานได้ดีขึ้น สามารถวางของได้มากขึ้น ทางด้านล่าง เช่น กระเป๋าสตางค์ต่างๆ ส่วนด้านบน ตัดวางอุปกรณ์ที่จำเป็นในการขับขี่
รถคันนี้ มาพร้อมคันเกียร์แบบ E-Shift ใช้งานเพียงการขึ้นลง เท่านั้น และกด P เพื่อ เข้าสู่การจอด ทำให้สะดวกในการใช้งานง่าย ไม่ต้องเลื่อนมือเยอะในระหว่างการขับขี่ รอบๆคันเกียร์ ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการขับขี่ไม่ว่าจะเบรกมือไฟฟ้า การเลือกโหมดการขับขี่ ,Kers ช่วยให้เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก
กล่องเก็บของตรงนี้ก็ทำออกมาในตำแหน่งที่พอดี สำหรับการเปลี่ยนมัน เป็นที่เท้าแขนด้วย ซึ่งนั่นทำให้ รถคันนี้มีความสะดวกสบายในการขัขขี่มากพอสมควร
พูดถึงความสะดวกสบายก็ต้องพูดถึงตัวเบาะ ในความรู้สึกผมจริงๆ ก็รู้สึกว่า มันแทบจะเป็นเบาะโครงเดียวกับ MG ZS เลย วัสดุใช้หนังสังเคราะห์หุ้มชุดเบาะ แตกต่างเพียงภายในรุ่นท๊อป จะเป็นสีทูโทน ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง คนนั่งปรับมือ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งตอนหลัง ไม่มีที่เท้าแขน ตามสไตล์ รถซิตี้คาร์ ทั้งหลาย เบาะหลังพับได้ 60/40 เหมือนกัน ยังดีมีช่องแอร์หลังมาให้
จุดที่ควรต้องพิจารณากันสักนิด คือ รถราคาขนาดนี้ระบบปรับอากาศ ยังไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ ลูกค้าต้องปรับแอร์เอาเอง ไม่ว่าจะอุณหภูมิหรือ พัดลม และไม่มีตัวเลข อุณหภูมิที่ชัดเจนด้วย ดังนั้นใครที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องแอร์ อาจจะต้องลองพิจารณากันดู
การวิศวกรรม
ทางด้านการวิศวกรรม เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจกันอย่างมาก เมื่อนี่คือรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของ MG แล้ว มันจะใช้ระบบแบบไหน
ผมมีโอกาส สอบถามโดยตรงกับคุณแจ๊ค, ที่ดูแลผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้ข้อมูล มาว่า ระบบไฮบริดของเอ็มจี นั้น เป็นระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน คือ เครื่องยนต์ และ มอเตอร์จะสามารถทำงาน ร่วมกันได้ ตามแต่ละช่วงที่ระบบเห็นว่าสมควร
ระบบนี้ ทางเอ็มจี มองว่าต้องการออกแบบให้มันขับสนุกสนานมากขึ้น อารมณ์ ถ้าคุณคิดว่า MG ZS ช้าอืดอาดไม่ทันใจ นี่อาจคือรถที่เหมาะสมก็ได้
ที่จริง MG VS HEV ยกเครื่องยนต์สันดาป 1.5 ลิตร ตรงมาจาก ZS เลยก็ว่าได้ แล้วมาปรับจูนตัวรถ ให้สามารถตอบสนองในการใช้งานได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น มีกำลังขับสูงสุดลดลง จาก 114 แรงม้า เหลือ 109 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด จาก 150 นิวตันเมตรเหลือ 142 นิวตันเมตร สูงสุด ที่ 6,000 และ 4,500 รอบต่อนาที ตามลำดับ
พอมาเป็นรถไฮบริด ทางเอ็มจี จัดการ ติดตั้ง มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามา ทำกำลังขับสูงสุด 95 แรงม้า (PS) และ ทำแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ทันทีที่มอเตอร์ทำงาน ส่งกำลังจากแบตเตอร์รี่ลิเธียมไออน ขนาด 2.13 Kwh วางไว้ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ
ทางเอ็มจี แจ้งว่า รถมีกำลังขับรวม สูงสุด 177 แรงม้า แต่ไม่แจ้งว่า มีแรงบิดสูงสุดรวมเท่าไร
ระบบเกียร์ถูกปรับปรุงใหม่ มาเป็นระบบ E-CVT มีอัตราทดเกียร์ 0.396-2.453 ส่งลงเฟืองท้าย อัตราทด 5.73 แต่ไม่มีการอธิบายเชิงวิศวกรรมอย่างละเอียด ในเรื่องของระบบเกียร์รถคันนี้
ด้านช่วงล่างให้ระบบกันสะเทือน หน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง ใช้ทอร์ชั่นบีม ตามสูตรรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ข่าวดี รถมาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ปรับได้ 3 ระดับ พร้อมกับ ระบบดิสก์ เบรก 4 ล้อ
ถ้ามอง ในการขับขี่รวมๆ ถือว่าครบครื่อง น่าใช้งาน อยู่พอสมควร เมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย
การทดลองขับ MG VS HEV
วันนี้ ทางเอ็มจี เชิญเรามาขับทดสอบ รถ MG VS HEV บนเส้นทาง กรุงเทพ-อยุธยา โดยแบ่งเป็นทั้ง การขับบนถนน และในสนามแข่งรถ เพื่อลองสมรถนะการขับขี่ ให้ประจักษ์ว่า เจ้าอเนกประสงค์คันนี้จะน่าใช้งานมากแค่ไหน
ที่จริง ตั้งแต่ฟังบรีฟ ได้ทราบว่า รถคันนี้ใช้ระบบ ไฮบริดแบบ Paralelle Hybrid นั้น ผมรู้เลยว่า นี่อาจจะไม่ใช่รถไฮบริดที่ประหยัดในการขับขี่มากมายนัก เพราะระบบแบบนี้ เคยใช้มาแล้วในรถยนต์ไฮบริดในอดีตหลายๆรุ่น และต่างพิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถ ให้ประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันได้มากนักอย่างที่ใครหลายๆคนเคยหวังไว้
ทางเอ็มจีได้แย้ม ว่าความตั้งใจของรถรุ่นนี้คือ เกิดมาเพื่อสนองสมรรนถะในการขับขี่ ให้นึกว่า ระบบไฮบริดเหมือนเทอร์โบชาร์จ ที่สามารถกดแล้วเร่งแซงพุ่งทะยานได้ดี (หรือก็คือมีหน้าที่ช่วยเสริมกำลังขับเป็นหลัก มากกว่าการผ่อนภาระเครื่องยนต์)
นั่นชัดมาก ตั้งแต่เริ่มเดินทาง แม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งผู้โดยสาร ก็สัมผัสได้ถึงการตอบสนองเร็ว รถเร่งแรง มีพละกำลังค่อนข้างเหลือเฟือมาก
พอมาขับเอง รถคันนี้ มีพละกำลังเหลือเฟือ อย่างล้นหลาม กดนิด มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้รถค่อนข้างพุ่งเร็ว เร่งแรง แม้แต่กับในโหมด Comfort ก็รู้สึกถึงการตอบสนองที่ดี รวดเร็ว กดเป็นมา ไม่ช้าไม่อิดออด
ถ้าคิดว่าต้องการอัตราเร่งที่เร้าใจมากขึ้น คุณต้องกดโหมด Sport รถ จะตอบสนองห้าวเป้งกว่าเดิม โดยเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้า จะใช้ฟังชั่นที่เรียกว่า E- Boost ปั่นพลังจนหมดกำลังขับ
ปัญหาในการใช้โหมดนี้ คือ เมื่อคุณขับแรงๆ ห้าวๆ ยาวๆ แล้วหากไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่อยู่ในระดับต่ำไปจนถึง กลางๆ การตอบสนองของมอเตอร์จะลดลงอย่างชัดเจน จนบางทีอาจจะรู้สึกเสียอารมณ์ โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องเร่งรีบ ทำเวลาไปตามการจราจร
ถึงแม้ว่า จะมีประเด็นที่น่าต้องขบคิดกันบ้าง แต่ MG VS HEV ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ที่จัดว่า ใช้ได้ทีเดียว
จากการทดสอบในสนาม ปทุม ธานี สปีดเวย์
- โหมด Comfort สามารถ ทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 12.58 วินาที
- โหมด Sport สามารถ ทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 8.59 วินาที
ถือว่า แต่ละโหมด มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และ อัตราเร่งนี้ ค่อนข้างเร็วมากในโหมด สปอร์ต อาจจะเร็วกว่ารถจากค่ายญี่ปุ่นบางคัน ด้วยซ้ำไป
การขับ ทางตรงยาวๆ ช่วงล่าง ของรถรุ่นนี้ ถือว่าดีมาก จนน่าประทับใจ แต่ถ้ายามคุณรีบ ต้องมุด มันอาจไม่ประทับใจ ขนาดนั้น
ช่วงล่างและการควบคุม
แม้ว่า รถคันนี้ จะค่อนข้างเร่งแรงเอาเรื่อง และน่าประทับใจ จนแทบจะยกเป็นขวัญใจ คนเท้าขวาหนัก ประดุจดั่ง หนังบู้แอคชั่น พอมาเป็นคุยเรื่องระบบกันสะเทือน มันดันเป็น หนังรักโรแมนติกนี่หว่า
ไม่ว่ารถคันนี้จะมีสมรรถนะเร้าใจ เร่งหลังติดเบาะแค่ไหน ผมรับประกันว่า ผู้โดยสารจะยังรักคุณเสมอ ที่ได้นั่ง ในเจ้าอเนกประสงค์คันนี้
MG VS HEV ให้ ช่วงล่างมาทางเฟิร์มนุ่ม ผิดบุคคลิกของค่ายนี้ที่ส่วนใหญ่จะทำมาติดแข็งนิด กระด้างหน่อยๆ งวดนี้ผิดคาด นี่คือช่วงล่างที่น่าจะเรียกว่า ดีที่สุด ตั้งแต่สัมผัสรถ MG มาเลยก็ว่าได้
มันเป็นช่วงล่างที่คนโดยสารจะรักมันมากที่สุด , ช่วงล่างนุ่มเฟิร์ม ซับแรงกระแทกไว และไม่ตึงตังจนเกินงาม ไม่ว่าใครก็หลับได้สบาย โดยเฉพาะ ยามขับทางตรง บนถนนเรียบๆ อย่างมอเตอร์เวย์ เป็นช่วงล่างที่ทำออกมาได้ ดีและถูกจริตความเป็นรถอเนกประสงค์มาก
ถ้าขับขี่เปลี่ยนเลนไปมา เบาๆ ช้าๆ ขับใช้ความเร็วตรงๆ ไปเรื่อยๆ นี่คือ ช่วงล่างรถไฮบริดที่ ผมกล้าการันตีว่า คนนั่งจะชอบที่สุด
แต่พอ คุณลองเปลี่ยนสลับหมวก มาขับ อาจจะคิดคนละอย่าง … ถ้าขับทั่วๆไป ใช้ความเร็วไม่มากมายนัก อาจไม่มีประเด็นที่น่ากังวลใจมากนัก
ทว่าเมื่อไรก็ตามที่คุณเจ้าโหมดเร่งรีบ เช่นต้องมุดซ้ายขวา ไปตามการจราจร อาการโคลงตัวของรถ จะเริ่มชัดขึ้น ว่ามัน เป็นรถที่ไม่เหมาะกับทำความเร็วมาก บางจังหวะเผลอเหยียบคันเร่งแรงๆ รถมีอาการท้ายกดหน้ายกเยอะไปบ้างนิดๆ อาจรู้สึกไม่ชินบ้าง โดยเฉพาะ จังหวะเผลอ เดินคันเร่งแรงๆ
อาการนี้ ยิ่งชัดขึ้น เมื่อเราเข้าไปขับในสนามปทุมธานี สปีดเวย์ ถ้าคุณขับใช้ความเร็วไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง ก็ไม่มีปัญหา อะไร ในทางกลับกัน ถ้าคุณขับใช้ความเร็วสักนิด เบรกลึกเข้าโค้งไว เสียงยางจะลั่นทันที และยิ่งชัดใน สถานีสลาลอม รถจะเกิดอาการโคลงตัวมาก จนต้องผ่อนความเร็วลงมาในจุดที่เหมาะสม
ส่วนที่ดีในเรื่องการควบคุม รถคันนี้ มี 2 ส่วนด้วยกัน อย่างแรก คือ พวงมาลัยไฟฟ้า สามารถปรับค่าน้ำหนักได้ 3 ระดับ การเซทติ้ง เหมือนกับ MG ZS เลยไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแค่ ทางเอ็มจี เซทพวงมาลัย ลดระยะฟรีลงสักหน่อยก็เท่านั้น
อีกอย่างที่ดีไม่แพ้กัน ก็คือ ยางติดรถ MG VS HEV ให้ยาง Yokohama E70 ยางชุดนี้ มีประสิทธิภาพในการใช้งานค่อนข้างดีพอสมควร ให้การเกาะถนนดีมาก จนทำให้คุณรู้สึกว่า แม้ว่าช่วงล่างจะนิ่มไปนิด แต่ยางก็ยังเอาอยู่ มั่นใจได้ทุกสภาพการขับขี่ที่ต้องการ
นอกจากนี้ การให้ Kers 3 ระดับ เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยลดจังหวะ ที่คุณต้องเบรกได้ พอสมควร แค่ยกคันเร่ง รถก็จะช่วยหน่วงอัตโนมัติ เพียงแต่แรงดึงของมันยังไม่มากมายนัก และที่จริงน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นลูกเล่น แบบสามารถปรับระดับได้ที่ปลายนิ้ว แทนการเซทค่าตายตัว
MG VS HEV แรงได้ ขับสบายด้วย เรื่องประหยัด ยังตอบไม่ได้
หลังจากลองขับ เจ้า MG VS HEV ครั้งแรก แม้ว่าจะเป็นเพียงการขับช่วงสั้นๆไม่นานมาก แต่พอบอกได้หลายอย่าง เกี่ยวกับรถอเนกประสงค์ไฮบริดน้องใหม่ จากค่ายเอ็มจี
ข้อแรก นี่คือรถอเนกประสงค์ ระดับ B-SUV ที่ต้องพูดว่า มันน่าจะแรงที่สุดในคลาส จากการทดสอบ อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. เราจะพบว่า มันเร่งดี เร้าใจ โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ต ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างเฉียบพอสมควร จนรถรุ่นพี่อาจมีหันหลังขวับ รถสปอร์ตขับสองเครื่อง N/A วางหน้าบางรุ่น อาจมีเสียวสันหลังวาป
ประการต่อมา รถคันนี้มีช่วงล่างที่นุ่ม ขับสบาย นั่งสบาย เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไป ซึ่งคนซื้อรถไฮบริด ก็มาในสไตล์นี้ แนวๆเสียส่วนใหญ่ ทว่าหากมองอีกมุม อาการของช่วงล่าง กลับไม่สอดคล้องกับกำลังรถ ที่สามารถเร่งแรง ทำความเร็วดี คุณสามารถขับรถเร็ว ในเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ได้ แค่ไม่ใช่ขับแบบมุดไปมาแบบนั้น เพราะช่วงล่างดูไม่ค่อยจะตอบสนองแบบนั้น
นอกจานี้ ถ้าเทียบกับ รถไฮบริดที่อยู่ในระดับใกล้กัน จะพบว่ามันขาดพวกระบบความปลอดภัยทั้งหลายไปค่อนข้าง มาก ไม่มีอะไร เลยที่เป็นระบบ Active Safety เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน , ระบบเตือนมุมอับสายตา ทั้งๆที่ คู่แข่ง มีมาให้ชุดใหญ่ราคาใกล้เคียงกัน
ส่วนอัตราประหยัดวันนี้เป็นการขับทดสอบ มีการขับในสนามด้วย เราได้อัตราประหยัด 12.8 ก.ม./ลิตร จากการผลัดกันขับ กับเพื่อนสื่ออีกท่าน แต่เบื้องต้นมั่นใจ ว่า ด้วยหลักการทำงานไฮบริดของตัวรถ ที่เน้นการเค้นและเสริมสมรรถนะการขับขี่ มันอาจจะไม่ได้ประหยัด น้ำมันอย่างที่คิดมากนัก แต่อยากให้รอจนกว่า เราจะมีโอกาสขับขี่ทดสอบ ตามเงื่อนไขของเรา ค่อยมาว่ากันอีกที
ดังนั้น ในภาพรวม รถคันนี้ น่าจะเหมาะกับคนมีครอบครัว ที่ต้องการ รถอเนกประสงค์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ อย่างได้อัตราเร่งดี แต่ไม่ได้เน้นช่วงล่าง ขับเร็วไม่ได้บ่อยมาก และมีให้ใช้ยามจำเป็น ถ้านั่น คือสิ่งที่คุณมองหา คันนี้ น่าจะเมาะกับคุณ
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ เอ็มจี ประเทศไทย ที่เชิญ เข้าร่วมทดสอบ รถยนต์ MG VS HEV