ตั้งแต่ Ford Ranger Raptor เปิดตัว ทำตลาด ทุกคน ต่างพยายามติดตามว่า การวางหมากของฟอร์ด ในแง่กระบะสมรรถนะ จะถูกใคร กล้าท้าทาย
หลายคนเดา ว่าน่าจะเป็น ค่ายเล็กๆ ที่อาจจะอยากลองชิมลางบ้าง แต่จนแล้วจนรอด ท้ายที่สุด ก็กลายเป็นพี่ใหญ่ อย่าง Toyota ที่ตัดสินใจ ลุกขึ้นมาทิ้งทวน Toyota Hilux Revo ก่อนปิดโฉม ด้วยรุ่นพิเศษ Toyota Hilux Revo GR sport Wide Tread นั่นเอง
ตัวรถรุ่นนี้เปิดตัว เมื่อช่วงต้นปี ด้วยราคาจำหน่าย 1.499 ล้านบาท มีราคาค่างวด ถูกกว่า แรพเตอร์มากอยู่พอตัว แม้แต่กับรุ่น สกัดดาวรึ่น อย่างตัวดีเซล ที่เปิดออกมาดักทางเมื่อปีที่แล้ว
จุดขายของรถรุ่นนี้ โตโยต้า แค่ต้องการทำรถฮาโล หรือ สะท้อนภาพลักษณ์ ตามสไตล์ชื่อของ GR Sport ที่ไม่ได้เน้นเด่นสมรรถนะอะไรมากมาย แต่ถึงจะเป็นรถแนวนั้น ท้ายที่สุด เพื่อให้มันพอขายได้ ไม่ใช่ สวยหล่อเพียงอย่างเดียว ทางโตโยต้า จึงตัดสินใจ ใส่สมรรถนะให้ตึงมากขึ้น ดีขึ้นกว่า รีโว่ธรรมดาทั่วไป
ตั้งแต่ตอนที่ผม ไป รีวิว รีโว่ เมื่อต้นปี แล้วได้พบรถคันนี้ กล้าพูดว่า มันใส่ความไม่ธรรมดา มาในความธรรมดา ที่หลายคนมองข้าม และเหยียดรถคันนี้ไป ทั้ง ไม่ว่า มันจะดูตามรอยแรพเตอร์ หรือ โอ๊ะ ก้อนโช๊ค แต่ ด้วยสัมผัส จับรถมาหลายรุ่นกล้าพูดว่า มันพกความไม่ธรรมดาแน่นอน
หน้าตา ก็เรียกว่า เป็นอย่างแรกที่บ่งถึงความไม่ธรรมดา ทีมออกแบบ Revo GR Sport Wide Tread ฟูมฟัก รถคันนี้ในออกสเตรเลีย ตั้งเป็นฐานที่มั่น ในฐานตลาดรถกระบะขับออฟโรด อันดับ 1 ของโลก
นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ กลาง ทีวป ออสเตรเลีย นั้น เป็นที่รกร้างว่างเปล่า หรือที่ รู้จักกันในนาม Australia Outback จึงเหมือนมี ที่ลุยอยู่หลังบ้าน เบื่อเมื่อไร ก็ขับรถเดินเข้าไป แบบที่คุณน่าจะเห็นสื่อไทย จำนวนหนึ่งไปขับที่ออสซี่กันมาแล้ว
ตัวรถ ใช่ครับ มันพัฒนา จากรีโว่รุ่นปกติ ทุกอย่าง เรียกว่าแทบจะหยิบเอาบอดี้ มาใช้กันเลย แต่เพื่อความพิเศษเหนือปกติทั่วไป ทางโตโยต้า จึงตัดสินใจพัฒนางานออกแบบภายนอก ด้วยภาพลักษณ์ของรถแรลลี่ ตัวแข่ง ดาร์การ์ เอามาใส่ จุติ เป็น รุ่นใช้งานทั่วไปในนาม GR Sport
เริ่ม จากกระจกหน้า งวดนี้ ตัดมาอย่างหล่อ ดูเท่ห์ มาแต่ไกล คำว่า Toyota จัดไป แบบตะโกน มากขึ้น
ถ้าให้ผมคิดถึงจุดเด่นด้านงานออกแบบ ก็คงโป่งล้อ และกันชนนี่แหละครับ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ขับไปไหนมาไหน มีแต่คนมอง ด้วยโป่งเสริมขนาดใหญ่ สไตล์เดียวกับรถแรลลี่ และมันไม่ได้มีดี เพียงแค่บังล้อ ให้จ่าไม่ขับเท่านั้น
ถ้ามาดูร่วมกับชิ้นกันชนหน้า จะพบว่า ยังใส่หลักอากาศพลศาสตร์เข้ามาด้วย เช่น การใส่รายละเอียด Air Curtain เพื่อรีดลมไปด้านข้าง กันชนหน้า ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ด้านท้าย สปอร์ตบาร์ ถูกออกแบบ ให้ปรับลมไปยังท้ายรถมากขึ้น
ทั้งหมด ทำให้รถคันนี้ ไม่เพียงแค่ดูลุย ดุดัน มันยังแฝง เรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ในคันเดียว
ชุดล้อ งวดนี้ปรับมาเป็น ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ใช้ยาง เกรดพร้อมลุย BF Goodridge KO 02 แบบเดียวกับแรพเตอร์ แตกต่างเพียง ขนาดยางคันนี้เล็กกว่า หน้ากว้างเพียง 265 เท่านั้น มีดีตรงราคายางถูกกว่า จะเปลี่ยนยางอื่นก็ง่ายไปต่อได้ดี
ภายใน, พอเข้ามา ทุกอย่าง มันก็คือรีโว่ ที่เรารู้จักกันดี มีจุดเปลี่ยนนิดหน่อย นั่นคือ จอเครื่องเสียงตรงกลาง ปรับมาเป็นขนาด 10.25 นิ้ว ตามยุคสมัย ไม่ให้ มันดูเอ้าท์เกินไป เชื่อมต่อมือถือ แบบไร้สายได้แล้ว
นอกจากนี้เบาะนั่ง ยังจับเอาหนังกลับ Suede มาใช้ เจาะรูระบายความร้อนเพื่อทั้งยึดเกาะ และสะดวกสบายในการขับขี่มากกว่า
ที่แหกม่านประเพณี โตโยต้า ก็ต้องยกให้ เข็มขัดนิรภัยสีแดง ,พวงมาลัย มี กริบ มี Paddle Shift และ เด่นกว่าแรพเตอร์ ตรงหัวเกียร์ขั้นบันได ไม่หลงเกียร์ อย่างแน่นอน
ส่วนห้องโดยสารตอนหลัง และ กระบะท้าย เหมือนเดิมทุกประการ นั่น ก็มาจาก การพัฒนาบนรถรุ่นเดิม
สมรรถนะการขับขี่ และการทดลองขับ
ได้เวลาลองขับสักที .. ผมเฝ้ารอวันนี้มานาน วันที่ จะลองขับรถที่ได้ชื่อว่า น่าจะเป็นคู่แข่งแรพเตอร์
ผู้อ่านบางคน อาจจะทักท้วงผมว่า มันไม่น่าใช่ คู่แข่งกันนะ ด้วยช่วงราคา และ อื่นๆอีกมาก มันไม่มีทางสู้ แรพเตอร์ พี่ใหญ่กระบะสายลุยได้หรอก
ส่วนตัวผมมองว่า สู้ไม่ได้ ในบางมุมมอง ก็ถูก หาก เราพูดถึง รถกระบะพร้อมลุย ออกจากโรงงานสักคัน คุณจะต้องคิดถึง เจ้านี่อย่างแน่นอน ครับ ถ้าไม่นับแรพเตอร์
ใต้เรือนร่างของ Toyota Hilux GR Sport Wide Tread ยังคง พกเครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.8 ลิตร เหมือนเดิม รุ่นนี้ปรับเป็นตัว มาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 เรียบร้อย ไม่ขาดตกบกพร่อง หัวฉีดนำ้มันใหม่ i-Art ก็มีมาให้ เช่นกัน
เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่ ยิ่งขึ้น ทางโตโยต้า ตัดสินใจ ในการเพิ่มกำลังขับสูงสุด ของรถคันนี้ไปอีก เป็น 224 แรงม้า จากปกติ ร๊อคโค่ จะอยู่ราวๆ 204 แรงม้า สูงสุด ที่ 3,400 รอบต่อนาที ถือว่าเร็วพอตัว
แรงบิดสูงสุด ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 550 นิวตันเมตร สูงสุด ตั้งแต่ 1,600-2,500 รอบต่อนาที ระนาบต่อเนื่องถึง 900 รอบต่อนาที และอยุ่ในช่วงที่คุณได้ใช้งาน อย่างแน่นอน
ชุดเกียร์ ยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติลูกเดิม ที่มีการปรับจูนใหม่ ให้มีความเร้าใจมากขึ้น โตโยต้า ดูจะไปขอวิชามาสด้ามาทำกระบะ จูนให้เกียร์ล็อคอัพเร็วขึ้น ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น รวมถึงยังเน้นไปในช่วงการต่อเกียร์ว่องไวขึ้น มีการปรับปรุง ภายในชุดเกียร์เล็กน้อย เพื่อให้ตอบสนองดีขึ้นตามลำดับ
ฟังดูก้ข้าวของเดิมไม่ได้ผิดแผกอะไรนัก พอขับจริง เฮ้ย!! มันต่าง ตลอดอายุของ รีโว่ ผมขับมันมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ต่อกี่รอบ ไม่เคยคิดว่ามันจะดีขึ้นได้อีก หลังจากอยู่ในตลาดมานา จะ 10 ปี
จุมคันเร่งลงไป การออกแตัวรวดเร็ว กระฉับกระเฉง เปรียบกับ แรพเตอร์ดีเซล เจ้านี่ ออกตัวไวกว่าเห้นๆ ไม่มีอาการนวย กดไปแล้ว ค่อยๆ ออกตัว แม้แต่กับเครื่องยนต์ดีเซล V6 ใหม่ ของฟอร์ด ก็เช่นกัน ต้องเป็นเครื่องยนต์เดินรอบ ช่วงต้นช้สไปหน่อย
แต่เครื่องยนต์ 2.8 คันนี้ จัดหนักมาเต็ม มันอาจไม่ได้ ดึงหลังติดเบาะตอนออกตัว แต่มีกำลังพอตัวให้คนขับรู้สึกว่า พร้อมบู้อยู่เสมอ
ช่วงต่อเกียร์ ชุดเกียร์ ทำงานต่อเนื่อง มีอาการกระชากบ้าง นั่นอาจเพราะ ทีมงานต้องการให้มันฟีลไลค์ รถแข่ง มาเข้าสิงห์ ลองใช้แป้นเกียร์ ที่พวงมาลัย การตอบสนองจัดว่าเร็วอยู่ประมาณหนึ่ง กดเปลี่ยนอัตราทดอย่างไว โดยเฉพาะตอนลดอัตราทด
พอลอยลำ เครื่องยนต์จะทำงานตามนิสัยเครื่องยนต์ใหญ่ ถ้าอยู่ในช่วงแรงบิดสูงสุดพร้อมพุ่งทะยานไปในทันที เร่งแซงดี พร้อมไปต่อ เมื่อต้องการ
ด้วยการปรับจูน และพลังที่มีมากขึ้น เจ้า Revo GR Sport พร้อมลุยคันนี้ มีอัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ราวๆ 11.3 วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม.อยู่ที่ ราวๆ 7.3 วินาที
เทียบกับ กระบะทั่วไป ถือว่าเร็ว อยู่ประมาณหนึ่ง แต่ยังเป็นรอง Ford Ranger V6 ที่มีกำลังแรงม้า แรงบิดมากกว่า หากก็เหมือน มวยคนละคลาส
ด้านช่วงล่าง เป็นจุดที่หลายคนมองว่า นี่แหละมันยัง ไม่สามารถสู้ แรพเตอร์ได้ ช่วงล่างด้านหน้า ยังเป็น ปีกนกอิสระ 2 ชั้น ด้านหลังยังเป็นแบบแหนบหลายแผ่นซ้อน เหมือนกระบะทั่วไป ที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี
ถึงพื้นฐานจะเหมือนเดิม แต่ทางโตโยต้า ก็ตัดสินใจว่า มันจะต้องมีช่วงล่างทีดีขึ้น ทางโตโยต้า เลยสั่งให้ คายาบ้า คู่ค้าคู่บุญ นำเสนอโช๊คอัพใหม่ ตอบสนองดีขึ้นกว่าเดิม
ชุดโช๊คนี้ผม ก้มไปดู ทั้งหมด นำเข้าจากญี่ปุ่น เป็น โช๊คน้ำมันกึ่งแก๊ส เข้าใจว่าเป็นตัว สเป็คพิเศษ สั่งขึ้นมาโดยเฉพาะ
เดิมที ตอนเปิดตัว รีโว่ GR Sport ทางโตโยต้าก็ปรับมาใช้โช๊ค โมโนทูป อยู่แล้ว งวดนี้ ดูเหมือนจะมีการปรับปรุงให้มัน มีช่วงยืดยุบ หรือ Stroke ยาวขึ้น เพื่อให้มันเหมาะ พร้อมกับเรื่องลุยมากขึ้น
ที่น่าเสียดาย และเป็นที่หลายคนครหามาก คือ ก๊อนรองโช๊คที่ใส่ติดมาด้วย เดิมที ของแบบนี้ถูกดูแคลน และมีมานานในหมุ่รถแต่งสายลุย มาวันนี้กลายเป็น มันมาอยู่ในรถจากโรงงาน
แต่ถ้ามาดูดีๆ จะพบว่า ก๊อนโช๊คที่ว่า ใส่มาเพื่อทำให้ องศามุมล้อถูกต้อง นั่นเอง
ส่วนที่ทำให้มันได้ชื่อว่า Wide Tread นั้น ก็ดู จะไม่พ้น ระยะล้อที่มีความกว้างมากขึ้น ด้านหน้ากว้าง 140 มม.ด้านหลังกว้าง 155 มม. ทำให้ รถดูใหญ่โตขึ้น แถม ความสูงจากพื้นถึงท้องรถยังสูงบวกเพิ่มมาเป็น 254 มม.
ใช่มันอาจเป็นรองแรพเตอร์ที่มีความสูงจากพื้นถึงท้องรถ 270 กว่า มม. หากความไม่โย่งเกินไป เป็นผลดี ต่อการขับขี่
ออกถนนจริง อาการช่วงล่างออกแนวแน่นเฟิร์ม มั่นใจ ไม่ตึงตังอย่างที่คาด คุณภาพในการโดยสาร เมื่อเปรียบว่า มันเป็นช่วงล่างแบบแหนบทางด้านหลังจัดว่าทำมาได้ดี
ด้วยยางพร้อมลุย AT ประกิบกั่วงล่าง โมโนทูป เวลาขับความเร็ว 50-60 จะรู้สึกบ้าง ว่ารถเป็นลูกคลื่น พอขับด้วยความเร็วสูงขึ้นมา อาการช่วงล่าง ออกแนวนั่งสบาย โดยเฉพาะความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. ช่วงเดินทางของหลายคน
ความมั่นใจในยางและช่วงล่าง ทำให้ผม ลองขับจัดเต็มในความเร็วสูงมากขึ้น กลายเป็น Revo GR Sport Wide Tread ขับดีในช่วงความเร็วมากกว่านั้น คุณสามารถยืนพื้น 130-150 ก.ม./ช.ม. ได้สบายๆ คนนั่งสบายใจ แถมยังหลับได้ด้วย มันมีความสบายในระดับหนึ่ง ยังคงปัจเจกความเป็น โตโยต้าในเรืองนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
ความั่นใจนี้ส่วนหนึ่ง มาจากการวาง ระยะห่างล้อ หรือ Track กว้างขึ้น จากรุ่นปกติ นึกไม่ออก เหมือนคุณ วิดพื้น ยิ่ง วางมือกว้าง ตัวเรายิ่งมั่นคงขึ้น นั่นหมายถึงเวลาทำความเร็ว เราก็ทำได้ดีขึ้นด้วยตามลำดับ ด้วยเหตุนี้รถสปอร์ตส่วนใหญ่ จึงมักออกแบบ มากให้กว้าง เพื่อ เวลาทำความเร็วสูง จะได้ขับมั่นใจ
ลองลุยแบบ แรพเตอร์ ก็พอได้อยู่
ไม่นาาน ผมขับมาถึงปลายทาง สถานที่ลุยประจำ แถวมวกเหล็ก อากาศดีรถพร้อม ไม่รอช้า ที่จะฮ้อทำความเร็ว กันเลย
สภาพทางวันนี้ เป็นทางฝุ่น รีดว่ พร้อมลุย คันนี้แสดงอาภินิหาร ให้เราเห็นว่า แม้ว่า มันจะถูกมองว่าเป็นกระบะธรรมดาๆ หนึ่งคัน แต่ด็ทำได้ดีไม่แพ้ กับ รถทีมีชื่อชั้นชาติตระกูล
อัตราเร่ง ไม่ใช่จุดขายในทางแบบนี้ ที่นี่ การควบคุมรถได้ดั่งใจ มั่นใจ คือ สิ่งสำคัญที่สุด
ช่วงล่าง ที่เราดูแคลน ว่าไม่ใช่โช๊คแบรนด์ดังช่วงล่างแหนบ ขับจริงกลับกลายเป็นถูกจริตตอบโจทย์ สายลุยคอซิ่ง อาการช่วงล่างกระแทกกระเทือนมันก็ปกติ นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องแปลก
การซับแรง ถ้าเทียบกับ โชีค ที่มีซับแท๊งค หรือ อย่างตระกุลหมาป่าใช่ครับ มันอาจจะสู้ไม่ได้ หากช่วงยืดยุบที่ยาว และ การตอบสนองยืดยุบเร็ว ทำให้ ล้อทั้งสี่ สัมผัสถนน ยางตะกุย เรียกแรงเสียดทานได้ตลอดเวลา
ยามเสียอาการ อย่างท้ายปัด หรือหน้าดื้อ ช่วงล่างก็ยังสร้างความมั่นใจ ไม่ให้ผิดหวัง รถยังดูพร้อมกอดคอร่วมทางกับคุณไม่ทำให้เหวอ
โอเค ผม อาจจะไม่ได้ลองขับมันแรงมาก แบบชนิด บุกป่าเผากระท่อม แต่ก็ไม่ใช่ความเร็วทั่วไปในทางเดินแบบนี้
ขับอยู่หลายรอบ จนเหนื่อย โช๊คยังเหมือน กวักมือถาม จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ล่ะพี่ จัดไป
อีกอย่างที่ดีในทางแบบนี้คือ พวงมาลัยครับ แม้ว่ามันจะไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งจริงๆสายออฟโรดหลายคนขยาด เพราะ พังทีงานงอก ราคาซ่อมหลายหมื่น
แต่พอเรามาคุยว่า ยุคนี้พวงมาลัยไฮโดรลิค แร็คอินด์ พิเนียน มันเอ้าท์ไปไหม โตโยต้าเขาก็ทำระบบควบคุมแรงดัน ที่สามารถแปรผัน น้ำหนักได้
มันอาจไม่เบาเท่า พวงมาลัยไฟฟ้า หากก็อยู่ในจุด ที่ถือว่า โอเคร รับได้ กับการขับขี่ โดยเฉพาะในทางออฟโรด ฝุ่นตลบแบบนี้ พวงมาลัยเบาไปก็ไม่ดี หนักไปมากก็ไม่ได้
และท้ายสุด เรื่องเบรก ในทางฝุ่น สไตล์นี้ เบรกสำคัญมาก มาเร็วๆ วัว แพะ ตัดหน้าก็บันเทิง ทันที รถจึงต้องปราบม้าได้มั่นใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่ โตดยต้า ติดตั้ง ดิสก์เบรก 4 ล้อ ติดปลายนวมมาให้ด้วย เมื่อบวกกับยางพร้อมลุย เวลามาเร็วในทางแบบนี้ก็พอจะปราบพลังขับได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
แต่ถ้าคุยกันว่าในทางถนนเรียบ ก็อยากจะพูดกับทุกคนว่า ขับรถคันนี้ควรเว้นระยะห่างสักนิด เพราะ ยามฉุกเฉินจะได้มีทางหลบ และ จากที่ทดสอบ ระยะ 100-0 หลายรอบ มันจะมีระยะราวๆ 51 เมตร เมื่อเทียบกับ ยาง และขนาดตัวรถ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ รับได้
สรุป Toyota Hilux Revo Gr Sport Wide tread รุ่นพร้อมลุย ที่มีดีแบบ โตโยต้า
ผมใช้เวลากับ รถคันนี้อยู่หลายวัน และ แม้จะผ่านมือแรพเตอร์ มาหลายรอบ หลังจากขับคันนี้ ผมก็กลับรู้สึกว่า มันน่าซื้อไม่น้อย
ความจริง คือ โตโยต้า ได้ทำรถกระบะบ้านๆให้พร้อมลุย มากขึ้น มันไม่ได้ ใส่ของวิเศษอะไรมากมาย แต่พอรวมๆ แล้ว กลายเป็น ทำออกมาได้ดี อยู่พอสมควรเช่นกัน
มันขับดี ทั้งบนถนน และในทางออฟโรด ด้วยจุดขายความง่าย และลงตัวนี่แหละ ที่ทำให้ผมสนใจ เป็นการส่วนตัว
พอขับแล้ว ความรู้สึกเดียวกันนี้ ผมสัมผัส ได้จาก Toyota GT 86 อย่าเพิ่งด่าว่าผมเพ้อเจ้อ รถมันก็คนละคลาส
ใช่ครับ คุณพูดไม่ผิด แต่กลิ่นอายความเรียบง่าย ไม่ต้องเยอะ รถที่พร้อมมอบความบันเทิงให้คุณทุกวัน โดยไม่ต้องกังวล เรื่องราคาค่าซ่อม นั่นคือสิ่งที่ 86 จากรุ่นยุคคุณปู่ยังหนุ่มถ่ายทอดมาก
และ GR ดูจะต่อยอดในเรื่องนี้ มาสุ่สายกระบะ นั่นเอง
เท่าที่ผมพูดมา ทุกอย่างคือ ของเดิม ติดรถ ทั้งหมด เพียงแต่มีการปรับจูรให้มัน ตรงโจทย์มากขึ้น นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ
ถ้าจะถามว่า มันสู้แรพเตอร์ได้มั้ย ผมว่าสุ้ได้ แต่ไม่ได้สู้แบบ คุยกันว่า ออพชั่นใครดีกว่า แต่ถ้าเอาทั้งคู่มาขับ ในทางเดียวกัน แล้วสลับกันไปมา ความเรียบง่ายในแบบ โตโยต้านี่แหละครับ กลายเป็นจุดขาย เหนือชั้น คุณไม่ต้องวุ่นวานเรียนรู้นิสัยเยอะมาก
ขอแค่เป็นวิชา ขึ้นขับแล้วซิ่งได้ทันที นั่นคือ สิ่งที่ ยังยากจะทำในแรพเตอร์ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณต้องเข้าใจโหมด ต้องเข้าใจระบบ ต้องใช้ของเป็น
ซึ่ง แรพเตอร์ ที่ผมพูดถึง คือตัวดีเซล เมื่อเทียบแล้ว จะพบว่า กำลังมันน้อยกว่า เจ้านี่อีก
ที่จริง ฟอร์ด เคยพูดกับผมว่า จุดขายแรพเตอร์ คือช่วงล่าง ที่มั่นใจ ซึ่งรุ่นใหม่ กลายเป็นตัวดีเซล เซทมาสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ทำให้รู้สึกว่ามันถูกทอนโจทย์ความสบายออกไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อกลับมา ที่ Toyota Hilux Revo GR Sport ข้อดี อีกอย่าง คือ ความทนทาน โตโยต้า ขึ้นชื่อเรื่องนี้ และ รถลุย ต้องการสิ่งนี้ คุณคงอยากออกไปลุยขับ แล้วกลับถึงบ้าน
ทุกคนรู้ดีว่า โตโยต้า เป็นรถที่ทนทาน หรือ ถ้าเสีย ศูนย์ก็มีทั่วประเทศ ให้คุณสบายใจ นั่น คือจุดที่ โตโยต้า ยังทำได้ดี ตอบโจทย์
กับ ราคา 1.499 ล้านบาท บางคนบอกว่า แพงไป หลังจากขับ ผมกล้าพูดว่ามันสมน้ำสมเนื้อ คุณได้รถที่มีกลิ้นอายแรลลี่ ขับสนุกมั่นใจ บู้ได้ กับราคานี้ไม่แพงครับ