Home » Suzuki Ertiga Smart Hybrid ไฮบริด MPV รุ่นแรก เน้นเหมาะใช้ในการเมือง
รีวิว

Suzuki Ertiga Smart Hybrid ไฮบริด MPV รุ่นแรก เน้นเหมาะใช้ในการเมือง

ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์พ่อบ้าน MPV ปัจจุบัน กลายเป็นตลาดกลุ่มใหม่ที่ก้าวดข้ามามีบทบาท กลุ่มนี้เริ่มจาก ผู้นำอย่าง Suzuki ด้วย Suzuki APV ก่อน ตามาด้วยรุ่น Ertiga จนวันนี้ มีรถหลายรุ่นเข้ามาตลาด จน ทางแบรนด์ ได้เวลา จะต้องส่งไพ่เด็ดออกมา

Suzuki Ertiga กลับมาส่งท้ายปีนี้ ด้วย Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถยนต์อเนกประสงค์ทรงพ่อบ้าน หรือ MPV ที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงให้น่าใช้ขึ้นด้วยการติดตั้ง ระบบ Smart Hybrid เข้ามา ในเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร รุ่นเดิม และที่สำคัญ ราคาของมัน นั้นไม่ปรับขึ้นจากเดิม จนยากจะเกินเอื้อมถึง ดังรถไฮบริดหลายรุ่น ที่ราคา กระโดดไปไกล ทันที ที่กลายเป็นระบบขับเคลื่อนไฮบริด

ตัวรถภายนอก ถ้ามองภาพรวม ก็ไม่ต่างจากรถยนต์ Suzuki Ertiga เดิม สักเท่าไรนัก ทรวดทรวงพ่อบ้านเป็นกล่อง ถูกปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วย กระจังหน้าที่มีความทันสมัยกว่าเดิม พร้อมกับ ลายล้ออัลลอขนาด 15 นิ้ว เปลี่ยนเป็นสีทูโทน ที่มีความน่าใช้งานมากขึ้น ยังคงมาพร้อมยางประหยัด Dunlop EC 300+ เน้นความประหยัดในการใช้งาน

ทางด้านในห้องโดยสาร ทสง Suzuki จัดการปรับ เรือนไมล์ให้มีความน่าใช้งานมากขึ้นเล็กน้อย ด้วยการแสดงสถานะ ระบบไฮบริด และ เพิ้มฟังชั่นบางอย่างที่มีและเราเคยเห้น จาก Suzuki XL7 เข้ามา

ตัวเบาะนั่ง มีการปรับชุดผ้าที่ใช้ตัดเย็บนิดหน่อย ดูน่าใช้งานมากขึ้น ส่วนที่ผมชอบมาก คือการประับลายไม้ ใหม่ ไม่ให้ มันดูแก่เหมือนที่เคยเห็นในตัวเดิม

โดยสรุป เรื่องการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบ คือ มันทันสมัยขึ้นนั่นเอง ไฮไลท์ หลักของ Suzuki Ertiga Smart Hybrid อยู่ที่การปรับปรุงสมรรถนะ เครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น ระบบ Smart Hybrid นั้น ในความเป็นจริง มันก็คือ ระบบ Mild Hybrid นั่นเอง

Suzuki Ertiga Hybrid MPV
Suzuki Ertiga Hybrid MPV

ตัวรถยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รุ่นเดิม รหัส k15B ให้กำลังขับ สูงสุด 105 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร เหมือนเดิม ทางซูซูกิ เพิ่มเติม เพียงเปลี่ยนชิ้นส่วนของไดชาร์จ จากเดิม เป็น ชิ้นส่วนมอเตอร์แบบใหม่ ที่สามารถ ให้ทั้งกำลังขับ และ ชาร์จไฟฟ้าได้ในหนึ่งเดียว

ชิ้นส่วนนี้ ถูกเรียกว่า ISG หรือ Integrated Starter Generator สามารถทำงานได้ 2 หน้าที่ คือ ชาร์จไฟฟ้า และให้กำลังไฟฟ้ากับรถ โดย ไฟส่วนหนึ่ง จะถูกแปลงเข้าไปอยู่ในแบตเตอร์รี่ลิเธี่ยมขนาดเล็ก ที่อยู่ในห้องโดยสาร โดยวางไว้ใต้เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า เพื่อใช้ในระหว่าง เครื่องยนต์หยุดทำงาน

Suzuki Ertiga Hybrid MPV

ส่วนอีกด้านสามารถให้กำลังขับเล็กน้อย เป็นระยะเวลาสั้นๆ ใช้ในจังหวะสำคัญ เช่น ออกตัวจากการหยุดนิ่ง ,ช่วยเสริมแรงในการเร่งแซง กำลังขับนั้นเพียงน้อยนิด เพียง 2.3 KW หรือเพียง 3 แรง้า เท่านั้น แต่ให้แรงบิดมากขึ้นถึง 50 นิวตันเมตร กำลังขับทั้งหมด ถูกขับลง สายพานหน้าเครื่อง เพื่อทำให้เร่งและตอบสนองเร็วขึ้น กับเครื่องยนต์เดิม และไม่ยุ่งยากในการใช้งาน ในภาพรวม

การทดลองขับ

เพื่อพิสูจน์สมรรถนะ การขับขี่ ทาง Suzuki พาเราบินไกล ไป จังหวัด เชียงใหม่ เพื่อ ทดลองขับรถรุ่นนี้ โดยวางเส้นทาง เป็นการใช้งานในเมือง และ ชานเมืองเป็นหลัก

Suzuki Ertiga Hybrid MPV

สาเหตุที่ ทางซูซูกิ ได้วางเส้นทางแบบนี้ เนื่องจาก ทางแบรนด์ ชี้ว่า ระบบ Smart Hybrid จะเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก โดยสามารถ จะเพิ่มอัตราประหยัดในเมืองได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ถึงร้อยละ 25 เลยทีเดียว

ขึ้นขับกวาดพวงมาลัย ออกมา รู้สึกว่าที่จริง รถไม่ได้ ดูแตกต่างจากเดิมในช่วงแรก สักเท่าไรนัก จนกระทั่ง เราติดไฟแดง แตค่เพียงความเร็วต่ำกว่า 10 ก.ม./ช.ม. รถจะเริ่มดับเครื่องยนต์ และ ให้ความเร็วที่เหลือ ไหลพาเราไปข้างหน้า เท่านั้น

ในจังหวะนี้เอง ไม่ว่าคุณจะปล่อยไหล หรือ เหยียบเบรกไปด้วย ISG จะ ทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟฟ้า เข้ามาเก้บในแบตเตอร์รี่ ลิเธียมไอออน โดยแบตเตอร์รี่ดังกล่าว จะให้กำลังไฟฟ้า กับ ระบบความสบาย สำคัญๆ ในรถ ได้แก่ ระบบปรับอากาศ และ วิทยุ ความบันเทิง

ทำให้ระหว่างรถติด เครื่องยนต์ สามารถดับการทำงานได้นานกว่า รถยนต์ทั่วไปที่มีเพียงระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว แต่ด้วยแบตเตอร์รี่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ทำให้ มันจะหยุดการทำงานได้สูงสุด เพียงราวๆ 2 นาที และ สุงสุดไม่เกิน 3 นาที ขึ้นอยู่ปัจจัับ ว่าแบตเตรอืรี่มีประจุเท่าไร และ สภาพ อากาศ ภายนอก รวมถึงระบบปรับอากาศ ตั้งค่าไว้เป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อไฟเขียว ในจังหวะแรกที่เราเหยียบคันเร่ง ISG จะเปลี่ยนตัวเองให้กำลังขับในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้รถออกจากจุดหยุดนิ่ง อย่างนิ่มนวล โดยไม่ใช้เครื่องยนต์ในช่วงแรก ซึ่งเป็นจังหวะ ที่เรามักจะใช้กำลังเครื่องยนต์มาก และ กินน้ำมันนั่นเอง

เมื่อถึงความเร็วช่วงตั้งแต่ 10-15 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป เครื่องยนต์จะกลับมา ทำงานและ รับช่วงต่อในระหว่างการขับขี่ ตลอดการเดินทาง

จนกระทั่งในจังหวะ ที่เราต้องการกำลังเครื่องเพิ่ม เช่นในจังหวะการเร่งแซง เมื่อนั้น ISG จะกลับมาให้กำลัง อีกครั้ง แต่ก็เป็นเพียงช่วง สั้นๆ เท่านั้น เพียง 4-5 วินาที เพื่อเสริมกำลังขับ ให้มั่นใจยิ่งขึ้น

ช่วงที่เห็นชัดที่สุด ดูจะเป็นในจังหวะ ขึ้นทางชัน รถสามารถขึ้นได้อย่างสบายมากกว่ารุ่นเดิมเครื่อง 1.5 ลิตร ตัวเปล่า และถ้าเทียบกับ รถในคลาสเดียวกัน ไม่ว่าจะ Toyota Veloz , Mitsubishi Xpander รถรุ่นนี้ กลับ ตอบสนองได้ดีกว่า จากแรงบิดที่เพิ่มขึ้น แม้เพียง ช่วงขณะก็ตามที

Suzuki Ertiga Smart Hybrid เปลี่ยนนี้ เน้นประหยัด

หละงจากขับ ตลอดทริป ต้องบอกกันตามตรงว่ าจุดขาย ของ Suzuki Ertiga Hybrid อยู่ที่การตอบสนองเรื่องสำคัญ ของรถยนต์แบบ MPV นั่นคือ เรื่องของความประหยัดในการขับขี่นั่นเอง

ตลอดทริปการเดินทาง เรา ขับด้วยผู้โดยสาร 2 คน ผ่านการจราจรในเมือง มีการขึ้นลงดอย และ สภาพการจราจรติดขัด ผลที่ได้ คือัตราประหยัด 13 ก.ม. เศษๆ ดูแล้ว อาจไม่ประหยัดมากมายเท่าไรนัก

แต่นั่นเก้ตรงกับที่ Suzuki บอก ตือ ภาพรวมรถคันนี้จะประหยัดกว่าเดิมเพียง 13% เท่านั้น เมื่อรวมระหว่าง การใช้ในเมืองและนอกเมือง

แต่ประเด็นอยู่ที่ระบบนี้ออกแบบ มาให้ใช้งานในเมือง ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้รถ MPV เพียงเดินทางในเมืองใกล้ๆ ไปรับส่งลูก​,พาผู้ใหญ่ในบ้านไปหาหมอ เป็นลักษณะการใช้งานส่วนใหญ่ ระบบนี้ก็เรียกว่าจะออกมาค่อนข้างเหมาะสม

Suzuki Ertiga Smart Hybrid เปิดราคา ตั้งแต่งาน Motor Expo โดยมีราคาเริ่มต้น 783,000 บาท และ สูงสุด 839,000 บาท เทียบกับ คู่แข่ง ราคาไม่ถือว่าแรงมาก แถม คุณยังได้อัตราประหยัดดีกว่าเดิมด้วย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.