คุณเคยตั้งคำถามไหมว่า เวลารถที่บรรดานักข่าวนำมาทดสอบทำรีวิวกันอย่างโจ่งครึ้ม รถเหล่านี้เมื่อหมดหน้าที่แล้วพวกมันไปไหน …. มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ารถยนต์เหล่านี้ท้ายที่สุดพวกมันถูกปล่อยขายให้ผู้ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของในรูปแบบรถมือสอง หลังผ่านหน้าที่สำคัญมาแล้วสักระยะ
ในช่วงประมาณปลายปี 2016 ผมกับเดือน มีอันต้องเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตใหม่ หลังจากเดือน (แฟน) สอบติดเป้นหนักงานประจำธนาคาร ธกส. ย้ายไปประจำที่จังหวัดลพบุรี ดั้งเดิมที เราสองคนอาศัยรถเดือนในการใช้ชีวิต
สำหรับผมเองไม่มีปัญหาเรื่องรถในชีวิต เพราะงานเราอยู่กับรถ ทุกสัปดาห์จะมีรถใหม่เวียนหน้าเปลี่ยนเข้ามาจนยามในหมู่บ้านเกาหัวงง พอๆ กับเด็กปั้มแถวบ้าน ว่าพี่ไปสรรหารถใหม่ๆมาจากไหนกัน
กว่าจะเลือก Subaru XV
การต้องไปปฏิบัติหน้าที่ของเดือนเริ่มนำมาซึ่งโจทย์ในการซื้อรถเพิ่มสักคัน ส่วนตัวผมเองแล้ว มีกระจิตใจคิดว่าจะซื้อรถใหม่อยู่บ้าง เนื่องจากคิดว่าเผื่อวันฝนตกเอาบิ๊กไบค์คันเก่งออกไปงานไม่ได้ ครั้งจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า จะเรียกแท็กซี่หรือวิน มอเตอร์ไซค์แถวบ้านก็สุดแสนจะยากเย็น … โครงการมองหารถใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น และด้วยชีวิคมีรถมากมายผ่านมาจึงมองว่าเราน่าจะซื้อรถธรรมดาๆ อีโค่คาร์ สบายๆ
จริงๆ แล้ว รถเดือนที่ใช้กันอยู่ก็เป็นรถอีโค่คาร์ ซึ่งคุณพ่อซื้อให้ มันคือ Honda Brio Amaze เจ้าซีดานร่างทรงอินเดียที่มีขายในบ้านเรา รถคันนี้นั่งสบายใช้งารนได้ดีในระดับหนึ่ง ช่วงแรกเดือนก็เอาไปใช้ขับไปกลับลพบุรี ทุกช่วงวันสุดสัปดาห์ จนกระทั่งวันหนึ่งผมเริ่มพูดโครงการซื้อรถใหม่กับเดือน
ในฐานะ ผบ. ประจำบ้าน เธออกความเห็นที่น่าสนใจว่า จะซื้อรถแบบเดิมทำไม ในเมื่อรถเธอก็คืออีโค่คาร์ รวมถึง รถแม่ เจ้า Suzuki Ciaz ก็อีโค่คาร์ …. ใจลึกตอนนั้นผมคิดไว้คือ Mazda 2 Diesel น่าสนใจ เพราราคาไม่เกินเอื้อมได้เครื่องดีเซล ผมเองมีธุระขับรถออกตจว. บ้างก็เป็นโจทย์ที่ดีไม่น้อย
แต่เมื่อโดนเบรกก็มานั่งคิดกันขนานใหญ่เราจะซื้อรถอะไรดี …. ในตอนนั้น เรามีความสามารถในการซื้อรถราคา 9 แสนบาท เราดูรถใหม่ แล้วพบว่า พวกมันผ่อนหนักเอาเรื่อง แถมสมัยนี้ซื้อรถใหม่ด้วยเงินสด แทบจะไม่ได้อะไรเลย ส่วนลดน้อยนิดกระจิดริดโคตรๆ
แต่ในกลุ่มรถใหม่ตอนนั้นผมรู้สึกว่า Nissan juke น่าสนใจ (เมื่อปีที่แล้ว) ทำไมถึงน่าสนใจ Nissan juke ดีไซน์แปลกตา ทำให้ดูเป็นอมตะฆ่าไม่ตาย ดูดีเสมอ แถมเราสองคนเป็นคนที่รักและชอบรถ แต่งรถเหมือนกัน เรื่องเนรมิต Juke ให้ประเสริฐตามที่เราต้องการไม่ใช่เรื่องยาก
ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ Nissan ให้โปรโมชั่น Nissan juke ดีมาก เรียกว่าลดกันเป็นแสนๆ บาท ราคาขายเหลือจริงๆ ประมาณ 7 แสนกว่าบาทได้ และเราแทบไม่ต้องกำดาวน์ด้วยซ้ำ เอาโปรโมชั่นมาถมๆ ก็ออกรถได้ ดีด้วย เราจะไม่ได้ต้องกู้กัน
เมื่อทิศทางมายัง SUV ด้วยเหตุผลหลายประการ คือ 1.รถใหม่ต้องไม่เป็นเก๋ง 2. เราชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปั่นจักรยาน แล 3.ที่สำคัญ ถ้าซื้อรถคันนี้อาจต้องใช้ 10 ปี หรือ 7 ปีเป็นอย่างน้อย ทั้งหมด เป็นโจทย์ที่สาหัสเอาการ เหมือนกัน
เรื่องราวที่แรกจะไปทาง Nissan juke ทุกอย่างค่อนข้างสมเหตุสมผล จนถึงขนาดผมพยายามหารถให้เดือนลองขับจะได้รู้ว่าชอบกันหรือไม่ แต่ก็ยาก บางโชว์รูมมีก็ตัดขายไปบ้างอะไรบ้าง ก็เลยไม่ได้ขับ
พอมานั่งคิดๆ เดือนก็เริ่มมาดู HR-V ตามภาษาสาวกฮอนด้าเดิม ราคามือหนึ่งคงได้รุ่นไม่ดีเลิศเราเท่าไร เราจึงหันไปดูตลาดมือสองราคาพอรับได้ แต่รถแต่ละคันมาไมล์เยอะมาก … ผมจึงลองกดไปดูซูบารุ เอ็กซ์วี ส่วนหนึ่งเพราะเดือนชอบมาก ตั้งแต่เอามาขับเล่นทำรีวิวสั้นๆ เชิงท่องเที่ยว …
เดือนบอกราคารับได้พอไหวอยู่ แต่ติดตรงไมลืรถเยอะเช่นกัน ทุกคันที่ขาย ไมล์ทะลุ 1แสนกิโลเมตรทั้งนั้น เรายังไม่ดูสภาพกรำศึกในการใช้งานอันสมบุกสมบัน และคนขับซูบารุส่วนใหญ่ขับรถไม่ธรรมดาทั้งนั้น
ผมรู้ว่า Subaru XV ใหม่ จะมาขายปลายปี ผมเดาๆว่าน่าจะเริ่มมีการขายรถที่ใช้ในโชว์รูม หรือใช้ในการตลาด รวมถึงรถทดสอบนักข่าว ออกมาแน่ๆ ว่าแล้วก็เลยตัดสินใจลองโทรถามทางทีมงาน Subaru ที่รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี และเหมือนโชคเข้าข้าง .. พวกเขากำลังจะเอารถออกวางขายพอดี
“เจ้าส้ม” รถเนื้อคู่
สุดสัปดาห์นั้นจึงชวนเดือนเข้าไปดูรถที่กำลังจะออกวางขาย ซึ่งเราก็เป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆที่เข้าไป ดู …
ภาพในตอนนั้นยังจำได้ดี ด้านหลังซูบารุเสรไทย จะมีโขยงรถที่จอดคลุมผ้า ทั้งหมด นั้นคือรถที่เตรียมออกจำหน่าย ผมตกลงกับเดือนว่า เราสมควรจะซื้อตัวท๊อปออพชั่น STi เนื่องจากเราสองคนชอบแต่งรถ ถ้าซื้อตัวธรรมดา ยังไงเสียเดียวเราก็ต้องเอามันมาแต่งอีกอยู่ดี แบบนั้นเราสู้ซื้อตัวแต่งดีหว่า น่าจะตัดปัญหานี้ได้
แน่นอนว่าตัวมีชุดแต่งนั้นมันมีราคาแพงกว่า ตัวธรรมดาราวๆ 1 แสนบาท แถมรถมีเพียง 3 คัน คือ สีน้ำเงิน , สีดำ และสีส้ม ที่ยังรอไปพบเจ้าของใหม่ (นี่ขนาดมาเร็วนะ)
เซลล์ที่ดูแล พาเราเดินฝ่าดงซูบารุ มันช่างเหมือนสวรรค์ อยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ เรามาถึงคันแรก ตรวจดูสภาพรถภายนอก ดูทุกอย่างหาร่องรอยที่อาจจะบ่งบอกการชนมาบ้าง ตามภาษารถมือสอง แม้เราจะทราบว่ารถได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มี ถึงเวลา ลงเครื่องยนต์ บิดกุญแจ สตาร์ท …ไม่ติด เงียบไม่หือไม่อือ
เราจึงผ่านมาคันที่สอง อีกครั้ง บิดสตาร์ทแล้วไม่ติด เหมือนมันบอกว่าไม่เอาผมไม่ไป … ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเพราะรถจอดไว้นานด้วย
และเรามาถึงคันสุดท้าย แถมคันนี้เป็นสีส้ม ตรงตามความต้องการของเราทั้งคู่ เนื่องจากเป็นสีที่มีเฉพาะรุ่น เป็นเอกลักษณ์ของ Subaru XV เดือนเอง เป็นคนชอบสีแป๋นๆ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม เราตรวจสอบสภาพรถตามธรรมเนียม มันมีรอยนิดหน่อย ตามสภาพการใช้งานไม่ถือสา ดูแล้วไม่ชนหนักมา แต่สีมีการอาบน้ำมาบ้าง
โอเคขอบยางอะไรดูเรียบร้อยดี เราเลิกผ้าออกทั้งคัน สียังกิ๊ป แถมฟิลม์รถคันนี้ดำมืดสนิท (ผมมาทราบภายหลังว่า เป็นฟิลม์ยี่ห้อ Ultra Tint ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายในไทยแล้ว) เซลล์บอกกับเราว่ารถคันนี้เป็นของผู้บริหาร ดูสภาพภายในยังใหม่มาก ใหม่เว่อร์ จำได้ว่า ไมล์แค่ 25,000 ก.ม. เท่านั้น
และแล้วก็ถึงเวลาสำคัญ ลองสตาร์ทเครื่องยนต์ เซลล์ยื่นกุญแจมาให้ ผมพลางเดินไปด้านคนขับ สัมผัสที่หกเรื่องรถค่อนข้างแม่น บอกกับเดือนว่า “นี่เธอ รถคันนนี้เนื้อคู่ เชื่อสิ เดี๋ยวสตาร์ทติดเลย แล้วอย่างลืมพาเขากลับบ้านนะ”
ว่าแล้วเธอเอื้อมืดจับกุญแจ บิดมันไปข้าง เสียงเครื่องดัง อื้ดๆ อื้ด แล้วติดทันที อย่างไร้ปัญหา เซล์ กับเดือน มองหน้าผม แบบงงๆ รู้ได้ไง ว่ามันจะติด (อันนี้เป็นเซนส์ส่วนตัว บอกใครไม่ได้จริงๆ )
ผมเปิดฝากระโปรง เช็คการทำงานเสียงเครื่องยนต์ และตรวจสอบน้ำมันเครื่องดูว่ามีกลิ่นไหม้ผิดปกติไหม สรุป … ปกติดิ งงก็เพียงเจ้าค้ำโช๊คเจ้ากรรมหายไป พร้อมสติกเกอร์ STi Performance อันเล็กๆ 3 อัน คาดว่าคงถูกแกะออกตอนทำสี รถเป็นแน่แท้ …
เราออกมาจากโชว์รูมเสรีไทย ตอนนั้น ยอมรับว่า สนใจรถคันนั้นมาก แต่ติดตรงรถสาดสีมา และแถมของสำคัญล้ำค่า ค้ำโช๊คหน้าหายไป (ผมไม่ได้เปิดคันอื่นว่ามีหรือเปล่า) ออกมาก็มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวโกบู้ใกล้ๆ พลันก็ปรึกษากันว่า น่าสนใจน่าซื้อ แต่ก็แปลกใจเรื่องการสาดสีรถอยู่พอสมควร แต่อื่นๆ ก็ดูเรียบร้อยดี แถมไมล์น้อย ตรงความต้องการ
ว่าแล้วก็เลยโทรกลับไปหาเซลล์ ว่า ตกลงจะเอานะ ว่าแล้ว เราก็ค้นพบ ว่า มีลูกค้าอีกคนจะมาดูรถคันนี้เหมือนกัน และแถม เหมือนเซลล์ กั้กว่า รถคันนี้จะไม่ขายให้เรา เนื่องจากลูกค้าคนนี้ตั้งใจจะมาเอาเหมือนกัน …
เอ้า!!! ตอนไปดูรถก็ไม่เห็นพูดแบบนี้ เราแค่ต้องตัดสินใจก็เท่านั้นเอง เพราะถามว่ารถโอเคไหม โอเค แต่มันก็ดูประหลาดตรงสาดสีนี่แหละ กับค้ำโช๊คหน้าหายไป ใครก็ต้องคิด
ว่าแล้วผมก็เลยโทรไปรบกวนนทีมงานการตลาด โดยขอทราบข้อมูลรถ ทำไมชิ้นส่วนบางชิ้นถึงหายไปอย่างลึกลับ แล้วเมื่อซื้อจะมีชิ้นส่วนหายไป ให้กลับมาหรือไม่ ผมได้รับคำตอบ ปรึกษาเดือนอีกรอบ ก่อนโทรกลับไปบอกการตลาดว่า เราตัดสินใจเอา
แม้ว่าความเป็นจริงรถมือสองสาดสีแง่หนึ่งคือค่อนข้างน่ากลัว เนื่องจากถือว่าเป็นการกลบเกลื่อนร่องรอย แต่มองอีกมุมมันก็ดีที่รถเก็บสี แปลกตรงที่ ชิ้นส่วนในห้องเครื่องหายไป แต่เราก็ดูโครงสร้างแล้วไม่มีเสียหายใดๆ
วันนั้นผมกลับวางจองทันที ก่อนกลับมาขับทดสอบ ขอตรวจสอบสภาพการขับขี่รถ เนื่องจากตลอดสัปดาห์ เราสองคนกังวลใจเรื่องการสาดสีพอสมควร เมื่อขับทดสอบต่างๆ ทุกอย่างปกติมาก มีเพียงเสียงเบรกหลังดังเท่านั้น ที่ดูจะเป็นปัญหาในการขับขี่ ศูนย์รถขับดี ปล่อยพวงมาลัยได้ ผมทดสอบทั้งความเร็วต่ำ ความเร็วสูง เพื่อให้มั่นใจว่ารถไม่ได้มีปัญหาในการขับขี่ อย่างที่เรากังวล
คู่ใจเธอ … เรามั่นใจ
วันที่ 5 เมษายน (2560) เป็นวันที่ผมดูฤกษ์ออกรถ แบบกึ่งฤกษ์สะดวก เราเอาเช็คก้อนโตมาให้เซลล์ เนื่องจาก เดือนตัดสินใจว่าเราควรซื้อสด โดยใช้เงินสวัสดิการกู้ยืมมาส่งรถแทนที่จะใช้เงินสินเชื่อรถยนต์
การรับรถออกมาในวันนี้เดือนเป็นคนขับ เราค่อนข้างภูมิใจที่เลือกมัน ไม่ว่าการตัดสินใจนี้จะผิดหรือถูกก็ตาม เนื่องจากผมเองก็รู้อยู่แล้วว่า ปลายปีนี้ Subaru XV รุ่นใหม่ จะออกมา รถเราจะตกรุ่น แต่ผมก็มั่นใจในรถมากว่า มันเหมาะกับใช้งานได้ ด้วยเหตุผล ความดิบในการขับขี่แบบซูบารุแท้ๆ
อีกประการที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน Subaru XV รุ่นนี้ ได้รับแรงบรรดาใจจาก WRX และ ผสมผสานในการออกแบบให้ความสปอร์ตลงตัว คุณสังเกตได้จากไฟท้ายรถที่ยังคงความคล้ายรถสปอร์ตของค่าย และแถมรถรุ่นแรกมักมีค่าเสมอ
เราขับตามกันมาจนถึงบ้าน ในเมือง Subaru XV กินโหดสักหน่อยตามภาษารถเครื่อง 2.0 ลิตร เมื่อติดในเมือง มันก็ค่อนข้างจะบริโภค
เดือนบอกเธอชอบเวลาขับเร็วๆ มันมั่นใจ แต่ก็ยอมรับว่าพวงมาลัยไฮโดรลิก หนัก เอาเรื่อง เนื่องจากเดิมพวงมาลัยบริโอ้ เป็นไฟฟ้า ส่วนเรื่องช่วงล่างเดือนชอบมาก จากสไตล์แน่นหนึบ ผมดีใจที่เธอชอบ ทำให้อย่างน้อยการตัดสินใจเราไม่ผิดแล้ว ที่เลือกรถรุ่นนี้
ออกทริปแรก รับพ่อตา
ในที่สุดการเดินทางไกล ครั้งแรก “เจ้าส้ม” Subaru XV ของเรา ก็เกิดขึ้นในวันสงกรานต์ อาจกล่าวได้ว่า เพียงสัปดาห์เดียวหลังจากออกรถ ก็เดินทางไกลทันที
ปลายทางวันนี้ เราไปยังบ้านเกิดพ่อเดือน นครศรีธรรมราช การรองรับอาคันตุกะคนแก่ด้วยซูบารุ เป็นโจทย์หนึ่งที่สำคัญมาก มันเป็นโจทย์ที่เราสองคนคิดกันไว้ตั้งแต่แรกว่า จะต้องรองรับทั้งผู้สูงอายุ หรือ คนที่จะตามมาในอนาคต ดังนั้น รถใหม่เราจึงเป็นอเนกประสงค์
ออกเดินทางตลอดทางราบลื่นดีไม่มีปัญหา แม้รถจะช่วงล่างแข็งนิดๆ เหมือนพ่อเดือนก็นั่งอย่างสบายไร้ปัญหา แถมงวดนี้พ่ายเดือนที่ตัวใหญ่มหึมา ยังสามารถนั่งได้สบายอีกด้วย ตลอดการเดินทางใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล95 โดยเราอัดเต็มจากบางใหญ่ ไปเติมอีกที่ช่วงจะเข้าสุราษฏร์ธานีเข้าไปแล้ว ผมได้อัตราประหยัดประมาณ 12.5 ก.ม./ลิตร ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ กับจำนวนคน 4 คน พร้อมสัมภาระการเดินทางเต็มคันรถ
ไปถึงที่นั่นเดือนชวนผมเข้าไปในสวนยางของพ่อ ซึ่งทางภาคใต้ สวนยางที่เรียงรายอยู่มากมาย มีสภาพเป็นเลนเป็นโคลน ปกติแล้ว การเข้าสวนยางต้องใช้รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องจากทางโคลนต้องใช้กำลังพอสมควร
ด้วยความอยากรู้จึงลองเอา “เจ้าส้ม” เข้าไปลุยในทางแบบนี้ สภาพทางเป็นหญ้ามีเพียงรอยล้อรถที่เคยผ่ายขับเข้ามาบอกว่าไปทางไหน ย่ำลงไปยังดีฝนไม่ตก สภาพทางเลยเป็นดินธรรมดา มีโคลนเล็กๆ ซูบารุ เอ็กซ์วี ผ่านไปได้สบาย จนถึงปลายทาง ขาออกเราเจอฝนสักหน่อย ฉ่ำทางดินจึงเริ่มเป็นเลนเล็กๆ รถมีอาการดิ้นบ้าง แต่ผ่านได้สบาย ไม่มีปัญหาอย่างไร และผมค่อนข้างพอใจกับสมรรถนะของมัน
ดูแลจนครบเปรียบเหมือนรถใหม่
หลังจากกลับมา เดือนกับผม ก็ตกลงกันว่าเธอจะเอา “เจ้าส้ม” ไปใช้ ผมเองก็ไม่ได้ติดอะไร เนื่องจากส่วนตัวไม่ค่อยใช้ หรือใช้ก็ขับเข้าเมืองมากกว่า
สำหรับผมรถเล็กๆ เหมาะกับการเดินทางมากกว่า มันหาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน เพราะเดินทางในเมืองรถติดมากมาย และที่จอดรถก็มีอย่างจำกัดด้วย เจ้าส้ม จะกลับมาบ้านทุกวันศูกร์ และออกไปทำงานกับเดือนที่ลพบุรี ในวันจันทร์ทุกสัปดาห์
หลายเดือนผ่านไปและแล้วก็ได้เวลาดูแลเจ้าส้มครั้งแรก .. ปัญหาแรกที่คาราคาซังมาตั้งแต่ออกรถ คือเบรกหลังจะดังตอนเหยียบไปครั้งแรก จี๊ด! แล้วหายไป
ผมอานุมานว่าเกิดจากผ้าเบรกน่าจะแข็งตัว เนื่องจากเป็นรถนาน 3 ปีแล้ว และคาดว่า อาจจะไม่ได้ถูกใช้งานในระยะหลังก่อนที่จะขายออกมาถึงมือผม และเบรกก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่ใช้ประจำ ราคาไม่แพงมาก
ผมตัดสินใจใช้ผ้าเบรกไทยเกรดญี่ปุ่น Nexzter Project Mu รองรับการเบรกแรงทนความร้อนสูง 500 องศา ตามที่ผู้ผลิตเคลม ราคาได้มาไม่แพงมากนัก 4 พันบาท หน้าหลัง ผมจัดการเปลี่ยนเรียบร้อย เสียงจี๊ด หายไป ขับสบายขึ้นเยอะ
สองเดือนหลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรก ตั้งแต่ออกรถมา ที่จริงลองไปตรวจสอบราคาศูนย์บริการแล้ว พบว่าราคาบริการเอาเรื่องอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แถมน้ำมันเครื่องก็ไม่ใช่ยี่ห้อที่เราชอบด้วย
ผมเหลียวมองคนรอบข้าง ว่าแล้วก็นึกถึง พี่เป้ Injection Club Service ซึ่งพี่ปอนด์ พี่ชายเขาขับ Toyota GT86 ดริฟท์ ผมเห็นผ่านทางโซเชี่ยลว่า แกรับซ่อมพวก GT86 ด้วย จึงโทรไปสอบถาม
“มาเลย!” พี่เป้ บอก ผมจึงไม่รอช้าที่จะเอาน้องส้มไปให้เขาดูแล
ที่นี่มีน้ำมันเครื่องหลายเกรดมากมาย ตั้งแต่ธรรมดาทั่วไป จนถึงเกรดอย่างแพงระดับรถแข่งใช้ ผมตัดสินใจเลือกน้ำมันเครื่อง Eneos 0W-20 ซึ่งไม่มีในศูนย์บริการ โดยพร้อมกันนี้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ CVT ,Eneos Sustina , ไปด้วยเลยพร้อมกัน
ออกมาสบายกระเป๋า โดนไปอีก 6 พันกว่าบาท แต่รถขับดีขึ้นเยอะมาก รถดูลื่นขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าการใช้น้ำมันค่อนข้างใส มีความเสี่ยงตรงน้ำมันเครื่องอาจขาดหรือหายได้ เนื่องจากบ้านเราเมืองร้อน แต่ผมดูตามคำแนะนำของซูบารุในคู่มือแล้วอยากลองอะไรใหม่ๆ บ้าง
ผ่านไปได้ 2 เดือน ก็ถึงเวลาเปลี่ยนยางให้เจ้าส้ม อันที่จริงยางเดิมติดรถมาก็ยังสภาพดี แต่หน้ายางเริ่มสึกหรอตามอายุการใช้งาน แถมยางติดรถออกมาจากโรงงาน ก็ 3 ปีแล้ว เดือนเองขับไปทำงานก็ค่อนข้างใช้ความเร็ว เกรงว่าวันหนึ่งยางจะรับไม่ไหว
ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนยาง โดยหันมาใช้ยาง Yokohama DB decibel V551 (ตอนนั้น V552 ยังไม่ออกมาขาย) สาเหตุที่เลือกยางชุดนี้ เนื่องจากยางเดิม Continental MC5 เป็นยางที่ขับได้ดีเกาะถนนแน่นอน แต่เสียงดังมากๆ ผมเองเคยมีประสบการณ์ที่ดีกับยาง Yokohama จึงมั่นใจว่า ยางรุ่นนี้น่าจะดีและวางใจ
เมื่อใส่เจ้าส้ม รถเงียบนุ่มสบาย นั่งสบายขึ้น และเหมาะสมกับเส้นทางที่เราใช้งานประจำ ขับบนถนนทั่วไป ผมเคยลองเอาสีส้มเข้าโค้งในต่างระดับบางปะหันออกสายเอเซีย สามารถทำความเร็วในโค้งได้ถึง 130 ก.ม./ช.ม. หรือในโค้งแถวบ้าน ตัดจากถนน ราชพฤกษ์กลับไปยังถนนชัยพฤกษ์ มุ่งหน้าเข้าปากเกร็ด ก็ทำความเร็วที่ดีขึ้น
ให้หลังจากเปลี่ยนยางไม่นาน มีงานประจำปีของซูบารุ ผมไปซื้อ สติกเกอร์ที่หายไป , ซื้อค้ำโช๊คมาติดตั้ง จนเจ้าส้มกลับมาเทียบเท่ารถใหม่ แล้ว
ใหม่มา …ตัดสินใจไม่ผิด
และแล้วในที่สุด Subaru XV ใหม่ ก็มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย คำถามที่เราอยากรู้เสมอแตกต่างอย่างไรกับรถเราบ้าง
ทันทีที่พี่จิมมี่ Headlightmag.com เอารถมาทดสอบ ผมรีบติดต่อขอรถทดสอบมาขับดูบ้าง จะได้รู้ว่ามันน่าสนใจมากแค่ไหนกัน
หลังจากขับโดยเลือกเอาเส้นทางกรุงเทพสวนผึ้ง เราขับทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าไปพร้อมกัน ผมกับเดือนชอบรุ่นใหม่ตรงที่มันขับสบายกว่านุ่มนวล แถมเครื่องยนต์ใหม่ก็ประหยัดกว่า “เจ้าส้ม”มาก นี่ไม่นับฟังชั่นใหม่อย่าง X Mode ที่ทำให้รถรุ่นใหม่ ลุยได้ดีขึน แต่เราทั้งสองต่างลงความเห็นว่า ทายาทรุ่นใหม่ ขับดีก็จริงหากมันขาดความเป็นซูบารุอยู่ข้อ
มันไม่ดิบ อย่างที่เคยเป็น “เจ้าส้ม” ได้ความดิบมากกว่าในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด มันขับได้อย่างมั่นใจในความเร็วสูง มันก็ยังมั่นใจ แถมใครมาเล่นกับคุณ ก็เพียงลากไปข่มขืนในโค้ง พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมาย่างกรายกับคุณอีก เราชอบก็ตรงนี้
ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่รุ่นใหม่ขับได้ไม่ดีเท่าของรุ่นเรา แต่มันดีในแบบของมัน ดีในแบบที่คนมองหาอเนกประสงค์ต้องการ หากอยากได้ความเป็นซูบารุแท้ๆ ผมว่า “เจ้าส้ม” ดีกว่า และเราภูมิใจ
สรุป 1 ปี 2014 Subaru XV คู่มิตรคู่ใจ ห่วงใยเธอ
กว่า 365 วัน ที่ใช้ชีวิตกับ Subaru XV ผมกับเดือน ยอมรับว่า รถรุ่นนี้เป็นรถที่ลงตัว เหมาะกับเรา และตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกซื้อเขาเข้ามาในบ้าน
ผมพูดเสมอว่า “รถเลือกคน” บางคนอาจจะขำกลิ้ง มันเป็นไปมาได้ แต่เรื่องนี้ผมเจอมาบ่อย อย่างกรณีเจ้าส้ม มันเป็นรถที่เราไม่เคยคิดจะได้มันมาครอบครองมาก่อน
ย้อนไป 3 ปี ตอนรับรถ ซูบารุ เอ็กซ์วี มาทดสอบ ครั้นเมื่อมันเปิดตัวใหม่ๆ ผมยอมรับว่า ซูบารุเป็นรถที่ขับดี ต่ราคายังค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับฟังชั่น และ ไม่เคยมองอย่างอื่น นอกจากสมรรถนะในการขับขี่จากบริษัทรถยนต์รายนี้
แต่น่าแปลกเมื่อเราเป็นเจ้าของ มีโอกาสใช้ชีวิตกับรถรุ่นนี้นานๆ ผมกลับรู้สึกรักมันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นรถที่วางใจได้ทุกการขับขี่ และไปได้ในที่ที่คุณคิดว่าไปไม่ได้ มันลุยได้สมคำร่ำลือ จนน่าประหลาดใจ
เป็นรถที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุมในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก แถมเมื่อนับเทียบกับรถแบรนด์อื่นๆ ผมในฐานะที่เป็นคนขับรถบาทาโหดยอมรับว่า ให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัยมาก วางใจได้ ยิ่งผมไม่ได้ขับเอง ให้เดือนขับเสียส่วนใหญ่ ผมต้องการอะไรที่ปกป้องเขาได้ และมั่นใจว่า เมื่อเขาไม่มีเรา เขาก็ยังอุ่นใจ
กว่าปีที่ผ่านมา “เจ้าส้ม” Subaru XV เคียงข้างชีวิตเราเหมือนมิตรแท้ ผมรู้สึกดีที่มีมันมาเป็นคู่ใจในชีวิตเรา และรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เลือกเขามารับหน้าที่สำคัญในการเดินทาง
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
