ถ้าให้ทุกคนเลือกรถที่ตัวเองใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งอยาจะขับหรืออยากจะเป็นเจ้าของพวกมัน หากถูกล๊อตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 หรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มัน่ใจว่า นอกจาก ม้าลำพอง , กระทิงดุแล้ว ค่ายรถยนต์จากเมืองสตุทการ์ด   Porsche   น่าจะอยู่ในรายชื่อรถใรฝัน เป็นลำดับต้นๆ ด้วยตำนานเครื่อง   Boxer   วางหลัง จากรุ่นสู่รุ่นไม่เคยเปลี่ยน

Porsche  911   ถือเป็นรถที่สร้างชื่อเสียงให้กับปอร์เช่ มาจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยความตั้งใจในการพัฒนารถซิ่งภายใต้หลักวิศวกรรมสุดขั้วจากเยอรมัน พกเครื่องยนต์สูบนอน 6 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ แถมยังวางการขับเคลื่อนเป็นสไตล์ขับเคลื่อนล้อหลัง แม้นจะมีกำลังมหาศาล เสน่ห์เฉพาะตัวของรถรุ่นนี้เป็นที่กล่าวขานของนักขับจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นรถแข่งจำนวนมาก และเมื่อขับไปบนถนน ทุกคนพร้อมจะเปิดทางผายมือ “เชิญพี่เลยครับ”!! ราวกับถนนปูด้วยพรมแดงไม่มีใครกล้ามาแหยมกับคุณ ถ้าไม่ใช่รุ่นใหญ่ด้วยกัน

ตำนาน  ปอร์เช่ 911 ถ้าให้เล่าตั้งแต่จุดกำเนิดเริ่มต้นตั้งปี 1963 มาถึงวันนี้ คงต้องใช้เวลานานพอสมควร หากถ้าย่อเรื่องราวเจ้าชายกบแห่งท้องถนนให้รวบรัดตัดความ รถรุ่นนี้เกิดจากความตั้งใจของปอร์เช่ ในการสร้างรถสมรรถนะสูงกว่า   Porsche  356   ในสมัยรุ่นพ่อเรายังหนุ่ม  พวกเขาเล็งว่าตลาดสมรรถนะสูงเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ  ถ้ารุ่น 356   เป็นรถกินลมชมวิว 911   ก็เป็นรถซิ่งเร้าใจขนานแท้สำหรับท่านชาย

รถในเวอร์ชั่นแรก ออกมาด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลัง เพียง 130 แรงม้า จากรุ่นสู่รุ่น พัฒนาทางด้านการขับขี่สมรรถนะกำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นตามลำดับ ดีกรีความมันส์ในการขับขี่เพิ่ม สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ การเซทรถเครื่องยนต์ 6 สูบ วางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือการเซทอัพแบบ   Rear Engine Rear Wheel Drive   ที่ยังคงใช้มาถึงรุ่นใหม่ที่เรากำลังจะสัมผัสกัน

การทำงานของผมในฐานะนักทดสอบรถยนต์จับรถแรงสุดมีโอกาสขับก็  ปอร์เช่ 911  นี่แหละ ,กว่า 10 ปี ของการทำงาน ปอร์เช่ พาผมขับเจ้าชายกบมาแล้วมากถึง 2-3 รุ่น ในสนาม ทุกครั้งที่ขับ มันจะให้ความรู้สึกราวกับนั่งจรวดรถมีความดิบดุ ออกตัวเร่งหน้ายก กระพริบตาเดียว คุณถึงความเร็ว 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เรื่องอำนาจการควบคุมอาจต้องใช้ทักษะมากกว่ารถปกติสักหน่อย จากความดิบของมัน

รถรุ่นใหม่ที่วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสนำมันออกซ่าบนถนน รถรุ่นนี้เปิดตัวใหม่สดในเวทีโลก ที่งาน  Los Angeles Auto Show  ส่งท้ายช่วงปี 2018  การเผยโฉมรถรุ่นที่ 8 ของ ปอร์เช่ 911 นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงในหลายส่วนสำคัญ เริ่มจากการออกแบบทรวดทรงที่มีความทันสมัยมากขึ้น

จุดเด่นในงวดนี้อยุ่ที่ชุดล้อขนาด 20 นิ้ว ทางด้านหน้า และ ด้านหลังให้ขนาด 21 นิ้ว ถ้าสังเกตให้ดีจะเห้นชัดว่าเพลาหลังมีความโป่งกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ทางปอร์เช่จัดการยืดระยะความกว้างเพลาหลังอีก 44 มม.

ช่วงตัวรถด้านหน้าถูกยืดเพิ่มขึ้นเพื่อให้ความรู้สึกปราดเปรียวยิ่งขึ้น มีความลู่ลมมากขึ้นไฟหน้าใหม่ใช้โคมไฟ LED   พกไฟ  Day Time Running Light  ในโคมครบเครื่อง ช่วงประตูออกแบบให้ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม เส้นระหว่างแก้มหน้าประตู ถูกออกแบบให้มีช่องว่างน้อยลงดูเนียนขึ้นกว่ารุ่นเดิม มือขับประตูออกแบบมาคล้ายมือจับเปิดประตูเครื่องบิน เข้า-ออกมาเมื่อต้องการใช้งาน

เจ้าชายกบไม่เหมือนกับรถสปอร์ตรุ่นอื่นๆ ที่วางขายในตลาด มันไม่มีเส้นไหล่ทางด้านข้างมีคนสมันมากมายรกหูรกตา ทีมออกแบบค่ายสตุทการ์ดเน้นความเรียบง่ายตอบ มองกี่ทีลงตัวกับการออกแบบหลังคาไปจราท้ายทรงคูเป้ ด้านหลังมาพร้อมไฟท้าย LED   ตรา   Carrera   และ สปอร์ยเลอร์หลังสามารถยืดหดได้ตามความเร็ว ในยามขับขี่

จับประตูเข้าสู่ห้องโดยสารกันบ้าง เจ้า 911 เกิดขึ้นมาเป็นรถสปอร์ตคูเป้ 2+2 กล่าวคือ มี 2 ที่นั่งใช้งานปกติ และ พร้อมรองรับ อีก 2 ที่นั่ง ถ้าต้องการ

ในรุ่นใหม่ การเปลี่ยนแปลงสำคัญ เห็นทีจะเป็นพวกปุ่มต่างๆ จำนวนมากหายไป ทุกอย่างเข้าควบรวมในชุดจอดทางด้านหน้า อาทิ โหมดการขับขี่ ,การปรับเสียงท่อ, การเปิด-ปิด สปอร์ยเลอร์ ไปจนถึง การเชื่อต่อและระบบเครื่องเสียง ตลอดจนระบบปรับอากาศภายในรถ ทั้งหมดทำผ่านหน้าจอตรงกลาง ขนาด 10.9 นิ้ว

ส่วนที่คอนโซลกลางเหลือไว้เพียงคันเกียร์และสวิทช์ระบบปรับอากาศเท่านั้น เรื่องการตบแต่งใช้สีดำเงาเปียโนแบล็คเพิ่มความดูดีไม่น้อย

การสร้างรถสปอร์ตปัญหาสำคัญจากที่ขับรถกลุ่มนี้มาหลายรุ่นไม่พ้นการเข้าออก ที่อาจจะต้องมีเล่นท่ายากในการขึ้นลงบ้าง มันกลับไม่ได้เป็นปัญหาในเจ้าชายกบคันนี้ ประตูสามารถเปิดได้กว้างและมีความยาว ทำให้การเข้าออกสะดวก แม้นกับสุภาพสตรีใส่ชุดราตรีไปงานยามค่ำคืน ก็มั่นใจได้ว่าจะขึ้นลงได้อย่างไร้ปัญหา

ตัวเบาะนั่งออกแบบใหม่หมดตั้งแต่โครงสร้างสามารถลดน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัมจากรุ่นเดิม รูปทรงออกแบบให้มีความโอบกระชับมากขึ้นในส่วนหัวไหล่และช่วงลำตัว เมื่อขึ้นนั่งจะรู้สึกถึงความอบกระชับไม่ได้บีบรัดทรวดทรงมากเหมือนเบาะสปอร์ตรถบางรุ่น ตัวเบาะปรับไฟฟ้า สามารถบันทึกท่านั่งได้ ผมเคยคุยกับ พี่แพน จาก Headlightmag.com   เรื่องนี้ พี่ท่านเล่าว่า มันน่าแปลกแม้นกับคนตัวใหญ่ไซส์หมีก็ยังนั่งในเบาะเจ้า 911 ได้อย่างสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ

ตรงหน้าคนขับให้พวงมาลัยมัลติฟังชั่น พร้อมโหมดการขับขี่เป็นติ่งตรงกลางพวงมาลัย แหงนหน้ามามามองเรือนไมล์ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นชุดจอดิจิตอลแทบทั้งหมด มีเพียงเข็มวัดรอบเครื่องคงเสน่ห์เอาไว้ จัดวางไว้ตรงกลางให้เห็นชัดเจน

ใต้เรือนร่าง   Porsche 911 Carrera S  พกขุมพลัง 6 สูบ   Boxer   ขนาด  3.0 ลิตร ปริมาตรเครื่องยนต์จริง 2,981 ซีซี พกระบบเทอร์โบคู่   Bi Turbo ทำกำลังสูงสุด 450 แรงม้า สูงสุดที่ 6,500 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 2,300 -5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์  Porsche PDK 8 สปีด

เรื่องความแรงเร้าใจหายห่วงด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 3.5 วินาที ความเร็วปลายทะยานสูงสุด 308 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตั้งแต่เกิด สมรรถนะขนาดนี้เรียกว่าวิ่งวาร์ปหายตัวได้เลย

เทียบกับรุ่นเดิม   Porsche  911   ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะสำคัญทางด้านเครื่องยนต์ ด้วยหัวฉีดน้ำมันใหม่จาก  Piezo  ให้ความละเอียดมากขึ้น รวมถึงพัฒนาคอท่อทางอินเตอร์คูลเลอร์ ไปวางไว้ช่วงซุ้มล้อหลัง และไอเสียใหม่ แค่นี้ก็มากพอจะทำกำลังเพิ่มขึ้นอีก 30 แรงม้า เช่นเดียวกันทางด้านชุดเกียร์เพิ่มอัตราทด 1 จังหวะให้เรียกใช้ ส่วนหนึ่งเพื่อลดการปล่อยไอเสียเวลาขับเดินทางและมันเพิ่มความประหยัดขึ้นด้วยเล็กน้อย

สตาร์ทเครื่องยนต์เสีงความเร้าใจเริ่มต้นขึ้นในโชว์รูมปอร์เช่วิภาวดี ผมไม่รอช้าอำลาทีงานปอร์เช่ไปซิ่งกับเจ้าชายกับ โดยมีเจ้านัทมาร่วมเป็นสักขีพยานในการขับครั้งนี้ด้วย

เปรียบเทียบกับรุ่นเดิม ตัวรถรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาหลายส่วนสำคัญ เริ่มจากโครงสร้างตัวถังลดการใช้เหล็กลงจาก 63%   เหลือเพียง 30%  ผมมีโอกาสติดจามการไปทดสอบของพี่แพรที่นิวซีแลนด์ พบว่าทางปอร์ช์ใช้อลูมิเนียมในรถรุ่นนี้เพิ่มขึ้นเป็น 32%   หรือ เพิ่มจากเดิม 7%   เรื่องความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเล็กน้อยประมาณ 5%

ในส่วนของระบบกันสะเทือน ยังเป็นระบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้มัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง ปรับสปริงด้านหน้าแข็งขึ้น 15%   ด้านหลังแข็งขึ้น 14%  ส่วนชุดโช๊ค  PASM-Porsche Active Suspension Management  ใช้โช๊คไฟฟ้า Bilstein TD ปรับจูนเพิ่มเติมโดยวิศวกรเมืองสตุทการ์ท

ความรู้สึกการขับขี่ 911 รุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงแทบจะทันทีที่เราเอาล้อแตะถนน หนทางในเมืองไทยอุดมด้วยหลุมบ่อ และหนทางไม่เคยราบเรียบเป็นปุยนุน่นให้สัมผัสการตอบสนองระบบกันสะเทือนดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน รถไม่ดูแข็งกระด้างราวนั่งเกวียนอย่างรุ่นเดิม

งวดนี้นั่งสบายขึ้นการรูดผ่านหลุมเล็กน้อย รวมถึงรอบปะถนนนั่งไม่พาลหัวสั่นหัวคอน ยิ่งเมื่อนับว่ารถรุ่นใหม่ใช้ล้อ 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/35 ZR20   ทางด้านหน้า ด้านหลังใช้ล้อ 21 นิ้ว  พร้อมยาง 305/30/ ZR21 กลับตอบโจทย์ในการโดยสารดีขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ในเจ้าชายกบคันนี้

ขับช่วงแรกไม่มีที่ซิ่งเราวิ่งไปตามการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ขับขี่ด้วย   Normal Mode   ขับธรรมดาเฉื่อยๆ แนวหล่อๆ ให้สาวมอง ดูไม่มีพิษมีภัย ถ้าใครมากล้าท้าลองกับคุณก็เพียงบดคันเร่งลงไปชุดเกียร์จะปรับการตอบสนองแล้วรีดแรงบิด 530 นิวตันเมตร ออกมาทะยานพาคุณหลังติดเบาะในเสี้ยวนาที มองอีกทีคุ่ปรับอาจเป็นจุดอยู่บนกระจกหลัง แล้วคงได้แต่คิดว่าไม่น่ามาลองกับมันเลย

เมื่อออกเดินทางไกล แรงบิดมหาศาลของ   Porsche  911 Carrera   จากขุมพลังของมันทำให้เรารู้สึกว่าวิ่งไวกว่าปกติ จนเหมือนเรากลายเป็นคนขับรถเร็ว ทั้งที่เราอาจใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนดก็ตาม

ขับเพลินๆนอกเมืองใช้ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ด้วยความใหญ่ของเครื่องยนต์ ค้นพบว่าที่เกียร์ 8 ใช้รอบเครื่องต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียง 1,400 รอบต่อนาทีโดยประมาณ ข้อมูลจากจออัจฉริยะเผยความประหยัดเจ้าชายกบที่ 9.0 ลิตร / 100 กิโลเมตร หลังจากขับเช่นนี้มาสักระยะใหญ่ นั่นเท่ากับว่าเจ้า 450 ม้า คันนี้อยากจะขับเอาหล่อ ก็จะได้อยู่ราวๆ 11 ก.ม./ลิตร

มีรถแรงจะมาขับกินลมชมวิวคงไม่ใช่ ถ้าอยากถ้าต้องการเล่นแรงขับดุจริงจัง ผมแนะให้ใช้โหมด Sport   ก็เพียงพอขับบนถนน เข้าโหมดนี้การตอบสนองคันเร่งไวขึ้น พวงมาลัยตอบสนองคมคายมากขึ้น ชุดเกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้นอีกสักหน่อย ให้ความรู้สึกเป็นไปตามใจมากกว่าเดิม

นอกจากโหมด   Sport   แล้ว  ยังมีโหมด   Sport Plus   โหมดนี้ไม่แนะนำให้ใช้บนถนน รถจะปรับเซทช่วงล่างให้หนึบแน่นที่สุดพวงมาลัยคมมากจนต้องระมัดระวัง โหมดนี้เคยขับในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ ตอนทางปอร์เช่ บ้านเราจัดให้ขับทดสอบ 911 ครั้งแรก มันดีงามถึงขนาดว่าต้องระมัดระวังในการควงพวงมาลัย หรือเดินคันเร่ง

ยกตัวอย่างในสถานทีเบรกฉุกเฉิน เร่งในระยะ 400 เมตร มาหักหลบเบรก ในระยะกระชั้นชิดขับทะยานนิดเดียวพุ่งไป 120-130 ก.ม./ช.ม. หักหลบในจังหวะสุดท้าย เสี้ยวนาทีก่อนการชนยังสบายๆหายห่วง

แต่การขับวันนี้ เราอาจไม่มีโอกาส ลอง  sport  Plus   ถึงจะบุญวาสนาน้อยไปนิด ก็ยังสนุกสนนานได้ในโหมดสปอร์ต เราขับมาติดไฟแดงสุดท้ายก่อนออกจังหวัดอยุธยา ทันทีที่ไฟเขียว กดคันเร่งเต็มบาทา เสียงเครื่อง 6 สูบเร้าใจแรงเทอร์โบปั้นแรงบิดสูงสุด พาเราหลังติดเบาะออกจากไฟแดง ราวกับโดนใครเตะโดด่งออกมา พริบตาเดียวเราไปถึง  100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความมันส์สะใจ ทำให้ผมไม่อยากจะละคันเร่ง เพราะนาทีนี้ตรงหน้าถนนว่างไร้การจราจร เป็นทางยาวไม่มีใครมารบกวน

ไม่นานนักเราวกเข้าเส้นถนนบางปะหัน-ลพบุรี ทางหลวงหมายเลข 347 แห่งนี้ ผมชอบมาขับรถเล่นบ่อยครั้ง มันมีทางโค้งทุกรูปแบบที่นึกออกไม่ว่าจะโค้งพับผ้า โค้งยาว โคงหักศอกคอยต้อนรับ

ผมเคยได้ยินว่าเจ้าชายกบเป็นหนึ่งในรถขับเข้าโค้งยาก เนื่องจากการวิศวกรรมตัวรถเป็นเครื่องยนต์วางหลังขับเคลื่อนล้อหลังของมัน ผมตัดสินใจรีดอรรถรสในรถคันนี้เต็มที่ใช้โหมดสปอร์ตต่อเนื่องยาวๆ ตลอดเส้นทาง สัมผัสในการควบคุมบอกผมว่ารถคันนี้ เป็นรถที่ท้ายออกง่าย อาการคล้ายรถเครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง แต่อาการไวกว่าพอสมควร

เมื่อขับเข้าทางโค้งต่อเนื่องแบบนี้การบังคับเลี้ยวถือเป็นส่วนสำคัญ  Porsche 911 Carrera   รุ่นใหม่ หันมาใช้ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า หรือที่เราเรียกติดปากว่าพวงมาลัยไฟฟ้า พกระบบแปรผันอัตราทดพวงมาลัย Variable Steering Ratio/Steering Pulse Generator มาด้วย

อัตราทดพวงมาลัยรุ่นใหม่ปรับจาก 16.9 : 1   ในรุ่นเดิม ให้ไวขึ้นเป็น 15.0 : 1   ทางปอร์เช่เปิดเผยว่ามันไวขึ้นราวๆ 10%   เมื่อขับขี่บนถนนจริง อย่างผมขับในเสน้ทาง 347 วันนี้ ชอบน้ำหนักพวงมาลัยที่เซทมากำลังดีไม่หนักมากเหมือนรุ่นก่อนหน้า รุ่นนี้กล้าพูดว่าให้สุภาพสตรีขับได้สบายมาก

เรื่องการบังคับทิศทางแคล่วคล่องว่องไว ต้องระมัดระวังอย่าวอกแวกพวงมาลัยเวลาเข้าโค้ง พยายามถือบังคับเลี้ยวให้เป็นไปตามที่เราต้องการไม่ควรซอยไปมาเดี๋ยวมันจะแว้งกัดเอา

การเข้าโค้งเจ้าชายกบ ควรเดินคันเร่งเข้าโค้งไปด้วย เพื่อควบคุมแรงบิด ประกอบเข้ากับการบังคับเลี้ยวด้วยพวงมาลัย อาการรถจะค่อนข้างคล้ายกับรถเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังอยุ่บ้าง มันแตกต่างตรงอาการท้ายไวจนรู้สึกได้ ยิ่งถ้าเข้าโค้งแล้วเดินคันเร่งไวไป จะสัมผัสได้ถึงอาการท้ายออกหน่อย เวลาขับเจ้านี่ใรโค้งต้องระวังให้ดีอย่าเข้าโค้งแรงไปหรือพลีพลามใช้คันเร่ง

อย่างไรก็ดี เจ้าชายกบใช่มีเพียงเรื่องเครื่องแรงตอบโจทย์ในการขับขี่เท่านั้น มันยังพกความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่เริ่มจากการปรับชุมเบรกจากรุ่นเดิมมาเป็น ชุดเบรก  Mono Block 6พอท ทางด้านหน้า  ด้านหลังใช้ 4 พอท มันมาพร้อมจานเบรกขนาด 350 มม. ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง แถมยังเปลี่ยนมาใช้ปั้มเบรกบนไฟฟ้า แทนการใช้หม้อลมแบบเดิมที่เราคุ้ยเคยกันดี

จากที่ขับเร็วหลายต่อหลายครั้งในการทดสอบ มันให้ความมั่นใจในการสั่งหยุด แม้นจะใช้ความเร็วสูงมาก ก็ไม่มีหวั่นใจว่าจะเอาไม่อยู่ ความรู้สึกแป้นเบรกก็ไวใช้ได้ กดนิดเดียวรถก็เริ่มชะลอความเร็วให้ทันที

นอกจากชุดเบรก , ปอร์เช่ 911 ใหม่ ยังพกโหมดการขับขี่ใหม่   Wet Mode   มาตอบสนองผู้ใช้ด้วย บังเอิญเราโชคดี ระหว่างขากลับไปยังปอร์เช่ ฟ้าฝนดันเทลงมา ทีแรกเราขับในโหมดสปอร์ตแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปรากฎว่ารถตรวจพบการลื่นไถลได้ด้วยและแนะนำให้เราใช้  Wet Mode

ตามข้อมูลจาก   Porsche  ระบบนี้อาศัยการตรวจจับจาก Acoustic sensor ที่ซุ้มล้อหน้า เพื่อวัดว่ามีน้ำบนถนนหรือไม่ แล้วเตือนให้เราปรับโหมดการขับขี่ ป้องกันการลื่นไถลหรือเกิดอาการเหิรน้ำที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาศัยการเก็บข้อมูลร่วมจากระบบ  Porsche Traction Management (PTM)   และ Porsche  Stability  Management (PSM)

การทำงานของ Wet Mode   จะใช้   PSM , PTM   ระบบอากาศพลศาสตร์ และ   Porsche  Torque Vectoring ทำงานร่วมกันเพื่อให้รถมีสเถียรภาพในการขับขี่มากที่สุด

จากที่ขับผมรู้สึกได้ถึงการลดความไวของคันเร่ง ชุดเกียร์เปลี่ยนนิ่มนวลมากขขึ้น และระบบไม่ยอมให้คุณปรับไปยัง  Sport Mode   ได้ ข้อมูลจากปอร์เช่ ยังชี้อีกว่า รถจะนำระบบควบคุมหลักอากาศพลศาสตร์มาช่วย เช่น สปอร์ตเลอร์หลัง เปิดในตำแหน่งสูงสุด , ครีบดักอากาศเปิดออกจนสุด , รวมถึงยังปรับการตอบสนองแรงบิดของเครื่องยนต์ ทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อไม่ให้คุณไปนั่งแอ้งแม้งข้างทาง

อย่างไรก็ดี การขับ  Wet Mode   ไม่ใช่เครื่องการันตีความปลอดภัยในการขับท่ามกลางฝนตก ผู้ขับขี่ยังต้องใช้ความระมัดระวังเหมือนเดิม เพียงแต่รถปรับการตอบสนองในการขับขี่ให้สอดคล้องสภาพการณ์ และ มันไม่ได้ล็อคพละกำลังสูงสุด 450 แรงม้า อยากใช้ก็ได้ เพียงแค่คุณต้องระวังกันเอง

ลงมาจาก Porsche 911 Carera S   ใหม่ เจ้าชายกบในฝัน มันเป็นรถดีสมราคาคุย และความเป็นเจ้าตำนานที่วันนี้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 8 แล้ว ผมอาจไม่ได้พูดถึงเรื่องอัตราเร่ง หรือ อัตราประหยัดอะไรมากมาย เนื่องจาก เจ้านี่ไว้วางใจได้เรื่องความแรง และคนซื้อรถระดับ 11 ล้านบาท คงไม่ได้แคร์เรื่องค่าน้ำมัน แถมถ้าคุณคิดจะขับ 911 มาตะขิดตะขวงใจเรื่องอัตราประหยัดมันดูสวนทางกันในความเป็นจริง

สำหรับผมไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่จะแตะรถคันนี้แบบสื่อท่านอื่น ที่อาจจะมีเชิญไปขับที่ต่างประเทศอยู่เนืองๆ เมื่อได้มาลองสัมผัสเจ้าตำนานจากเยอรมันด้วยตัวเอง ผมไม่แปลกใจเลยที่มันได้ชื่อชั้นเรื่องความเป็นที่สุดของรถสปอร์ต มันแรงดิบดุ เร้าใจ แถมรุ่นใหม่ในวันนี้ ยังให้ความสบายและความปลอดภัยมากขึ้นด้วย 

เรื่องและขับทดสอบโดย  ณัฐยศ ชูบรรจง ติดตามได้ทาง   Facebook.com