สดุดีแด่ ลี ลาคอคก้า ….. ผู้นำพาให้ ฟอร์ดมัสแตง ให้กลายเป็นจริง
ในโลกยานยนต์เชื่อผมเถอะว่า มีรถยนต์ไม่กี่รุ่นขึ้นแท่นตำนาน จนคนทุกรุ่นรู้จักเป็นอย่างดี กับรถยนต์จากประเทศอเมริกา Ford Mustang ถือเป็นรถที่สร้างชื่อเสียงมายาวนาน มันเปิดตลาด Muscle Car เคยเป็นรถคู่ใจสายลับ เจมส์ บอนด์ ไปจนถึงตัวเอกในเกมซิ่งยอดนิยม Need For Speed
ตำนานม้าป่าจอมพยศ ปีนี้ครบรอบวาระ 55 ปี นับตั้งแต่เริ่มวางขายในปี 1964 และเมื่อไม่กี่วันก่อนที่คุณจะอ่านบทความ (2 ก.ค.2019) ผู้ชื่อว่าเป็นพ่อของ Ford Mustang นาย ลี ลาคอคก้า ในฐานะผู้บริหารนำพาโครงการฟอร์ด มัสแตง เพิ่งจะจากโลกนี้ไป มันทำให้ผมใจหายเล็กน้อย เราเพิ่งขับรถที่เขาเริ่มต้นจนกลายเป็นที่จดจำ ฝันของใครหลายคน ปัจจุบันมันขายมาแล้ว 6 รุ่น มียอดขายสะสมกว่า 10 ล้านคันทั่วโลก เป็นตำนานรถสปอร์ตระดับโลกเลยก็กว่าได้
เรื่องราว Ford Mustang เริ่มขึ้นในปี 1960 , Henry Ford II เพิ่งจะล้มเหลวกับการพยายามสร้างแบรนด์ใหม่ Edsel ส่วนตลาดรถยนต์ในอเมริกามาถึงจุดอิ่มตัว คนยุคใหม่ในเวลานั้น (ทุกวันนี้ก็คือรุ่นคุณปู่ของพวกเรา) เริ่มไม่ใช้รถยนต์คันใหญ่ ต้นทศวรรษ 60 กลายเป็นจุดเริ่มต้นรถคอมแพ็คคาร์ในอเมริกา
การย่อยยับของ Edsel มีผลต่อการพัฒนารถยนต์ฟอร์ดมาก นายใหญ่สูญเงินมหาศาลจนเขาไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ ลี ลาคอคก้า ดำรงตำแหน่ง รองประธานและผู้จัดการทั่วไป Ford เขามีความคิดอยากสร้างรถสปอร์ตตามรอย General Motor ผู้ประสบความสำเร็จจาก Chevrolet Corvette โฉมแรก
ปัญหาของลี ติดอยู่เพียง Henry Ford II เพิ่งเจ๊งบ๊งจาก Edsel นั่นทำให้การคุยจะขออะไรยากเย็นแสนเข็ญ เขามั่นใจมากว่า ถ้าเกิดเขาและทีมมีของไปนำเสนอสร้างภาพชัดเจน บอสจะต้องพอใจ
ลี ตั้งกลุ่มลับระหว่างเขากับบรรดาผู้จัดการส่วนงานอื่นๆ ใช้ชื่อว่า Fairlane Group มันมาจากชื่อโรงแรมที่พวกเขาไปนั่งจับเหล้าล้อมวงพูดคุยกันแก้ปัญหาเรื่องงานที่ติดขัดให้ลุล่วง ความตั้งใจของลีเขาต้องการสร้างรถสปอร์ตขับได้เหมือนรถโกคาร์ทยังใช้งานได้บนถนน และที่สำคัญมีความเหมือนคอร์เวท
เขาโยนโจทย์นี้ให้ ยูจีน บอร์ดินาร์ท ในฐานะรองประธานและหัวหน้าฝ่ายออกแบบรถยนต์ของฟอร์ด ความคิดของยูจีนไม่ต่างจากลี เขาคิดว่ามันสมควรจะเร็วแรงและขับบนถนนได้ เขาต้องการงานออกแบบรถเรียบง่ายปราดเปรียว ดูสปอร์ตทรงพลังทันสมัย เขาสั่งให้ 3 สตูดิโอในเครือ Ford , Lincon-Murcury และ Advance Design Studio ทำการออกแบบรถคันนี้
ด้านงานวิศวกรรมเป็นหน้าที่ของ Roy Charles Lunn วิศวกรชาวอังกฤษผู้มีผลงานมากมายเช่นการร่วมสร้างรถ Aston Martin DB2 เขาเองก็เป็นนักแข่งรถด้วย ดังนั้นเรื่องสร้างรถให้ขับดีคงไม่มีใครเกินเขา
Lunn คิดว่ารถต้นแบบคันนี้ น่าจะต้องมี ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ , ดิสเบรกหน้า ,พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน โครงสร้างเบา เขาและลูกทีมมีเวลาเพียง 100 วัน เอาดีไซน์ของยูจีนมาสู่โลกความจริง รถต้นแบบคันนี้จึงใช้การขึ้นโครง Space Frame (ปัจจุบันเห็นได้ในรถแข่งทางตรง-Drag ) สร้างโครงสร้างหลักด้วยเหล็กท่อให้มีความแข็งแรง แล้วสร้างเปลือกนอกตามงานออกแบบ
ด้วยการเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ Ford Cardinal ,Lunn หยิบเอาเครื่องยนต์ V4 1,500 ซีซี มาใช้วางมันไว้ตรงกลางรถเพื่อสร้างจุดกระจายน้ำหนักดีที่สุด แต่เจ้านี่ก็ยังไม่มีชื่อที่สมควรจะเรียกมัน
ถ้าคุณจะถามว่าชื่อ “Mustang” มาได้อย่างไร ตามเรื่องเล่ากล่าวขานการสร้างมัสแตง เชื่อว่าน่าจะมาจาก John Najjar ผู้บริหารฝ่ายออกแบบส่วนงานออกแบบขั้นสูง (Advance Design Studio) เขาชื่นชอบเครื่องบิน P51 Mustang อย่างมาก บ้างก็ว่ามาจากนักออกแบบคนหนึ่งขับรถกลับบ้านชนบทเห็นม้าป่าที่มีอิสระภาพ และยังหมายความได้ถึง ความปราดเปรียวทรงพลัง
แต่ที่แน่ๆ Rober J Eggert ในฐานะผู้จัดการส่วนงานการตลาด Ford นอกเวลางาน เขามีปศุสัตว์เพาะพันธุ์ม้า ในวันเกิดของเขาปีนั้น ได้รับหนังสือชื่อ The Mustang จากลูกและภรรยา ข้อมูลหลายแหล่งชี้ว่า เขาเป็นคนใส่ชื่อ Mustang ลงไปทำการสำรวจทางการตลาดและผลจากการสำรวจบ่งว่าชื่อนี้เหมาะ มันดูทรงพลัง ปราดเปรียว และเป็นที่จดจำของคนอเมริกา เนื่องจากม้าป่ามัสแตง ถือเป็นสัตว์ประจำถิ่นในประเทศอเมริกา
ในที่สุดวันที่ 7 ตุลาคม ปี 1962 รถต้นแบบ Ford Mustang I ออกโชว์ตัวในงาน United State Grand prix , Dan Gurney ขับโชว์รอบสนามเผยถึงความไม่ธรรมดาของรถคันนี้ แดน บอกหลังขับเจ้าต้นแบบคันนี้รอบสนามว่า เขาเหยียบได้ถึง 120 ไมล์ต่อชั่วโมง (192 ก.ม./ช.ม.) จนกลายเป็นข่าวลือว่า ฟอร์ดจะทำรถสปอร์ต สร้างประโยชน์ให้กับลี มีอำนาจต่อรองกับ Henry Ford II มากขึ้น
ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่า ต้นแบบแรก Ford Mustang I ไม่เหมือนรถที่เรารู้จักในวันนี้ มันเหมือน Ford GT40 หรือ Ford GT มากกว่า ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลังจบรถต้นแบบคันนี้ Lunn ถูก Henry Ford II ดึงตัวไปทำโครงการมอเตอร์สปอร์ต หลังดีลระหว่าง Ford และ Ferrari ล่มลง เขาทำรถแข่ง Lola GT และเป็นคนสร้าง Ford GT 40 จนวันนี้รถสปอร์ตอีกรุ่นที่ขายในอเมริกา มี Ford GT สร้างจากแนวคิดรถ Ford Mustang I
แล้วมัสแตงเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร …
เรื่องเกิดขึ้นหลังลีเข้าไปคุยถึงความเป็นไปได้ในการสร้างรถสปอร์ตกับ Henry Ford II ,ข่าวดี เฮนรี่ชอบไอเดีย แต่ไม่กล้าลงทุนกับโครงการที่ยังไม่มีใครเห็นความเป็นไปได้ แถมด้วยการล้มของ Edsel , เลยยิ่งกลัวการลงทุนใหญ่ขนาดใหญ่ จนอาจจะทำให้เขาผลาญเงินบริษัทโดยใช่เหตุ
Donald N Frey ในฐานะผู้จัดการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์พยายามช่วยลี แอบตะล่อมเสนอบอสหลายรอบมาก โครงการมัสแตงถูกตีตกไปถึง 4 ครั้งด้วยกัน จนในที่สุด ลี สามารถกล่อมให้นายยอมให้งบ 45 ล้านดอลล่าร์ สร้างรถที่พวกเขาตั้งใจ ทุนนี้น้อยกว่าครึ่งของปกติที่ใช้สำหรับการพัฒนารถยนต์สักรุ่นในเวลานั้น
Special Falcon is codename for the secret car project led by Lee Iacocca before Ford management approves the Mustang. (Special Falcon 1962 Ford Styling Center clay modeling pictured).ทั้งคู่ตัดสินใจนัดประชุมลับ เล่าเรื่องให้เพื่อนร่วมงานฟัง การประชุมครั้งนั้น Hal Sperlich (บ้างว่าเขาเป็นมือขวาของโดนัลด์ บางแหล่งบอกเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกร) ไม่ว่าเขาคือใคร เขาให้ไอเดียช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสร้างมัสแตง และเป้นเขาที่ทำให้ลีไม่ถอดใจ
“ทำไมเราไม่สร้างรถสปอร์ตจากพื้นฐานรถที่มีอยู่แล้ว” อย่าง Ford Falcon รถคอมแพ็คน้องใหม่ที่ขายดีในช่วงเวลาดังกล่าว ลี ชอบไอเดียนี้ เขาสั่งทีมลุยทำงานออกแบบใหม่ ภายใต้แนวคิดนี้ รถใหม่ภายใต้ร่าง Ford Falcon เขาเรียกมันว่า “Special Falcon”ตั้งเป้าขายคันละ 2,500 เหรียญเท่านั้น
อีกครั้งที่ ยูจีนประกาศ Battle Royal ทีมออกแบบภายในบริษัท กดดันหางานออกแบบที่ดีที่สุดมาสร้างสุดยอดรถสปอร์ต โจทย์ฟังเหมือนง่ายเพียงเปลี่ยนรูปเงาะ Ford Falcon รถบ้านๆ ราคาถูกให้เป็นรถสปอร์ต แต่ทีมออกแบบมีเวลาสร้างแบบดินเหนียวให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ ก่อนลี และเฮนรี่ จะตัดสินใจ
Joe Oros ในฐานะหัวหน้าทีมนักออกแบบจาก Lincoln – Mercury สตูดิโอ กลับมาบอกลูกน้องว่า เราจะทำโครงการนี้ และจะตัดสินใจว่าจะสร้างอะไรใน 8 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น
ถ้าใครคือพ่อที่แท้จริงของ Ford Mustang ผมขอเชิญพบกับชายที่ฝ่าฟันการอ้างสิทธิ์เป็นผู้ออกแบบเจ้าม้าป่ามายาวนาน ชื่อของเขาอยู่บนภาพสเก็ตที่ถูกนำมาอ้างอิงหลายครั้ง , Gale Halderman ,วงการคนเล่นรถมัสเซิลคาร์ ถือว่า “เกล” เป็นตัวจริงเรื่องนี้ เขามีพิพิธภัณฑ์ ฟอร์ดมัสแตงเป็นของตัวเองใน นอร์ท แคโรไลน่าด้วย
ชื่อเสียงของเขาโผล่มาในปี 1994 หลังนักประวัติศาสตร์ยานยนต์หลายคนเห็นชื่อเขาบนภาพสเก็ตคาดว่า เป็นจุดเริ่มต้นแบบดินเหนียวจนกลายเป็นมัสแตงรุ่นแรก สืบทอดเส้นสายการออกแบบแนวทางหลายอย่างมาจนปัจจุบัน
เกล เล่ากับสื่อ Hagerty ว่า เอาตามตรงเหรอ มัสแตงนี่เป็นงานออกแบบเร่งด่วนมาก หลังจากบอสบอกผมว่า จะตัดสินใจพรุ่งนี้เช้า ตอนนั้นผมยังติดงานออกแบบ Ford Galaxy รุ่นปี 1965 อยู่เลยวันนั้น ทำงานดึกเลิก 5 ทุ่ม พอกลับบ้านผ่อนคลายสักหน่อยนั่นแหละ ถึงจะได้เริ่มวาดมัสแตง
ด้วยความเป็นงานเร่งด่วนมาก ผมนั่งในครัวปล่อยไอเดียให้พรั่งพรูออกมา ผมวาดไป 5 ภาพ ตกเช้าตาโหลไปทำงาน พอส่งการบ้านโจชอบ 1 ในสเก็ตของผม เขาไม่รอช้าจะเริ่มงานดินเหนียวทันที เราผสมงานออกแบบหลายคนมาไว้ในรถคันนี้ ผมเองนี่แหละออกแบบทรงด้านข้าง และฝากระโปรงหน้าสูง เช่นเดียวกับ ไฟท้าย 3 ขีด (ไฟท้าย 3 ขีด เป็นเอกลักษณ์มาจนวันนี้) ทางด้านหน้าเราให้โจตัดสินใจ เขาเอาดีไซน์ของเขามาใส่ บอกว่าอยากให้เหมือนเฟอร์รารี่ นั่นเป็นที่มากระจังหน้าจมูกยืน (ภายหลังถูกเรียกว่า shark Nose) เขาเอาไฟหน้าวงรีจากฟอร์ดยุโรปมาใช้ แบบดินเหนียวคันนี้ ทีมออกแบบให้ชื่อว่า “Cougar”
ตอนสามสตูดิโอเอารถออกมาประชันกัน ลี ลาคอคก้า มองแบบของทีมเกล แล้วบอกว่า “ผมชอบนะ” มันดูน่าดึงดูดดี สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือ การออกแบบด้านข้างที่ดูสะดุดตา นั่นเป็นที่มาว่า ทำไมเราถึงเห็นภาพถ่ายด้านข้างมัสแตงปี 1964 -1965 มากมายในนิตยสารเก่าๆ
Henry Ford II บอสใหญ่กรรมการชี้ขาด เดินรอบๆ รถ ของทีมเกล แล้วพูดว่า “ผมชอบเหมือนกัน แต่ผมไม่อนุมัติให้พวกคุณหรอก” นั่นทำให้ทุกคนที่สู้พยายามสร้างรถรุ่นนี้สะพรึงไปตามๆ กัน เขาเดินจากไป แต่ทิ้งท้ายไว้ว่า “แต่ก็อย่าหยุดสร้างมันแล้วกัน” นั่นเท่ากับความหวังยังมี
ในที่สุดต้นแบบ Ford Mustang II ออกโชว์ในปี 1963 มันคือรถต้นแบบที่ทีมของเกลออกแบบ หลังจากออกสู่สายตาคนก็ได้รับความสนใจ ฟอร์ดใช้เวลาอีกปีในงานวิศวกรรมและการผลิตสินค้า รถมัสแตงรุ่นแรกออกมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.3 ลิตร ในงาน World Fair ปี 1964 ขายราคา 2,368 ดอลล่าร์ หลายอย่างทางด้านงานวิศวกรรมยกมาจาก Ford Falcon รถรุ่นนี้ได้รับความสนใจมาก
ทีแรกฟอร์ดคาดว่า 1 แสนคันต่อปีก็บุญโขแล้ว เอาเข้าจริงปรากฏว่า ยอดทะลุเป้าการขายในสามเดือนแรก และในช่วงเวลาปีครึ่ง Ford Mustang โฉมแรกขายทะลุ 1 ล้านคัน มันกลายเป็นรถยนต์สร้างรถกลุ่ม Pony Car หรือบ้านเราอาจเรียก Muscle Car เนื่องจากเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.7 ลิตร (อัพเดทในปี 1965) ให้กำลัง 200 แรงม้า ทำแรงบิด 382 นิวตันเมตร เป็นรถเปี่ยมด้วยพลัง สมชื่อความเป็นม้าป่า จนกลายเป็นรถขวัญใจคนอเมริกัน
จนภายหลังมัสแตงมีแบบตัวถังมากขึ้น ที่นิยมถูกใจลูกค้าที่สุดกลับเป็นทรงท้ายลาดหรือ Fast Back มันมาแทนทรงคูเป้ดั้งเดิม รวมถึงยังมีเวอร์ชั่นเปิดหลังคา 2 โมเดลนี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนปัจจุบัน
///
55 ปี ผ่านมา Ford Mustang ยังขายอยู่รุ่นใหม่เป็นเจนเนอร์ชั่นที่ 6 ออกมาโชว์ตัว วันที่ 5 ธันวาคมปี 2013 โดยมีแผนวางขายในไตรมาส 3 ปี 2014 ฉลองครบรอบ 50 ปี เจ้าม้าป่าขวัญใจคนทั่วโลก
หลายปีที่ผ่านมามัสแตงบ้างว่าเป็นตัวแทนความเป็นอิสระเสรี สะท้อนความเป็นรถยนต์อเมริกันอย่างดี มันไม่เพียงเป็นรถแรงอีกคันบนถนน ตอนเปิดตัวรุ่นที่ 6 ผมไม่เคยคิดว่า เราคนไทยจะมีโอกาสสัมผัส Ford Mustang เนื่องจากสายงานฟอร์ดบ้านเราห่างไกลอีกครึ่งโลกจากอเมริกา จนกระทั่งฟอร์ดมัสแตงถูกผู้นำเข้าอิสระหลายแห่งนำมาวางขาย
ในที่สุดเรื่องที่เราไม่เคยคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว Ford Mustang มาขายเองแถมราคาถูกกว่าผู้นำเข้า มันกลายเป็นรถไม่ได้ไกลเกินฝันคนชอบรถอเมริกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสพบ Ford Mustang ตัวเป็นๆ อย่างใกล้ชิด มันไม่ใช่รถหรูดูดี ความรู้สึกแรกตอนเห็นรถคันนี้กลับคิดว่า นี่คือรถที่มีความสง่างาม สะดุดตา และโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ฟอร์ดมัสแตง รุ่นที่ 6 มีการปรับเปลี่ยนขนาดตัวรถเล็กน้อย ทางทีมงานวิศวกรรมจัดการ ปรับความกว้างเพิ่มอีก 36 มม.(1,916 มม.) ลดความสูงช่วงหลังคาลดลง 39 มม. (1,381 มม.) ส่วนขนาดความยาว 4,784มม. และ ฐานล้อยาว 2,720 มม. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากก่อนหน้านี้
รถรุ่นใหม่ยังคงเอกลักษณ์หลายอย่างตั้งแต่รุ่นแรกมาจนถึงรุ่นนี้ ตั้งแต่ด้านหน้า จะเห็นว่ากระจังหน้ากว้างขนาดใหญ่มาพร้อมตราสัญลักษณ์เฉพาะรุ่นรูปม้า บ่งบอกความเป็นมัสแตงมาแต่ไกล สังเกตให้ดีด้านหน้าตัวรถจะงุ้มลงสักหน่อยมีทรวดทรงปราดเปรียวลงตัวกับฝากระโปรงหน้าทรงโค้งใหญ่ ให้ความรู้สึกดุดัน ดีไซน์ Shark Nose ในตำนาน
ไฟหน้าใหม่ออกแบบให้ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น ในโคมพกไฟ Day Time Running Light 3 ขีด มองไกลๆ ดูดุดัน การส่องสว่างเป็นหน้าที่ของไฟหน้า LED ส่วนไฟเลี้ยววางไว้ด้านล่างกันชนให้ความสปอร์ตแปลกตา
เตะเท้ามาทางด้านข้าง ฝากระโปรงหน้าออกแบบให้มีความยาวกว่ารถทั่วไปในวันนี้ ช่วงหลังคาโค้งเพรียวสวย ทางทีมออกแบบพยายามทำให้เสา A ผอมลงเพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เส้นหลังคาตวัดลงยาวไปยังฝากระโปรงท้าย ตามฉบับรถทรงท้ายลาด
Kemal Curic ในฐานะผู้จัดการการออกแบบภายนอก 2017 Ford Mustang กล่าวว่า รถรุ่นนี้ต่างออกไปเราพยายามทำให้รถกลับไปหาจุดเดิมที่เคยเป็นมา มันต้องมีเอกลักษณ์ 3 อย่างทีคุณรู้ทันทีเป็นมัสแตง เริ่มจากการออกแบบห้องโดยสารรถทรง Fastback , จมูกหน้าทรงยื่น Shark Nose และ แน่นอนไฟท้าย 3 ขีด หรือ Tri bar Taillamp มันต้องลงตัวกับทรวดทรงปราดเปรียวในแบบรถยุคใหม่
ถ้าใครเป็นแฟนตัวจริง Ford Mustang จะพบว่ารถในบ้านเราแลดูไม่เหมือน มัสแตงปกติในอเมริกา นั่นเพราะรุ่นที่นำมาขายในไทย เป็น Fastback Premium แถมใส่ Performance Package มาให้ครบเครื่อง คุณได้ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว กว้าง 9 นิ้ว สีดำด้านดุดันจากโรงงาน พร้อมยางพิเศษ คันที่ขับทดสอบติดตั้งยาง Pirelli P . Zero ยางสปอร์ตขั้นเทพ เป็นยางติดรถจากรถสายแรงชั้นนำ อาทิ Porsche , Lamborghini ขนาด 255/40/ZR19
ช่วงประตูรถออกแบบให้มีความยาว เพื่อความสะดวกในการขึ้นลง ตัวรถเองไม่ได้มีความต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนรถสปอร์ตรุ่นอื่นๆ เวลาก้าวขึ้นลงจึงไม่รู้สึกว่ามันยากเย็นแสนเข็ญต้องพลิกตัวหาท่าลงรถอย่างไรให้ดูหล่อ หรือคุณผู้หญิงชอบนุ่งสั้นก็ไม่ต้องกลัวจะขึ้นลงลำบาก
ท้ายรถออกแบบเป็นทรวดทรงท้ายลดทำให้ฝากระโปรงท้ายต่อกับเสา C ฝาท้ายเปิดจากด้านนอกไม่ได้ ต้องใช้วิธีกดกุญแจรรีโมท หรือไม่ ก็เปิดจากปุ่มภายในรถ ตัวฝาท้ายออกแบบให้มีแถบดำ ตราม้า ลงตัวกับเอกลักษณ์ไฟสามขีด ตัวฝาออกแบบให้เป้นทรงสปอร์ยเลอร์ตูดเป็ดในตัว มันช่วยให้เวลาขับด้วยความเร็วสูงมีแรงลมช่วยกดรถไม่ให้ดิ้นพล่านไปมา
///
ตอนเปิดตัวในปี 2014 ฟอร์ด มัสแตง ถูกค่อนขอดเรื่องความทันสมัย ในขณะที่รถทั่วไปของแบรนด์เริ่มใช้ของเล่นทันสมัยมากมาย มัสแตงกลับอนุรักษ์นิยมหลายอย่าง โดยเฉพาะเรือนไมล์เข็มฟาด ตามแบบฉบับรถสปอร์ตในอดีต
หลังขายมา 3 ปี เมื่อปีกลาย Ford ตัดสินใจปรับ Ford Mustang เป็นครั้งแรกยกเครื่องภายในครั้งสำคัญ ทีมค่ายวงรีสีน้ำเงินจัดการยกเรือนไมล์เดิมทิ้งไปแล้วยัดมาตรวัดใหม่ หน้าจอ LCD ขนาด 12 นิ้ว พร้อมลูกเล่นอีกเพียบให้ลูกค้าได้สะใจกันในคราวนี้
เมื่อผมเปิดประตูมองภายใน Ford Mustang กวาดสายตาครั้งแรก เห็นแล้วรู้สึกถึงการผสมผสานระหว่างโลกยุคเก่ากับความทันสมัยอย่างลงตัว ผมไม่รอช้า หย่อนตัวลงนั่งบนเบาะ ดูทรงธรรมดาบ้านๆ แต่กลับโอบกระชับร่างใหญ่ไซส์หมีได้ดี
เบาะพี่ม้าเราแปลกสักหน่อย ปกติ เบาะนั่งในรถทั่วไป ถ้าปรับไฟฟ้า ก็จะปรับไฟฟ้าทั้งหมด ถ้าปรับมือก็มือทั้งหมด มัสแตงกลับสร้างความประหลาดใจ เบาะของมันทำมาครึ่งๆ กลางๆ ฝั่งคนขับและคนนั่งเหมือนกัน คุณเลื่อนเข้าออก หรือ ปรับสูงต่ำ (เฉพาะคนขับ) ด้วยไฟฟ้า ถ้าจะปรับพนักพิงหลังต้องทำด้วยมือ สร้างความแปลกใจเล็กน้อย
ด้านหน้าผมเป็นพวงมาลัย 3 ก้านตบแต่งด้วยโครเมียมเล็กน้อย บนพวงมาลัย มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง คุมมาตรวัด , ให้ระบบ Adaptive Cruise Control มาด้วย หลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift พร้อมสำหรับการขับขี่เร้าใจได้ทุกเมื่อทุกเวลา
ตัวมาตรวัดจอ LCD 12 นิ้ว ลูกเล่นเยอะเว่อ มันมาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องเป็นปกติ คุณสามารถปรับหน้าตามันได้ถ้าต้องการ ตรงกลางยามปกติบอกข้อมูลการเดินทาง เวลาอยากซิ่งคุณสามารถเข้าไปเซทเอาเกจวัดค่าต่างๆ มาใช้ได้ อาทิ วัสบูสต์ วัดตำแหน่งลิ้นเร่ง และในบางโหมดการขับขี่หน้าจอจะปรับสไตล์ให้คุณด้วย
ตรงกลางด้านหน้าให้เครื่องเสียงใหม่ Sync 3 รองรับการเชื่อมต่อง่ายสะดวกมากขึ้น ความสุนทรีย์ทางเสียงเพลงขับผ่านลำโพง 9 จุด พร้อมแอมพริไฟเออร์ และซับวูฟเฟอร์ที่อยู่ในห้องสัมภาระท้าย คุณภาพเสียงอย่างกระหึ่ม เน้นเบสเหมาะกับเพลงร๊อค และเพลงฮิปฮอป ฟังเสียงแน่นตึ๊บสะใจ
ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุมแอร์ออโต้สามารถปรับความเย็นอิสระได้ 2 โซน ส่วนด้านล่างเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการขับขี่ เช่น ปุ่มปิดการควบคุมการทรงตัว , ปุ่มเลือกโหมดพวงมาลัย , ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ จัดวางในรูปแบบสวิทช์ดันขึ้นคล้ายปุ่มในเครื่องบินรบ
สิ่งเดียวในห้องโดยสารที่ผมไม่ชอบใจเลย คือการจัดวางคอนโซลกลาง เข้าใจว่าคอนโซลพร้อมที่วางแก้วน้ำตรงนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเวอร์ชั่นรถพวงมาลัยซ้ายทำให้คันเบรกมือไปอยู่ทางฝั่งคนนั่ง ขับแรงๆ จะให้คุณเธอช่วยดึงก็กะไรอยู่ ถ้านั่นว่าประหลาดไม่พอ เวลาคุณซื้อน้ำหรือกาแฟมาทานแล้ววางไว้ในช่องตรงนี้ ถ้าจะหยิบจับปรับคันเกียร์อะไรช่างยากเย็น เราต้องอ้อมมือไปจับ ถ้าฟอร์ดปรับคอนโซลตรงนี้ตามดีไซน์ที่ควรเป็น ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นเลย
เหลียวมองทางด้านหลัง Ford Mustang ยังมีที่นั่งอีก 2 ที่ รองรับเผื่อใครจะขอโดยสาร เอาน้องนุ่งติดไปด้วยก็ได้อยู่ ที่นั่งตอนหลังมีขนาดใหญ่พอควรนั่งสบาย เพียงแค่ไม่มีระยะวางขามากนัก ถ้าคุณจำเป็นต้องพาคนโดยสารตอนหลัง ควรจะเลื่อนเบาะเดินหน้าขึ้นสักหน่อย จะเป็นการดี
ถ้าการนั่งหลังไม่ได้ใช้งานเท่ากับการต้องขนข้าวของไปออฟฟิศ เบาะนั่งหลังสามารถปรับพับได้ในอัตรา 50/50 ให้พื้นที่สัมภาระจุมากขึ้นถ้าต้องการ ทว่าตามปกติห้องสัมภาระท้าย Ford Mustang ก็ไม่น้อยหน้า สามารถจุกระเป๋าเดินทางได้ 2-3 ใบ เลยทีเดียว
///
ใต้ร่างม้าป่ารุ่นเริ่มต้น เคาะราคา 3.699 ล้านบาท แพงกว่า Ford Ranger Raptor 2 ล้านบาท คุณได้เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 2.3 ลิตร ติดตั้งเทอร์โบชาร์จ Twin Scroll รีดลมด้วยโข่ง 2 ช่อง พร้อมระบบจ่ายน้ำมัน Direct injection เวอร์ชั่นบ้านเราทำกำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที ปั่นฝีเท้าด้วยแรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที
กำลังทั้งหมด ส่งลงชุดเกียร์ออโต้ 10สปีด ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี และด้วยการแต่งแต้ม Performance Package เข้ามา มัสแตงคันเวอร์ชั่นไทย ได้เฟืองท้าย Torsen Limited Slip ติดตัวมาด้วย ใครที่ไม่ได้เล่นรถซิ่งเป็นอาจินอาจเกาหัว เอาเป็นว่า รถคันนี้พร้อมสรรพครบเครื่องเรื่องซิ่งตั้งแต่ออกจากโชว์รูมแล้วกัน
กวาดพวงมาลัยออกท่องเมือง ตอนขึ้นขับครั้งแรกรู้สึกประหลาดกับทัศนวิสัยสักหน่อย ด้วยกระโปรงหน้าโค้งสูง ทำให้หลายครั้งเหมือนบังตามองไม่ถนัด ยังดี ความยาวของฝากระโปรงหน้าช่วยให้เราเห็นถ้วนทั่วกะระยะชิดคันหน้าง่าย คล้ายสไตล์รถยุคเก่า คนรุ่นใหม่วันนี้อาจไม่ชินตา
กระจกบานหน้ามีขนาดใหญ่กำลังดี เสา A ผอมลดจุดบอดได้พอสมควร ขับในเมืองที่ต้องระวังหนีไม่พ้นความกว้างตัวรถเฉียด 2 เมตร ทำให้เรากลายเป็นที่รังเกียจของบรรดาสิงมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ ถ้าเราจอดอยู่ข้างบรรดากระบะ มักจะจอดทำหน้าเซ็งใส่ …ต้องขอโทษที
การขับมัสแตงในเมือง แนะนำว่าควรใช้พวงมาลัย comfort หรือ Normal เท่านั้น โหมดพวงมาลัยต่างกัน ปรับเพียงน้ำหนักให้เบามากน้อยแตกต่างกันหรือจะเน้นหนักแน่นพวงมาลัยสปอร์ตก็ทำได้ ส่วนการตอบสนองบังคับเลี้ยวไม่หนีกันพวงมาลัยตึง คมบังคับเลี้ยวง่าย วงเลี้ยวมัสแตงอยู่ที่ 6.1 เมตร หรืออาจกล่าวได้ว่า พอๆกับรถกระบะทั่วไป
สิ่งที่น่ารำคาญเวลาขับในเมือง โดยเฉพาะเวลาเจอรถติดศุกร์สิ้นเดือนม้าตายเรียบแบบนี้คือเบรกหน้า 4 พอท ที่มากับ Performance Package ด้วยความหนึบแน่นมั่นใจเวลาปราบฝูงม้าเมื่อขับในความเร็วต่ำมาก กลายเป็นแตะนิดเดียวเบรกหัวทิ่มหน้าคะมำได้
ยิ่งถ้าใครไม่เคยใช้เบรกใหญ่มาก่อน ต้องหัดขับรถเลียเบรก อาจทำให้คนนั่งรำคาญ แถมช่วงล่า ด้านหน้า Double Ball Joint Mcpherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้ช่วงล่าง Integral link Independent เมื่อประกอบกับยางแก้มเตี้ยล้อขอบ 19 มันแข็งเป็นคุณควบม้าสมชื่อ “มัสแตง” เวลาขับคลานไปตามถนนในกรุงเทพมหานคร จนยามอิ่มอาหารบางครั้งอาจไม่โสภากับมันเท่าไรนัก
เอาเครื่องยนต์ 300 ม้า มาขับในเมืองแบบนี้ มันต้องซดแน่ ผมรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะขับมัสแตงในเมือง และคนที่ซื้อรถ 3.7 ล้าน ก็คงไม่ได้มีรถคันเดียว เขาอาจไม่หวั่นกับค่าน้ำมันเจ้าม้าป่าด้วยซ้ำไป งานนี้จึงขับเอาพอรู้ ด้วยระยะทางที่ขับไป 55.6 ก.ม. เติมน้ำมันไป 6.58 ลิตร คำนวนอัตราประหยัดได้ 8.44 ก.ม./ลิตร ซดเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ทั่วไป
///
ถ้ามีรถสปอร์ตในบ้าน คุณคงพยายามจะหาเวลาว่างไปขับรถเล่นตามต่างจังหวัดในวันหยุด พฤติกรรม Sunday Drive เป็นที่นิยมมากในหมู่ฝรั่งมังค่าชาวต่างชาติ ที่รักรถชอบความเร็ว ถ้าเขาไม่ลงสนามก็จะเกี่ยวเมียหรือเด็กไปขับรถกินลมชมวิว
หลังวัดอัตราประหยัดในเมือง ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า 300 แรงม้า มันจะประหยัดเท่าเครื่องยนต์ทั่วไปได้แค่ไหน ผมกับเดือนเราพนันกันมันไม่น่าจะไปได้ไกล เลยตัดสินใจว่า ไปเที่ยวชะอำกินข้าวแล้วกลับก็พอ
การมี 300 แรงม้า ใต้ฝากระโปรงไม่ได้หมายความว่าคุณต้องใช้ม้าทั้งฝูงตลอดเวลา ด้วยแรงบิด 440 นิวตันเมตรของเจ้ามัสแตง เวลาขับเดินทางตามปกติ 100-120 ก.ม/ช.ม. จะรู้สึกได้ว่า เราไปเร็วกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาสักหน่อย
ข้อดีหนึ่งของเจ้าม้าน้อยเวลาขับทางไกล คือมันนิ่งคุมง่าย อาชานัยกำลังมหาศาลเร่งแซงสะดวกขับสบายไม่เครียด ถ้าเบื่อๆ คุณยังมีตัวช่วย Adaptive Cruise Control พร้อมรับหน้าที่ขันอาสา ไม่ต้องตั้งเท้ากดคันเร่งจนเคล็ดข้อไปตลอดทาง แถมยังสามารถใช้ระบบ Lane Keeping มาร่วมด้วยช่วยกันได้อีกต่างหาก
ขับด้วยความเร็วเดินทางไกล ใช้ความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. ฟอร์ดมัสแตง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งรถเก๋งคันโตมากกกว่า เนื่องจากช่วงฐานล้อยาว และระยะระหว่างล้อกว้าง ดูมั่นคงเวลาใช้ความเร็ว
การตอบสนองช่วงล่างเป็นหน้าที่โช้คอัพ Monotube ควบคุมจังหวะการกระเทือนของรถให้ล้อทั้งสี่เกาะถนนมากที่สุด ในเวลาไม่ได้ขับซิ่งเท่าไร เดินทางไปเรื่อยๆ ความรู้สึกจะใกล้เคียงรถยนต์หรู การเปลี่ยนเลน เข้าโค้งโคลงตัวน้อยกว่ารถปกติทั่วไป แม้ว่ามัสแตงจะไม่ได้ออกแบบให้เตี้ยกว่าปกติก็ตามที
ด้านชุดเกียร์ 10 สปีด ทำงานคล้ายในเจ้ากระบะตัวยอดนิยม ถ้าคุณกดโหมด Normal จะขับใช้เกียร์กระโดดข้ามไปยังเกียร์ 10 ให้เร็วที่สุด ด้วยเหตุผลทางด้านความประหยัด ยามต้องการเร่งแซง เกียร์จะทดลงมาที่เกียร์ 9 และ เลื่อนลงไปตามลำดับความต้องการ จนกว่าเราจะพอใจ
เท่าที่สังเกตระหว่างขับขี่เกียร์ 10 จะค้างในตำแหน่งนี้ไว้ตลอดการขับทางยาว มันช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานรอบต่ำเพียง 1900 รอบต่อนาที ในระหว่างขับด้วยความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. นั่นทำให้มัสแตงมีความประหยัดน่าเหลือเชื่อ จากทีแรกกะว่าไปชะอำ ความประหยัดของมัน ผมเลยขับมาไกลถึงปราณบุรี ระยะทางทั้งสิ้น 248.7 ก.ม. เติมน้ำมันคืนถังไป 19.317 ลิตร ดีดอัตราประหยัดได้ 12.84 ก.ม./ลิตร หากเปรียบเทียบแล้วมันประหยัดเท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทั่วไป
ม้าป่าเจ้าพยศ… ความเร้าใจเกินคำบรรยาย
มีรถสปอร์ต 300 แรงม้า ทั้งที ผมเชื่อว่าไม่มีใครขับมันช้าๆ จนเต่ากัดยางหรอก เจ้าม้าป่าสายพยศ ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วความแรง ยิ่งถ้าเป็นตัว V8 5.0 ลิตร นี่ยิ่งเกินคำบรรยาย (หวังว่าจะมีโอกาสได้ลอง)
แม้ว่าเราอาจจะขับเพียง รุ่น Ecoboost 2.3 ลิตรเทอร์ชาร์จ มันอาจมีกำลังเพียง 300 แรงม้า ไม่ได้เยอะมากมายนักหนา หากมันก็ไม่ใช่รถบ้านๆ ทั่วไป ถ้าคุณขับเดินคันเร่งมากไปหน่อย เวลาเลี้ยวออกหน้าหมู่บ้าน อาจพบว่า ยอดอาชาพาสะบัดหล่อๆ เล็กน้อย ก่อนระบบ Advance Trac จะเข้ามาช่วยไม่คุณกลายเป็นม้าหมุนอายชาวบ้านเขา
ในกรณีคุณทะลึ่งปิดระบบควบคุมการทรงตัว ควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ กำลังแรงบิด 440 นิวตันเมตรไม่ใช่ของเล่น ถึงแรงบิดขนาดนี้พบได้ในรถกระบะ แต่การเติม torsen Limited Slip เข้ามาอาจพารถสะบัดม้วนกลางถนนเอาได้ง่าย ถ้าเดินคันเร่งสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ดีสมควรฝึกการควบคุมพวงมาลัยและคันเร่งให้แม่นยำ จะได้ไม่เพียงหล่อแค่รถ แต่ทักษะยังทัดเทียมกับสิ่งที่คุณขับด้วย
ถึงเราจะพูดว่ารถแรง 300 แรงม้า อาจต้องการนักขับที่มากประสบการณ์มีทักษะขั้นเทพ แต่ถ้าคุณเพียงชอบม้าป่า แล้วอยากประลองท้าทายความเร็ว ข่าวดี!! ฟอร์ดมีของเล่นตัวช่วยมากมายซุกซ่อนไว้ใต้ร่างรถคันนี้ เริ่มจากโหมดการขับขี่พร้อมซิ่ง Sport + เน้นรีดความเร้าใจบนถนน รถปรับการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัยเร็วขึ้น การเปลี่ยนเกียร์จะอยู่ในรอบสูงเพื่อรีดแรงม้าเข้าประจำการบ่อยครั้ง ไม่ให้คุณเสียชื่อว่าขับม้าป่า ปราบเกรียนกระบะดันรางไม่ได้ ถ้าคุณไม่ดันไปห้าวกับกระทิงดุ หรือม้าลำพอง ก็พอจะฟังเหวี่ยงสร้างชื่อบนถนนได้อยู่
แต่ถ้าคุณเป็นนักซิ่งตัวจริง เน้นลงสนามคว้าชัยชนะและเกียรติยศ Ford Mustang มีโหมดพร้อมซิ่งในสนามทันใจ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องฝึกปรือเลยยังได้
ไม่ว่าจะเป็น Track Mode เหมาะสำหรับการแข่งขันสายเซอร์กิต ซิ่งวิ่งรอบสนาม ระบบจะทำการปิดระบบควบคุมการทรงตัวโดยสิ้นเชิงให้คุณได้ตะบันคันเร่งบี้ควบคุมรถด้วยตัวเองอย่างถึงใจ คันเร่งจะไวขึ้น ผมแนะนำให้เซทพวงมาลัยเป็น Sport จะยิ่งทำให้ขับง่ายมากยิ่งขึ้น ที่ต้องระวังสำหรับการขับโหมดนี้ คือ อย่ากระทุ้งคันเร่ง ท้ายจะออกง่าย ให้เดินคันเร่งเนียนๆ ไปตามไลน์ อย่ารีบร้อนรีดความเร็วเวลาออกจากโค้ง
ในกรณีเพื่อนๆ คนไหน เป็นสิงห์ทางตรง ชอบการแข่ง Drag ,”ผมใช้เวลาทีละเสี้ยววินาที เหมือนขับรถ ¼ ไมล์” แบบดอมมินิโทเร็ตโต้ ให้คุณกด Drag Strip Mode โหมดนี้ รถจะปรับการตอบสนองคันเร่งและเกียร์ให้ไวมากขึ้น เท่าที่ลองเล่นดู เกียร์จะกระชับดูตึงตังยิ่งขึ้น จุดเด่นโหมดนี้อยู่ที่การออกตัวอย่างรวดเร็วมันจะดันคุณหลังติดเบาะกับ บูสต์ 1.3 บาร์และ Overboost 1.5 บาร์สั้นๆ 2-3 วินาทีต่อเนื่องยาวๆ ไปจนถึงเส้นชัย
ทั้งสองโหมดนี้ หน้าปัดเรือนไมล์ จะเปลี่ยนเป็นทรงตะขอ และ มีนาฬิกาจับเวลาในตัวมาให้ด้วย สามารถคำนวณว่าคุณเร็วหรือช้ากว่าเดิมอย่างไร จะได้ปรับกลยุทธ์การขับได้ถูกต้อง
นอกจากนี้ที่น่าสนใจที่สุด สำหรับใครที่ขับสาย drag 0-400 เป็นอาจิน Ford Mustang มีระบบ Electronic Line Lock หรือโหมดเบิร์นยางมาให้ด้วยนะครับ วิธีการใช้งานอย่างไร ลองศึกษาดูจากคู่มือแล้วกัน แต่ไม่แนะนำใช้งานบนถนน เพราะผิดกฎหมาย!!
สรุป Ford Mustang 2.3 Ecoboost ถึงไม่ V8 ก็เร้าใจ
จะมีรถสักกี่คันที่เราสามารถซื้อเก็บไว้ได้ชั่วลูกชั่วหลาน ผมทราบดีว่าคนไทยจำนวนมากไม่อินกับ ฟอร์ด มัสแตง ตอนเขียนรีวิวมัสแตง รู้ว่านี่อาจไม่ใช่บทความที่คนอ่านมาก แต่สำหรับคนเล่นรถนี่คือเจ้าตำนาน วันนี้มันเข้ามาขายด้วยตำแหน่งหนึ่งเดียว Muscle Car ที่สามารถหาซื้อได้จากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย
ฟอร์ดมัสแตง เป็นรถที่ครบองค์ในการขับขี่กว่าที่ผมเคยคิด มันไม่ใช่รถหรู แต่มันเป็นรถที่ดูดี ขับไปไหนคนก็รู้จัก ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ขับไปจอดที่ไหน ก็จะได้ยินคำชื่นชมจากฝีปากใครหลายคน อย่างตอนผมเอามัสแตงกลับมาบ้านวันแรก ยามหน้าหมู่บ้านที่ต้องคอยทำความเคารพเปิดประตู ทักทาย พร้อมประโยคตามมาว่า “รถสวยนะครับ”
หรือจะเป็นเรื่องที่ขำขันที่สุดระหว่างทดสอบรถคันนี้ วันหนึ่งกลับเข้ามาบ้าน ไม่นานมีเด็กแถวบ้านอายุประมาณ 9-10 ขวบวิ่งอย่างกระหืดกระหอบมาหาผม มายืนท้ายรถ แล้วเอ่ยปากถามผมว่า “พี่ครับ นี่ มัสแตงหรือเปล่า” ผมได้เห็นสายตาทุกคนที่มองรถคันนี้ ไม่ว่า ระหว่างที่ผมขับมันไปตามที่ต่างๆ หรือ ยืนถ่ายรูป จะต้องมีคนทักว่า “รถสวย” ไม่ว่า ไทย จีน เกาหลี หรือฝรั่ง ทุกคนจะต้องมีประโยคชื่นชมคุณที่ขับฟอร์ดมัสแตง แม้มันไม่ใช่รถยนต์หรูหราดูไฮโซก็ตาม นั่นเป็นเพราะอะไร ผมก็ถามตัวเองตลอดเวลาที่ขับรถคันนี้
ในขณะเดียวกัน มัสแตงก็ถ่ายทอดความเป็นอเมริกันจ๋าออกมาแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะการมีเบาะนั่งสบายสุดๆ และกล้าพูดว่าสบายที่สุดเท่าที่เคยขับรถยนต์สมรรถนะสูงมา คุณจะแปลกใจกว่าถ้าพบว่า รถทันสมัยคันนี้มีที่จุดบุหรี่มาให้ และพร้อมสำหรับที่นั่งเด็กถ้าจำเป็น บางคนอาจจะแปลกใจ ใครต้องการของเหล่านี้
มันสะท้อนถึงความเป็นอเมริกันอย่างแท้จริง คุณมีอิสระเสรีจะใช้มัสแตงทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะ ดูดบุหรี่ขับรถ, จะขับมัสแตงไปรับลูก หรืออยากจะปลดปล่อยเวลาเจ้านาย-เมียไม่เข้าใจ กระแทกคันเร่งให้สุดพื้นแล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นคนบ้าความเร็วชั่วขณะ ให้เครื่องยนต์ 2.3 เทอร์โบ 300 แรงม้า บูสต์ 1.3 บาร์ ผลักคุณหลังติดเบาะไปตามถนน เร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 6.9 วินาที และหลังจากนั้นอีก 30 วินาที คุณก็จะทะยานถึง 200 ก.ม./ช.ม. มองกระจกหลัง คุณเป็นมัสแตง ไม่มีใครกล้ามาแหยมกับคุณ
หลังจากได้ขับม้าป่าจอมพยศ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า “มัสแตง” ไม่ได้ขายความเป็นรถสปอร์ตให้กับลูกค้า ฟอร์ดขายความเป็นอเมริกันในรถคันนี้ และนั่นคือความเป็น “อิสระ” ความเป็นเสรี
คุณมีรถที่สวย คุณมีรถแรง คุณมีรถขับสบาย ทั้งหมดรวมอยู่ในรถคันนี้ราคา 3.699 ล้านบาท พร้อมให้เป็นเจ้าของได้ถ้าเอื้อมถึง และสำหรับในไทยคุณไม่จำเป็นเลยที่จะซื้อรุ่น V8 5.0 ลิตร เว้นแต่ชอบและต้องการเก็บไว้ครอบครองจริงๆ ไม่มีทางที่คุณจะปลดปล่อย 460 ม้า ได้หมดบนถนน ความจริงคือถนนเมืองไทยไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับแรงม้าขนาดนั้น แค่ Ecoboost ที่เอามารอง 300 ม้าในชีวิตจริง ยังยากเลย
อย่างไรก็ดี ถึงมัสแตงจะทำให้ผมประทับใจหลายอย่าง ก็มีบางเรื่องที่ยังไม่ลงตัวกับความเป็นรถพวงมาลัยขวา ที่เพิ่งเริ่มผลิตมาได้ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดดูเหมือนแทบจะไม่ได้ศึกษาการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากเพียงย้ายพวงมาลัยกลับด้านมาอีกฝั่ง
สิ่งที่ควรปรับย้ายกลับไม่ทำ และดันทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่วางแก้วน้ำตรงกลาง สมควรจะมีการเปลี่ยนชิ้นงานออกแบบให้เข้ากับความเป็นรถพวงมาลัยขวา ย้ายเบรกมือมาไว้ข้างคนขับ เช่นเดียวกับกับปุ่มโหมดขับขี่และเซทติ้งพวงมาลัย เพื่อจะได้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
แถมความน่ารำคาญเรื่องเบรกในความเร็วต่ำ อาจทำให้หลายคนไม่ชอบ เข้าใจว่ามาจากปั้มเบรก 4 พอท ออกแบบมาให้ปราบม้าได้ความเร็วสูง พอขับข้าๆ แตะนิดเดียวคุณจะหน้าทิ่มทันทีทันใด เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
ด้วยราคา 3.699 ล้านบาท มันไม่ใช่รถสำหรับทุกคน ในใจลึกๆ เชื่อว่า หลายคนอยากได้มันมาจอดในโรงรถ จะมีเหตุผลอะไรถ้าคุณรวย มีทรัพย์สมบัติ ชอบรถ ไม่เน้นรถหรู ถ้าซื้อมีมัสแตงคุณเป็นนักเลงรถตัวจริง มันไม่ได้หรูหรา แต่พกความสปอร์ตดูดีเต็มพิกัดมาด้วย ยามขับปกติ รู้สึกเหมือนเก๋งคันโตนั่งสบาย ถ้าดันคันเร่งหน่อยก็พร้อมจะเกรี้ยวกราดได้ในทุกที่บนท้องถนน จนต้องบอกเตือนตรงนี้ว่า มันเป็นรถที่พร้อมแว้งกัดคุณได้เสมอ ถ้าเล่นอะไรไม่เข้าท่ากับเจ้าม้าป่า โดยเฉพาะยามปิดระบบควบคุมการทรงตัว ต้องระวังม้าป่ากลายเป็นม้าหมุนเอาได้ง่าย ๆ
แถมในวันนี้ (วันที่เขียนบทความ) ยังไม่มีค่ายอเมริกันอื่น เอารถลักษณะนี้เข้ามาขาย มีเพียง Ford Mustang ที่เข้ามายืนหยัดขายในไทย เป็นรถอีกรุ่นที่ผมก็ไม่แน่ใจว่า ฟอร์ดไทยจะขายมันอีกนานไหม
Ford Mustang รถไอคอนนิคแห่งวงการอุตสาหกรรมอเมริกัน มันไม่ได้เป็นเพียงรถสปอร์ตอีกคันที่เข้ามาในตลาดบ้านเรา มันนำเสนอความเป็นอเมริกัน
คุณไม่มีทางหาได้จากรถสปอร์ตคันไหน นอกจากม้าป่าในตำนานหนึ่งเดียวคันนี้ ที่ชื่อว่า“มัสแตง”
อ้างอิง
The Sketch that launched Mustang , Hagerty – https://www.hagerty.com/articles-videos/articles/2019/04/16/the-sketch-that-launched-the-mustang
Ford Mustang 6th Generation , Wikipedia, https://en.wikipedia.org/wiki/Ford_Mustang_(sixth_generation)
History of The For Mustang , CJPony , https://www.cjponyparts.com/resources/ford-mustang-history
[ngg src=”galleries” ids=”1186″ display=”basic_thumbnail”]