กระแสรถยนต์คอมแพ็คคาร์ ดูจะมาแรงส่งท้ายปี Toyota Corolla Altis Hybrid ใหม่ เป็นหนึ่งในรถออกมาตอบโจทย์ พร้อมกระแสความ ว้าว!! ทันทีด้วยหนึ่งเดียวเครื่องยนต์ไฮบริด
การปรับรุ่นปรับโฉม ยังไม่สร้างกระแสเท่าราคาขายตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยออพชั่นมาล้นคัน รุ่นท๊อปออพชั่นราคาเพิ่มเพียงหลัก6,000 บาท แถมงวดนี้ Toyota ยังออกมาเน้นขายรุ่นไฮบริดอีกต่างหาก จนหลายคนจับตามายังการเปลี่ยนแปลงรถรุ่นนี้
Toyota Corolla Altis Hybrid นับเป็นการสร้างปัจเจกในตลาด ตอบแง่มุมความทันสมัย ให้ความประหยัด ในราคาลูกค้าเอื้อมถึง ผิดกับเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ในยุค Toyota Prius รถไฮบริดโมเดลเฉพาะ ขายในราคาหลักล้านบาทกลาง ๆ จนถูกมองว่าเป็นรถสำหรับคนรวย
ตัวรถรุ่นใหม่เริ่มต้นด้วยงานออกแบบถูกปรับเปลี่ยนดีไซน์ ปรุงแต่งสู่ความทันสมัยอมความสปอร์ตตอบลูกค้า เริ่มจากการออกแบบด้านหน้าด้วยใบหน้าใหม่ ด้วยไฟหน้าทรงปราดเปรียว ปรับเข้ากับการออกแบบกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ส่องสว่างด้วยไฟหน้า LED ในโคมให้ไฟ Day time Running Light ให้ระบบปรับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ ติดตัวเป็นของประจำกาย มองบางมุมเลยเหมือน Toyota Camry อยู่บ้างกลายๆ
เส้นสายการออกแบบทันสมัยทางด้านหน้าให้เส้นไหล่ จากซุ้มล้อหน้าต่อไปยังประตูทางด้านข้าง ติดตั้งล้ออัลลอยทูนโทนลายหรูก้านถี่ ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งมาพร้อมยาง SP Sport Max ขนาด 225/45/R17 ดูลงตัวได้อารมณ์สปอร์ตอยู่บ้าง
บั้นทาย Toyota Corolla Alts Hybrid ใหม่ ให้ชุดท้าย Full LED ทรงไฟท้ายให้อารมณ์หรูหรา เทียบกับรุ่นเดิมภาพรวมรถจะดูกะทัดรัดมากขึ้น ที่แน่ๆ เส้นหลังคาเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย
ถ้าพลิกดูรายละเอียดทางเทคนิค จะพบว่า มันมีขนาดยาว 4,630 มม. กว้าง 1,780 มม. และสูง 1,455 มม. ส่วนระยะฐานล้อเหมือนเดิม 2,700 มม. ไม่เปลี่ยนแปลง
เปิดประตูสู่ห้องโดยสาร ภาพลักษณ์รุ่นเดิม ถูกปรับใหม่ได้อารมณ์ทันสมัยในงานออกแบบยิ่งขึ้น ในรุ่นไฮบริดเรือนไมล์ใหม่ ดูดีขึ้นบอก การใช้พลังงาน Power , Eco หรือ ชาร์จพร้อมไมล์ความเร็ว ตรงกลางจุดนี้มีหน้าจอบอกข้อมูลอัจฉริยะ ขนาด 7 นิ้ว ให้ข้อมูลต่างมากมาย ทั้งระยะทางและข้อมูลการขับขี่ ทั่วไป ไปถึงการทำงานของระบบไฮบริดระหว่างการขับขี่
ถัดขึ้นมาเป็นพวงมาลัย 3 ก้าน ทรงทันสมัย คล้ายใน Toyota C-HR จัดเต็มพกปุ่มต่างๆ ได้แก่ ระบบควบคุมเครื่องเสียง ฝั่งขวาให้ชุดควบคุมระบบความปลอดภัยต่างๆ ขนาดพวงมาลัยกำลังดีไม่ใหญ่ไป ผู้ขับขี่สามารถตั้งพวงมาลัยได้ทั้ง ปรับสูงต่ำ และชัดเข้าออก
เหลียวตามมองเบาะนั่ง ออกแบบมาเป็นทรงดูแล้วนั่งสบายหุ้มด้วยหนังให้ความรู้สึกดียามลงไปนั่ง ผมไม่รอช้าก้าวเท้าเข้าห้องโดยสารต้องย่อหัวหน่อยด้วยหลังคาเตี้ยลงมาจากรุ่นเดิมเล็กน้อย เข้าไม่ระวังอาจได้ใช้บริการยาหม่องตาถ้วยทอง
สัมผัสลงบนเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าให้ตัวดันหลังมาด้วย การออกแบบเบาะเน้นความสบาย ช่วงพนักพิงหลังมีขนาดใหญ่ ปีกเบาะโอบเล็กๆ แบบหลวมๆ ที่รองนั่งสั้นนิดหน่อย หัวหมอนปรับขึ้นลงจะดันกบาลนิดๆ พองาม ไม่มากจนปวดต้นคอ
ตรงกลางคอนโซลหน้าให้หน้าจอเครื่องเสียงสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ถัดลงมาเป็นระบบปรับอัตโนมัติ ฟังชั่นมาตรฐานเก๋งในสมัยนี้ ทางด้านล่างตำแหน่งคันเกียร์ได้อุปกรณ์การขับขี่มาครบเครื่อง ไม่ว่าจะระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม เบรก Hold , โหมดขับด้วยไฟฟ้าล้วน , โหมดการขับขี่ ระบบควบคุมการทรงตัวโหมดการขับขี่ ถัดมาเป็นที่วางแก้วน้ำ
ไม่รอช้าผมลงไปนั่งด้านหลัง การเข้าออกรถในตำแหน่งประตูหลัง ต้องย่อตัวระวังหัวเยอะกว่า เนื่องจากพื้นที่วางขาเหลือน้อยกว่าเดิม สัมผัสตัวลงบนเบาะ ท่านั่งตอนหลัง Toyota corolla Altis แลดูแคบกว่า ทั้งที่ขนาดฐานล้อเท่ากับรุ่นก่อนหน้านี้ไม่เปลี่ยนแปลง
ท่านั่งค่อนข้างออกแบบมาชันหลังผู้โดยสารไม่น่าจะถูกใจสิ่งนี้ ใครคิดจะซื้อรถพาครอบครัวเที่ยวควรปรึกษาที่บ้านก่อนตัดสินใจ ช่วงที่รองนั่งออกแบบมาสั้น ท่านั่งออกมาชันเข่าเล็กน้อย ทั้งที่พิงหลังเกือบตรง ในความรู้สึกผมมันไม่ใช่ท่านั่งที่สบายเอาเสียเลย จะให้นั่งหลับเป็นไปได้ยากมาก ยิ่งกว่านั้นลูกเล่นการโดยสารตอนหลังไม่หวือหวา มีเพียงพนักเท้าแขน พร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องแอร์ตอนหลัง มันไม่มีช่อง USB มาให้ใช้
ระหว่างทางผมนั่งจากจุดเริ่มต้นย่านบางนาไปยัง จังหวักฉะเชิงเทรา การนั่งโดยสารไม่ค่อยประทับใจนัก แม้ว่า ระบบกันสะเทือนหลังมัลติลิงค์มีดีเรื่องความนิ่มนวลเวลาผ่านรอยต่อสะพาน จะไม่ค่อนสะท้านขึ้นเสียเท่าไร แต่ด้วยท่านั่งที่ชันหลังมาก เมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียว มันกลายเป็นรถที่นั่งไม่สบาย แถมเมื่อนั่งชันหลังมากกลายเป็นว่าทัศนวิสัยทางด้านข้างงติดขอบหลังคา รับรู้ความรู้สึกเตี้ยหลังคาที่ลดลงได้
หากถามผมกลับรู้สึกว่า รุ่นเก่าออกแบบมาลงตัวแล้วไม่น่าปรับรายละเอียดเรื่องการโดยสารตอนหลังเลย กลายเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับโตโยต้า ทั้งที่ทุกอย่างดูลงตัวแล้ว
ผ่านมาครึ่งทางกระโดดกลับมานั่งตำแหน่งคนขับ ใต้เรือนร่าง Toyota Corolla Altis ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ รหัส 2ZR-FXE ขุมพลัง 1.8 ลิตร ทำงานแบบ Atkinson cycle ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
มันพ่วงมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่ง ทำหน้าที่เป็น ระบบเกียร์ E-CVT ไว้ตอบสนองในการขับขี่ อีกหนึ่งเป็นมอเตอร์ขับกำลังลงล้อมีพละกำลัง 53 กิโลวัตต์ ให้แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร บำรุงพลังด้วยแบตเตอร์รี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย ขนาด 6.5 กิโลวัตต์/ฮาว มีกำลังระบบรวม 122 PS หากสังเกตให้ดีมันคือ เครื่องยนต์ชุดเดียวกับใน Toyota C-HR เลย
รถใหญ่ขึ้นกำลังเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมเริ่มประเมินแล้วว่ามันจะไม่ได้ขับดีกว่ารถรุ่นพี่ของมัน ยิ่งเส้นทางทดสอบเราวันนี้ กรุงเทพ-พัทยา วิ่งนอกเมืองเป็นหลัก ตบเข้าไปเที่ยวฉะเชิงเทราสักหน่อย
จากประสบการณ์ตอนผ่านมือ Toyota C-HR มาผมรู้สีกได้ถึงความไม่เหมาะสมของระบบไฮบริดกับการใช้งานนอกเมือง พอกำลังจากแบตเตอร์รี่เหลือน้อย มันแทบจะไม่มีแรงช่วยจากมอเตอร์ไฟฟ้า จนคุณอาจรู้สึกเสียหน้า เมื่อพบว่ารถเก๋งเครื่อง 1.5 ลิตร อาจสามารถมาฟัดเหวี่ยงกับคุณได้ ดีไม่ดีอาจแซงคุณด้วย เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเวลาขับนอกเมือง
เรื่องนี้กลับตาลปัตรใน Toyota Corolla Altis Hybrid ขับนอกเมืองแบบนี้ แบตเตอร์รี่เจ้าอัลติสกลับเหลือเยอะ มันพยายามคงเส้นคงวาแบตเตอร์รี่ 3-4 ขีดไม่ต่ำกว่านั้น เมื่อเหยียบคันเร่งลงไป กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ขมีขมันจับเราพุ่งทะยานปรุ๊ดปร๊าดราวกับรถสปอร์ตจำแลงกายมาสวมภาพรถไฮบริด
เราสามารถใช้แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าทุกเมื่อ แม้จะใช้ความเร็วก็ไม่ได้มีปัญหาในการทำงาน เพียงแต่ยิ่งความเร็วสูงระบบจะถูกเซทไว้ให้ใช้กำลังจากเครื่องยนต์มากกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า เนื่องจากพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีกว่าในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง
นักขับบางท่านอาไม่ถูกใจเจ้ารถถ่านคันนี้ มันถูกล็อคความเร็วไว้ที่ 170 ก.ม./ช.ม. เท่านั้น ในมุมมองผมความเร็วขนาดเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ผมเชื่อว่าสาเหตุที่ล็อคความเร็วไว้ มี 2 ประการ คือ 1 ข้อจำกัดการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อต้องเข้าช่วยเครื่องยนต์ อีกข้อน่าจะเป็นเรื่องการจำกัดการปล่อยไอเสียของด้วยภาพความเป็นรถไฮบริด
เครื่องยนต์ขับสนุกยามนอกเมืองได้อารมณ์สปอร์ต เรื่องช่วงล่างเซทออกมานิ่มแน่น ผิดกับคู่แข่งออกไปทางสปอร์ตจ๋าๆ ราวกับผมเจอหนังบู้ แล้ววันนี้มาดูหนังโรแมนติค
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท และ ด้านหลังแบบมัลติลิงค์วันนี้พวกมันต่อเชื่อมเข้ากับโครงสร้าง TNGA คุณสมบัติโครงสร้างภาพรวมเหมือนกับใน Toyota C-HR และ Toyota Camry มันใช้เหล็กแข็งแรงขึ้น ลดจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง หลักๆ มุ่งเน้นพัฒนาการตอบสนองการซับแรงกระแทกและให้ความปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
การพัฒนาโครงสร้างใหม่นี้ เราได้เห็นช่วงล่างหนึบแน่นในอเนกประสงค์เล็ก ได้รับรู้ความนิ่มหนึบขับมัน่ใจใน Toyota Camry สำหรับ Toyota Corolla Altis Hybrid ระบบกันสะเทือนถูกเซทอัพให้มีความนิ่มนวลติดหนึบคล้ายใน Camry แต่รวมๆ ผมว่าของอัลติสให้สัมผัสนั่งสบายมากกว่า ทั้งที่รถใช้ล้อ 17 นิ้วและยางแก้มเตี้ย
ความรู้สึกนี้ถ้าคุณมาประจำตำแหน่งสารถีอาจไม่ชอบใจนัก บางมุมรู้สึกว่ารถขับไม่มั่นใจ อย่าสบประมาทมันไปถึงจะรู้สึกแบบนั้น ขับจริงลองใช้ความเร็วรถดูมั่นคงไม่ไหวหวั่น สาดโค้งแรงๆ ก็พอไหวอยู่ ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงล่างที่สร้างความลงตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Compromise” ระหว่างคนขับและคนนั่งมากที่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำไป
อาการระบบกันสะเทือนแบบนี้แลดูถูกใจผู้หญิงแน่ๆ รถขับสบายระดับหนึ่ง และมั่นใจในยามหุนหันพันแล่น เรื่องระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยเซทมามีน้ำหนักเบาในความเร็วต่ำ มีระยะฟรีประมาณ2 องศา เมื่อเบ้เปลี่ยนทิศทางมันค่อนข้างไวคล่องตัว เหมาะกับการจราจรในเมือง อาจจะต้องซอกแซกไปมาบนถนนจอแจ
กลับกันในยามขับทางไกลแบบเราเวลานี้ พวงมาลัยจะตึงมือขึ้นมีน้ำหนักช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความคมพวงมาลัยเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันดีสำหรับใครชอบขับรถมุดไปมา ท่ามกลางเพื่อนร่วมทางขับช้า ถ้าขับเรื่อยๆ พวงมาลัยดูมั่นคงดีผ่านรอยต่อสะพานหลุมบ่อ อาการสะท้านพวงมาลัยมีน้อย เพียงแค่ต้องระวังเวลาหักหลบเร็วอะไรเร็วๆ ความว่องไวในการบังคับเลี้ยวอาจทำให้มันไปเกินกว่าทิศทางที่คุณต้องการ กลายเป็นต้องสะบัดควบคุมซ้ำซ้อน
ถึงเครื่องดี ช่วงล่างนุ่มสบายได้ความหนึบจิดปลายนวม บรรจบกับพวงมาลัยเซทมาอย่างลงตัว , กลับกลายเป็นว่าทางทีมวิศวกรเหมือนจะลืมว่า ความรู้สึกแป้นเบรกก็สำคัญไม่แพ้กัน
ถ้าคุณขับด้วยความเร็วระดับหนึ่งตามปกติทั่วไป กำลังใช้คันเร่งเพลินๆ พอสลับเท้า มากดแป้นเบรก อัลติสไฮบริด เล่นเราเสียหน้าทิ่มหน้าตำ จนคนนั่งหลับอยู่อาจตื่นมาโบ้ยคุณว่าขับรถไม่ดี
อาการนี้เป็นอาการแป้นเบรกตื้น นิยมใช้ในกลุ่มรถสปอร์ตสมรรถนะที่ต้องการให้อาการเบรกตอบสนองเร็วลดความเร็วมากในระยะเวลาอันสั้น สำหรับรถไฮบริดปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะหันไปใช้แม่ปั้มเบรก (ปั้มบน) ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ไม่มีหม้อลมเบรก มันมีดีเรืองการตอบสนองไว สามารถตอบสนองในการปราบปรามฝูงม้าได้ดีกว่าการผ่อนแรงด้วยหม้อลมแบบดั้งเดิม
แต่เมื่อมองว่า รถคันนี้ถูกเซทไปในทางนิ่มนวลทั้งการตอบสนองพวงมาลัย ระบบกันสะเทือน ได้ความสบายในการนั่ง การตอบสนองแป้นเบรกก็ควรจะเป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่ทุกอย่างดูสบายแป้นเบรกยังอารมณ์สปอร์ต มันดูแหวกแนวไม่เข้ากัน อาจจะดีก็ได้ถ้าลองขับในเมือง หากในยามขับนอกเมืองขับเพลินเผลอแตะเบรกแรงไปหน่อย อาจกลายเป็นเบรกกะทันหัน จนคันหลัง..งง
มีอยู่ช๊อตหนึ่งระหว่างขับทดสอบเพื่อนสื่อเราคันหน้า คงจะกะว่าจะชะลอความเร็วสักหน่อย ปรากฏสิ่งที่ผมเห็น กลายเป็นเขาเบรกแรงจนกลายเป็นเบรกกะทันหัน ยังดีผมสามารถเบี่ยงตัวออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทัน ถ้าคันหลังไม่ได้มีทักษะ กล้าพูดว่าเจอแบบนี้เกือบร้อยละ 80 ยัดตูดเข้าให้แน่นอน ทำให้เรื่องแป้นเบรกรถคันนี้ต้องมีระมัดระวังปรับตัวเวลาใช้งานสักหน่อย ถ้าขับใช้งานบ่อยคงจะชิน
ในที่สุดเรามาถึงที่หมายปลายทาง ผมขับมาได้อัตราประหยัด 18.9 ก.ม./ลิตร ตอบบนหน้าปัด แม้นว่าจะขับกันมาด้วยความเร็วพอสมควร ภายใต้เงื่อนไขการนั่งโดยสาร 2 คน แอร์เย็นเพลงเพราะ ทางโตโยต้าบอกว่า คันที่ดีที่สุดทำได้ 22 ก.ม./ลิตร เฉลี่ยรวมๆ รถทดสอบทั้งหมดอยู่ที่ 19 ก.ม./ลิตร ถือว่าเรื่องประหยัดวางใจได้ และเหมือนจะดีกว่า Toyota C-HR ด้วย
สำหรับผมการทดสอบครั้งนี้ยังบอกไม่ได้หลายเรื่อง และคาดว่าจะเอารถรุ่นนี้กลับมาทดสอบอีกครั้งในเร็วๆนี้ แต่ถ้าให้สรุปจากสัมผัสแรก Toyota Corolla Altis Hybrid วิศวกรรมมาให้ขับสบาย และมีความประหยัดจนน่าประทับใจ ผมไม่แปลกใจที่มันน่าจะถูกใจสาวๆ นักขับทั้งหลาย ด้วยหน้าตาลงตัวไม่สปอร์ตจ๋าๆ และฟังชั่นครบเครื่องพกความคุ้มค่าคุ้มราคา ความนิ่มนวลในการขับขี่ที่ได้มา ทั้งหมดสร้างความกลมกล่อมลงตัว ยกเว้นแป้นเบรกของมัน
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
สิ่งที่ชอบ : เครื่องยนต์ไฮบริด , ความประหยัดน้ำมัน , ความนุ่มนวลของระบบกันสะเทือน
สิ่งที่ไม่ชอบ : เบาะนั่งหลังชัน , ท่าเข้ารถ คนตัวสูงต้องก้มหัวสักหน่อย , และแป้นเบรกตื้น