ท่ามกลางกระแสความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ เราได้เห็นรถยนต์กลุ่มนี้นำเสนอสิ่งใหม่ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นที่เขย่าตลาดเสียจนค่ายญี่ปุ่นแทบจะเดินเป๋ไปไม่เป็น ก็ไม่มีใครอื่นไกลไปกว่าค่าย  MG ผู้ลงดาบตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  ด้วยราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเป็นรายแรก

กระแสเสียงปรบมืออันกึกก้อง สร้างให้คนสนใจรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นเป็นทวีคูณ ผมๆม่แปลกฝจที่จะมีคนถามว่า รถคันนี้ขับเป็นอย่างไรบ้าง แทบจะทันทีที่ข่าวคราววางขายออกไปสู่โซเชี่ยลมีเดีย แม้ว่าจะใช้เวลาสักนิดหลังจากการเปิดตัว ในที่สุด เราก็ได้  Review  MG ZS EV เสียที

มองกายภายนอก  เอ็มจี แซดเอส อีวี   แทบจะกล่าวได้เต็มปากว่า ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากรถเวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันเปปกติ การออกแบบเห็นหน้าค่าตาก็เหมือนเดิมไม่ว่าจะไฟหน้า และไฟ Daytime  ทรง   London Eyes  ตลอดจนไฟท้ายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

แม้นส่วนการตบแต่งหลักๆ จะไม่ผิดแปลกกมากนัก ทว่าก็มีรายละเอียดหลายส่วนที่ปรับเปลี่ยนไปให้คนจดจำได้ เริ่มตั้งแต่สีสันตัวรถใหม่   Copenhegen  Blue   ซึ่งเวอร์ชั่นรถยนต์ไฟฟ้าจะมีแนะนำเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น เพื่อให้คนทั่วไป สามารถจดจำได้เห็นปุ๊ปรู้ทันที ว่ามันคือรถยนต์ไฟฟ้า

ไม่เพียงเท่านี้ ตัวล้อ ก็มีลวดลายเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิม ได้แรงบันดาลใจจากกังหันลม เนเธอร์แลนด์ สไตล์สีทูโทนดำสลับเงาเพิ่มความดูดีให้กับตัวรถ เห็นแล้วสะดุดตากว่ารุ่นเดิม นอกจากที่กล่าวมาแล้วด้านหน้าหระจังหน้าปรับรายละเอียดใหม่เป็นทรงพิเศษเฉพาะรุ่น ตัวกระจังหน้า ออกแบบมาคล้ายทรวดทรงไดมอนด์กริลของรถแรงสายหรูบางยี่ห้อ ตัวกระจังสามารถเปิดได้ เพื่อใช้เสียบชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอร์รี่ หัวชาร์จใช้แบบ   Type 2   และ   CCS Combo

กุญแจรถเปลี่ยนทรงใหม่แลคล้ายใบไม้รายละเอียดบนกุญแจก็เปิด-ปิดตัวรถตามปกติ เมื่อย่างเข้าห้องโดยสาร จะพบการออกแบบเปลี่ยนไปบ้าง อาทิคอนโซลหน้าที่มีรายละเอียดมากกว่ารุ่นปกตอ ตรงหน้าคนขับให้เรือนไมล์ใหม่ บอกค่าการทำงานมอเตอร์ไฟฟ้า  รวมถึงความประหยัด และการชาร์จไฟฟ้า ระหว่างการขับขี่

ถัดไปตรงกลางเป็นจอเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ รวมถึงระบบ  I Smart  ครบเครื่องในจอเดียว ที่สำคัญ สามารถปรับการทำงานของระบบความปลอดภัยต่างๆได้ด้วยในเมนู  Setting  ในภาพรวมห้องโดยสาร จึงพบว่า  ปุ่มต่างๆ หายไปเยอะมาก เนื่องจากหลายส่วนถูกปรับตั้งค่าผ่านหน้าจอกลาง

ถัดลงมาช่วงคอนโซลลางทั้งหมด เป็นอุปกรณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะโหมดการขับขี่ สามารถเลือกได้ 3 โหมด ได้แก่   Eco, Normal   และ Sport  ข้างๆกัน จะมีปุ่ม   KERS   หรือ   Kinetic Energy Recovery   ใช้ในการจับเอากำลังหมุนที่เหลือปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ไม่ให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ สามารถปรับอ่อน-เบาได้ 3 ระดับ แต่ยังไม่เหมือนค่ายญี่ปุ่น ที่สามารถหน่วงจนหยุดรถได้เลย

คันเกียร์เจ้า   MG ZS EV   ออกแบบมาเป็นระบบหมุน ซ้ายเป็นถอยหลัง   ขวาเป็นเดินหน้า และถ้าต้องการจอดให้กดลงไปตรงกลา เข้าตำแหน่ง  Park   ฟังเหมือนใช้ยาก เอาจริงๆ ค่อนข้างง่า

ส่วนตัวเบาะนั่งทั้งหมดใช้วัสดุหุ้มหนัง ฝั่งคนขับใช้งานง่ายปรับด้วยไฟฟ้า ส่วนตัวรู้สึกว่าเบาะนั่งออกแบบมาสูงกว่ารุ่นปกติสักหน่อย ดีที่เบาะนั่งออกแบบมาหนุ่มนั่งสบาย จนผมเริ่มกังวลเมื่อต้องเดินทางไกล ส่วนเบาะนั่งหลังออกแบบมาให้ปรับพับได้ในอัตรา 60/40 ตัวเบาะเหมือนตอนหน้า วัสดุหุ้มเบาะเดียวกัน เสียดายไม่ยอดให้ที่พักแขนตรงกลางมาด้วย ไม่มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มีเพียงช่อง   USB   เพียงช่องเดียว ต้องแบ่งหรือตบตีกันเอง ในยามใช้งาน

เหลียวมองด้านบนเป็นจุดเด่นที่หลายอาจจะชอบกับช่องแสงที่ส่องผ่านหลังคากระจก  Panoramic Sunroof   มาให้ความสว่างในห้องโดยสาร เจ้าหลังคากระจกนี้กินพื้นที่ 90 %  ของตัวรถ สามารถเปิดรับแสงแดดได้ทั้งผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลัง

ตอนเริ่มบรีฟรายละเอียดตัวรถ ผมได้ข่าวร้ายมาบอกทุกคนทันทีว่า เจ้า   MG ZS EV  ไม่สามารถจอดปลดเบรกมือได้ ด้วยข้อจำกัดทางเทคนิค นั่นหมายถึงคุณต้องจอดเข้าซองเพียงอย่างเดียว เท่านั้น .. นั่นอาจขัดใจคนไทยที่ชอบจอดแปะไปทั่ว

โชคดีวันนี้เรายังไม่ต้องไปจอดขวางใครเขา …แถมเส้นทางการขับขี่วันนี้ง่ายดาย เราเดินทางไปยังปลายทางพัทยา  ขึ้นรถกดปุ้มสตาร์ท ไม่มีสั่นสะเทือนใดๆ แบบเครื่องยนต์ ระบบทำงานเงียบจนแอบสงสัยว่ามันเริ่มทำงานหรือยัง ดีทีสถานะการทำงานรถแสดงผลบนหน้าจอตรงหน้าคนขับ

ใต้เรือนร่างเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ พกชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอ์รี่ลิเธียมไอออนขนาด 44.5 กิโลวัตต์  นั่นถือว่าค่อนข้างมากพอสมควรสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กแบบนี้  การชาร์จ 1 ครั้ง ตามต้อมูลที่เปิดเผยจากทาง   MG   มันวิ่งได้ไกล  337 กิโลเมตร

ก่อนออกเดินทาง เรามีโอกาสลองสมรรถนะการขับขี่เบื้องต้นในสนามทดสอบของทางเอ็มจี เราพบว่ารถคันนี้เร่งแรงเร้าใจตอบสนองดีเกิดคาด  ผิดกับเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ที่ทำได้แค่พอไปวัดไปวาได้

เจ้าไฟฟ้า เมื่อกดคันเร่งเต็มเท้า ลงไปจดติดพื้นรถจะออกตัวราวกับรถสปอร์ต บางครั้งบางหนมีเสียงเอี้ยดอ๊าดได้ฟีลความสปอร์ตบ้างเล็กน้อยก่อนระบบควบคุมการทรงตัวจะทำหน้าที่เข้ามาห้ามปรามไม่ให้ พ่อตาแม่ยายตกใจ

เมื่อออกตัวไปแล้ว รถจะขับนิ่งเงียบ คุณรู้สึกสัมผัสได้ถึงความเร็ว อัตราเร่งช่วง 0-60 ก.ม./ช.ม. ถือว่าดีมาก แม้ว่ายังไม่มีโอกาสจะจับเวลาดูจริงๆ จังๆ ก็พอบอกได้ ว่า มันเร่งได้ไม่ธรรมดา

อัตราเร่งที่ดีเลิศประเสริฐจนต้องซูฮก เมื่อถึงทางโค้งมันกลับให้ความรู้สึกแปลกไป ส่วนหนึ่งอาจด้วยการจัดวางแบตเตอร์รี่ไว้ใต้พื้นห้องโดยสารทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ที่น่าแปลกที่สุดเจ้ารถคันนี้มีโอกาส ท้ายสะบัดได้ อย่างงงๆ  เมื่อคุณเข้าโค้งแรงเกินไป หรือ ขับหักหลบด้วยความเร็ว รถจะมีอาการท้ายออกชัดเจน

เมื่อขับบนถนนไปยังปลายทางพัทยา อาการโคลงตัวแปลกๆ ของรถจะรู้สึกได้เมื่อใช้ความเร็วแล้วเปลี่ยนเลนไปมา การเข้าโค้งด้วยความเร็วปกติไม่พบปัญหาเรื่องอาการท้ายสะบัดเหมือนในสนาม

ที่น่าแปลกใจที่สุดจากการขับ  Review MG ZS EV   กลายเป็นรถคันแรกจาก   MG   ที่ดันเซทช่วงล่างมานิ่มนวล ทั้งของเดิมในเวอร์ชั่นเบนซินทำได้ดีจนเราต้องออกปากชม

ทางเอ็มจีบอกว่า ในเวอร์ชั่นไฟฟ้า พวกเขาปรับเซทติ้งของระบบกันสะเทือน ใหม่ เนื่องจากตัวรถแม้จะไม่มีเครื่องยนต์ หากแบตเตอร์รี่กลับทำให้รถมีน้ำหนักเพิ่ม ประมาณ 300 กิโลกรัม ทางทีมวิศวกรจึงจัดการปรับเซทช่วงล่างใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น

เท่าที่ขับผมอนุมาณว่า น่าจะเป็นการเซทชุดโช๊คอัพมากกว่าอื่นๆ ด้วยเหตุผลความรู้สึกนิ่มนวลของรถ อันมาจากการน้ำหนักที่เพิ่มของรถ ทำให้การกดสปริงเพิ่มตามไปด้วย

เวลาขับเดินทางจะรู้สึกว่ารถขับสบายขึ้น ไม่แข็งเหมือนรถในเวอร์ชั่นน้ำมัน กลายเป็นรถนั่งสบายขึ้นมาประเดี๋ยวเดียวก็หลับได้หายห่วง แต่เมื่อกลับมานั่งหลังพวงมาลัย รู้สึกว่าช่วงล่างนุ่มนวลไปจนหลายครั้งอาจเสียความมั่นใจในการควบคุม ยิ่งใช้ความเร็วเกิน 100 ก.ม./ช.ม. ขึ้น จะรู้สึกว่ารถคุมยากขึ้นชัดเจน

ด้านระยะการเดินทางตามสเป็คบอก 337 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ ตามการทดสอบในโหมด  NEDC   ขึ้นขับจริงออกตัวจากย่านศรีนครินทร์ รถบอกขับได้จริง 300 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นไปตามเงื่อนไขการขับขี่จริง

จากการขับในทริปครั้งนี้แบบ เหยียบไม่มียั้ง ทำความเร็วสูงแบบรถยนต์ปกติทั่วไปตลอดทาง ฝ่าฝืนกฎหมายกันไปบ้างเป็นบางอารมณ์ตามจังหวะถนน ชาร์จครั้งเดียวยังไปถึงพัทยาได้สบาย แต่ด้วยบาทาของพวกเราแต่ละคันในรถไม่ธรรมดา ก็เลยมาลองอาศัยตู้ชาร์จเร็วของ   EA Anywhere   ชาร์จกลับมายังกรุงเทพมหานคร

ตู้ชาร์จDC  หัว   CCS Combo  ใช้เวลาชาร์จไม่นาน ประมาณ 20 ที นั่งพอทานกาแฟคุยเล่นกดโทรศัพท์ เพลินก็ชาร์จเต็มแล้ว น่าเสียดาย ตอนนี้ตู้ชาร์จเร็ว ทราบมาว่ายังไม่ให้บริการแก่คนทั่วไป ไม่งั้นรับรองว่าใช้รถยนต์ไฟฟ้าสะดวก มากมาย

สรุป   MG ZS EV   แรงได้ใจ มาแนวนุ่มสบาย

หลังจากลง   MG ZS EV   รถยนต์ไฟฟ้าที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจ ต้องเรียนตามตรงว่ารถรุ่นนี้มีดีหลายอย่างอย่าง ประการแรก มันขับดีกว่ารเวอร์ชั้นเครื่องยนต์สันดาปปกติ ด้วยการตอบสนองจากมอเตอร์ไฟฟ้า เร่งเป็นมา ทันอกทันใจ ความเร็วสูงสุดรถคันนี้ทำได้ 150 ก.ม./ช.ม. เท่านั้น ใช้รอบมอเตอร์สูงสุด 9,200 รอบต่อนาที ในระหว่างทำความเร็วดังกล่าว

ทางเอ็มจี เผยว่า ความจริงรถสามารถทำความเร็วได้มากกว่านี้ แต่ล็อคไว้ เนื่องจากการซดพลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้า อาจทำให้แบตเตอร์รี่วาปหายได้ตัว เมื่อบวกกับความเป็นรถขับประหยัดรักษ์โลก จึงลงความเห็นกันว่า ล็อคเอาไว้ที่ความเร็วนี้น่าจะดีที่สุด

ถึงแม้จะมีดี หากกลับกันเจ้านี่กลับทำให้เราผิดหวังเรื่องการเซทระบบกันสะเทือนไปในทางนุ่มสบาย รถคันนี้จะเป็นที่รักของคนนั่ง ขับไปไม่นานรับรองเข้าเฝ้าพระอินทร์เอาง่ายๆ ด้วยเสียงการทำงานเงียบเชียบ เบาะนั่งนุ่มๆราวกับโซฟาที่บ้าน แอร์เย็นๆ ละช่วงล่างนิ่มนวล มันกลายเป็นรถที่คุณขึ้นแล้วจะข่มตาหลับได้สบายๆ อันที่จริงอุปสรรคเดียวในการนอนในรถคันนี้กลับเป็นหลังคาพาโนรามิค พร้อมผ้าบังกึ่งโปร่งแสง

ส่วนเรื่องความประหยีดในวันนี้เรายังไม่สามารถตอบให้ได้ เนื่องจากขับกันหลายมือพลัดกันไปมา แต่ที่สำคัญที่สุดรถคันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดในวันนี้ คุณไม่ควรจะพลาด  แต่เท่าที่สังเกต รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะเหมาะกับขับในเมืองมากกว่า ด้วยจังหวะที่เราเร่ง หรือเบรก ไฟฟ้าจะชาร์จกลับเข้าแบตเตอร์รี่ด้วยในทางหนึ่ง ทำให้แบตเตอร์รี่มีไฟเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อใช้ในการขับขี่

ถ้าถามว่า   MG ZS EV   น่าซื้อหรือไม่ ต้องตอบตามตรงว่าน่าสนใจ ถ้าคุณรับได้กับบางเรื่อง เช่นข้อจำกัดที่ชาร์จไฟฟ้า , ความนิ่มนวลของช่วงล่า งซึ่งอาจจะถูกใจบางคนแต่ไม่ใช่กับผม ด้วยราคาที่ถูกที่สุดในตลาดวันนี้ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่ามันเป็นรถที่น่าใช้งานมาก และคุ้มค่าน่าคบหาที่สุดในหมู่รถยนต์ไฟฟ้าในวันนื้

เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง พูดคุยติดตามผลงานได้ทาง   Facebook.com